ทำตัวเองลำบาก
หากไม่นับช่วงสิบห้านาทีแรกที่เริ่มต้นย่ำแย่ เกมกับผีแดงคืออีกเกมที่ลูกน้อง อาร์แซน เวนเกอร์ บุกเข้าใส่คู่แข่งจนไม่รู้จะพับสนามยังไงอีกแล้ว
พวกเขาหาโอกาสยิงได้มากกว่าสามสิบครั้ง แต่สุดท้ายลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ ไม่ได้อะไรติดมือทั้งที่ทุ่มเทสุดชีวิต
ผลกระทบต่อเนื่องจากเกมที่เล่นดีแต่ไม่มีแต้มแบบนี้เกิดขึ้นหากรู้จักเปลี่ยนเป็นแรงกระตุ้นให้สู้ต่อก็ดีไป แต่หากออกอาการท้อแท้ก็มีแต่บั่นทอนกำลังใจให้มีแต่ล้มต่อเนื่อง
การมาเยือนรังเดอะ เซนต์ ในเกมนี้ เวนเกอร์ กลับมาใช้งานชุดใหญ่เต็มสูบอีกครั้งหลังพักยกทีมในเกมยูโรปา ลีก นัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม
แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ได้ลงแทนรุ่นน้องร่วมชาติอย่าง ชโคดราน มุสตาฟี่ ที่บาดเจ็บ และเป็นจุดเดียวที่เปลี่ยนจากเกมกับผีแดง
ยังไม่ทันได้เห็นการตอบสนองที่เป็นชิ้นเป็นอัน ปืนใหญ่เสียประตูอย่างรวดเร็วตั้งแต่ 3 นาทีแรก
ภาพความผิดพลาดแบบเดิมถูกฉายซ้ำอีกรอบในเวลารวดเร็ว
แนวรับออกบอลมั่ว คู่แข่งได้สวนทันที และจากนั้น ปีเตอร์ เช็ก ก็โดนล่อเป้า
ไม่มีอะไรแปลกใหม่หรือพิศดารในความอ่อนด้อยของเกมรับ
น่าแปลกใจตรงที่ว่าทำไม เวนเกอร์ ถึงปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
ชาร์ลี ออสติน หลุดไปยิงง่ายดายตั้งแต่ต้นเกม
จริงอยู่ว่า แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ต้องรับผิดชอบในจังหวะเสียประตูทั้งเคลียร์บอลไม่ขาด แถมยังสะดุดขาตัวเองล้มจน ชาร์ลี ออสติน ได้หลุดไปดีดตุงตาข่ายง่ายๆ
แต่ปัญหาในภาพรวมของทีมคือ อาร์เซน่อลเริ่มเกมเหมือนคนที่ยังไม่ตื่นดีนัก มีอาการงัวเงียราวกับเพิ่งลุกจากเตียงนอน ต้องโดนตบหน้าแรงๆ ถึงจะเรียกสติตัวเองได้
ถ้าควาามผิดพลาดแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นราว 2-3 เดือนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น
การมาเยือนรังนักบุญไม่เคยเป็นงานที่ง่ายอยู่แล้วเมื่อสถิติ 6 นัดหลังในลีกบันทึกไว้ว่า ปืนใหญ่เก็บชัยชนะออกไปได้เพียงครั้งเดียว
และครั้งนี้ เวนเกอร์ ก็ทำให้งานของตัวเองยากยิ่งไปกันใหญ่
เซาธ์แฮมป์ตันอาจไม่ได้มีฤดูกาลที่ดีนัก แต่การเจอทีมใหญ่ล่าสุดในวันไปเยือนแมนฯ ซิตี้ ส่งสัญญาณเตือนอาร์เซน่อลให้ควรต้องรู้ตัวว่าห้ามประมาทแม้เสี้ยววินาทีเดียว
แนวรุกนักบุญเล่นเกมโต้กลับได้อันตราย นาธาน เร้ดมอนด์ เป็นผู้เล่นที่มีความเร็ว ขณะที่ ชาร์ลี ออสติน ก็กลับมาเข้าฝักอีกครั้ง
ยิ่งกองหลังตัวสุดท้ายเป็น แมร์เตซัคเกอร์ ผู้เป็นญาติห่างๆ ของหอยทาก ยิ่งเข้าทางแท็กติกของ เมาริซิโอ เปเยกรีโน่ ที่รับให้แน่นและโต้ให้เร็ว
ในหลายครั้งที่อาร์เซน่อลพยายามดันสูงเพื่อขึงเกมรุกใส่เจ้าถิ่น แนวรับยืนลอยจนเหลือพื้นที่โล่งก่อนระหว่างตัวสุดท้ายกับ ปีเตอร์ เช็ก
เมื่อไหร่ก็ตามที่นักบุญตัดบอลได้ก็แค่เพียงแทงง่ายๆ เข้าช่องระหว่าง 3 เซนเตอร์ ทำบ่อยๆ ยังไงก็ได้ลุ้น
ปืนใหญ่ไม่สามารถครองเกมรุกเข้าใส่ได้ต่อเนื่องเหมือนวันเจอผีแดงเพราะเกมนี้จ่ายบอลผิดพลาดกันง่ายมาก
อเล็กซิส ซานเชซ คนเดียวทำบอลเสียไป 32 ครั้งตลอดทั้งเกมซึ่งนี่คือตัวเลขที่เยอะเกินไป ไหนจะขาประจำอย่าง กรานิต ชาคา อีกราย
ในอดีต อาร์เซน่อล "เคย" เป็นทีมที่ต่อบอลเท้าสู่เท้าแม่นยำ ลูกบนพื้นเก่งกาจไม่แพ้ใคร หากไม่เจอเพรสซิ่งหนักแบบบาร์เซโลน่ายุค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังไงก็เอาตัวรอดได้
แต่ความแม่นยำตรงนี้ลดลงไปฮวบฮาบ และกลายเป็นจุดอ่อนที่ถูกคู่แข่งโจมตีเป็นว่าเล่น
การไม่มีกลางรับธรรมชาติยิ่งเหมือนทำถนนคอนกรีต (อ่านว่า คอน-กรีด ไม่ใช่ คอ-นก-รีด) ราบเรียบให้คู่แข่งได้ลำเลียงบอลเข้าหาตัวเองง่ายดาย เหมือนขับรถชมวิวโดยไม่มีเด็กแว้นปาดซ้ายปาดขวา
เวนเกอร์ ไม่มีทางเซตเกมรับให้เหนียวแน่นกว่านี้ได้ตราบใดที่ไม่หาใครสักคนมาทำหน้าที่คอยสกรีนชั้นแรกก่อนถึงกองหลังและผู้รักษาประตู
เราจะตักน้ำใส่ตุ่มให้เต็มได้อย่างไรหากก้นตุ่มยังรั่วแบบนี้
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ลงมาโขกสำรองช่วยทีมรอดตาย
ความประมาท และชะล่าใจของ เวนเกอร์ ทำให้เขาต้องจ่ายค่าเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่า
ทีมควรต้องดึงกองกลางตัวรับชั้นดี รวมถึงเซนเตอร์ที่ไว้ใจได้มาร่วมทีมตั้งแต่ซัมเมอร์ แต่ก็เมินเฉย แถมปิดตลาดด้วยการมีกำไรจากการขายนักเตะอีกต่างหากทั้งที่ควรทุ่มทุนครั้งใหญ่
เมื่อทีมไม่ได้มีขุมกำลังที่พร้อมสำหรับการลุ้นแชมป์ เวนเกอร์ จึงทำได้เพียงสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ แถมยังประเมินศักยภาพคู่แข่งต่ำเกินไป
ผ่านมาถึงตรงนี้ แมนฯ ซิตี้ ทิ้งห่างอาร์เซน่อลไปแล้ว 17 คะแนน คงไม่มีคนบ้าหน้าไหนที่เพ้อฝันว่าปืนใหญ่ยังไม่หมดลุ้นแชมป์
มุมที่ เวนเกอร์ ควรต้องมองและยอมรับคือ หากตัดเรือใบที่คงเดินหน้าสู่ตำแหน่งแชมป์ไมช้าก็เร็ว ทีมอื่นในกลุ่มนำยังมีคะแนนไม่ห่างกันมาก
อันดับ 2 อย่างแมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ลงมาจนถึงอันดับ 7 เบิร์นลี่ย์ มีระยะห่างเพียง 6 คะแนน
เป้าหมายท็อปโฟร์เพื่อกลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังอยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้ ส่วนเรื่องตำแหน่งแชมป์ปล่อยให้ เป๊ป และลูกทีมเตรียมงานฉลองกันไป
ในขณะที่เรือใบเก็บ 18 คะแนนเต็มในการเจอสโต๊ค ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, วัตฟอร์ด, เซาธ์แฮมป์ตัน และ แมนฯ ยูไนเต็ด
อาร์เซน่อล ทำได้เพียง 2 คะแนนกับ 6 ทีมนี้
แค่นี้ก็มากเพียงพอแล้วที่ เวนเกอร์ ต้องรู้ตัวเองว่าถูกทิ้งไว้ข้างหลัง...แบบไกลลิบ
ลูกโขกของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ แค่ช่วยให้เอาตัวรอด แต่ตราบใดที่ไม่ตื่นตัวในทันทีที่เดินลงสู่สนาม และขยันก่อความผิดพลาด อาร์เซน่อลก็จะทำตัวเองให้ต้องลำบากแบบนี้ร่ำไป ไม่จบไม่สิ้น