ตัดเกรดเกมหงส์-ปืน: สัญญาณที่ดีของคล็อปป์-อาร์ต
และนี่ คือการตัดเกรดของผู้เล่นทั้ง 2 ทีม ซึ่งจะตรงใจผู้อ่านบ้างหรือเปล่านั้น เรามาดูกันครับ
อาร์เซน่อล
เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ: 7 / 10
นายทวารมือกาวรายนี้ได้รับโอกาสลงสนามก่อน แบรนด์ เลโน่ และสามารถโชว์ฟอร์มป้องกันประตูได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการเซฟลูกยิงของ ซาดิโอ มาเน่
ร็อบ โฮลด์ดิ้ง: 6 / 10
เข้าประกบ มาเน่ ได้เป็นอย่างดีในช่วงครึ่งแรก รวมไปถึงยังสามารถช่วยป้องกันบอลยาวจาก ลิเวอร์พูล ได้หลายครั้ง ทว่าในครึ่งหลังกลับมีความผิดพลาดและฟอร์มเริ่มหลุดไปเรื่อย ๆ
ดาวิด ลุยซ์: 7 / 10
ดาวเตะหัวฟูแสดงความเป็นผู้นำในแผงเกมรับได้ดีเมื่อต้องเล่นระบบหลัง 3 และสามารถเป็นคนหยุดเกมบุกของ ลิเวอร์พูล ได้หลายต่อหลายครั้งอีกด้วย
คีแรน เทียร์นี่ย์: 7 / 10
ทำหน้าที่ในเกมรับได้ดีเหลือเชื่อ แม้ก่อนเกมจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน อยู่บ้าง แต่กับบทบาทกองหลังตัวกลางฝั่งซ้าย เทียร์นี่ย์ สามารถปรับตัวและเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม
เฮคเตอร์ เบเยริน: 6 / 10
เล่นได้ไม่ดีนักในช่วงต้นเกม ก่อนจะค่อย ๆ ปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะถูกถอดออกในนาทีที่ 58
เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์: 7 / 10
วิงฝั่งซ้ายวัย 23 ปี ทำผลงานได้เสมอตัว ฟอร์มการเล่นดูพัฒนาขึ้น เล่นอย่างมีวินัยและยังทำหน้าที่ในการยิงจุดโทษได้อย่างเยือกเย็นอีกด้วย
โมฮาเหม็ด เอลานี่: 7 / 10
ครองเกมตรงกลางเข้าคู่กับ กรานิต ชาก้า ได้อย่างไหลลื่น สามารถแย่งบอลสำเร็จ 5 ครั้ง มากที่สุดในทีม และดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นเช่นกันหลังกลับมาจากการยืมตัวที่ เบซิคตัส
กรานิต ชาก้า: 7 / 10
คุมเกมตรงกลางด้วยความมีวินัย อีกทั้งยังจับคู่กับ เอลานี่ ได้เป็นอย่างดี และยังตัดบอลจากคู่แข่งได้ถึง 3 ครั้งอีกด้วย
บูยาโก้ ซาก้า: 8 / 10
นอกจากลูกครอสที่ทรงประสิทธิภาพให้ โอบาเมยัง แล้ว ซาก้า ยังมีส่วนร่วมต่อเกมที่ดีเยี่ยมอีกด้วย เขาสร้างโอกาสให้ทีมได้ถึง 4 ครั้ง และจ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 94% ในเกมนี้
เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียร์: 7 / 10
รับบทเป็นตัวชนในแดนหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง และเกือบมีชื่อเป็นผู้ทำประตูไปแล้วหาก อลิสซอน ไม่โชว์ซูเปอร์เซฟไปเสียก่อน
ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยัง: 8 / 10
นอกจากจะทำประตูได้อย่างเด็ดขาดแล้ว โอบายังมีส่วนร่วมต่อเกมและเป็นรุ่นพี่คอยซัพพอร์ตรุ่นน้องได้เป็นอย่างดี แถมในช่วงดวลจุดโทษก็ยังเยือกเย็นสมเป็นกองหน้าหมายเลข 1 ของทีมอีกต่างหาก
ตัวสำรอง
เซเดริค โซอาเรส: 6 / 10
ลงมาแทน เบเยริน มีเวลาในสนามครึ่งชั่วโมง ผลงานไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้เด่นจนเปลี่ยนเกมอะไรมากนัก
โจ วิลค็อก, รีสส์ เนลสัน และ โคลาซินัค: ลงมาช่วงท้ายเกม ตัดเกรดอะไรมากไม่ได้
ลิเวอร์พูล
อลิสซอน เบ็คเกอร์: 7 / 10
ผลงานยังคงอยู่ในมาตรฐานไม่มีตก ลูกของ โอบาเมยัง นั้นสุดความสามารถ แต่เซฟของเขาที่ปฏิเสธลูกของ เอ็นเคเทียร์ ตอนที่ทีมยังตามหลังอยู่นั้น ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ยังอยู่ในเส้นทางและไม่เจองานยากในช่วงเวลาที่เหลือ
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน: 8 / 10
วิ่งงานตรงริมเส้นด้วยความขยันเหมือนเคย แถมลูกครอสจากริมเส้นก็ยังคงคุกคาม อาร์เซน่อล ได้ตลอด เป็นแบ็คที่มีอัตราการจ่ายบอลในแดนคู่แข่งมากถึง 39 ครั้ง มากกว่าจ่ายบอลในแดนตัวเองด้วยซ้ำ อีกทั้งยังวางบอลยาวเข้าเป้า 2 จาก 7 ครั้ง และครอสบอลจากริมเส้นมากถึง 14 ครั้งอีกด้วย
โจ โกเมซ: 7 / 10
ไม่ได้เล่นย่ำแย่อะไรเลยสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง หลายครั้งหลายหนยังคอยช่วยแบ่งเบางานของ ฟาร ไดจ์ค ได้เป็นอย่างดีอีกต่างหาก และ โกเมซ ยังเป็นนักเตะที่สามารถแย่งบอลสำเร็จได้มากที่สุดในสนามเป็นอันดับ 2 รองจาก ฟาน ไดจ์ค เพียงคนเดียวเท่านั้นสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค: 7 / 10
ทำผลงานได้ตามมาตรฐานระดับสูงเหมือนเคย ตามประกบ เอ็นเคเทียร์ ได้ดี และยังเป็นคนที่แย่งบอลได้มากที่สุดในสนามอีกด้วย
เนโก วิลเลี่ยมส์: 5 / 10
ตื่นสนามมากเกินไป และยังมีส่วนต่อการเสียประตูของทีม ทว่า เอาตรง ๆ แล้ว ภาพรวมของเจ้าหนู วิลเลี่ยมส์ ก็ไม่ได้แย่มากขนาดที่ติเตียนกันเท่าไหร่นัก เพราะเขาสามารถแย่งบอลกลับมาสำเร็จถึง 3 ครั้ง และมีจังหวะบล็อคลูกยิงช่วยทีมไว้ได้อีก 1 ครั้งด้วยกัน ที่ต้องเพิ่มเติมคือความนิ่งและประสบการณ์ ซึ่งของแบบนี้ต้องใช้เวลา
เจมส์ มิลเนอร์: 6 / 10
ก้ำกึ่งจะตัดเกรดเป็น 7 อยู่เหมือนกันสำหรับ มิลเนอร์ แต่ในเกมนี้นอกจากภาวะผู้นำ ความขยันและความทุ่มเทแล้ว ดูเหมือนว่า มิลเนอร์ จะประคองเกมตรงกลางสนามสู้ทางฝั่ง ชาก้า กับ เอลานี่ ไม่ได้เลย จึงทำให้สุดท้ายต้องจำใจตัดเกรดคะแนนในเกมนี้ออกมาเป็น 6 แทน
ฟาบินโญ่: 6 / 10
ไม่ใช่เกมที่ ฟาบินโญ่ เล่นได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีเท่ามาตรฐานที่เขาเคยทำได้ ถึงอย่างนั้น เขาก็มีเปร์เซนต์จ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 91% เลยทีเดียว
จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม: 6 / 10
เป็นอีกคนที่เล่นได้ตกจากมาตรฐานของตัวเอง ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าการบีบเกมตรงกลางสนามของ อาร์เตต้า ที่สั่งให้ลูกทีมเข้าประชิดตัวเร็วนั้น ทำให้เหล่ากองกลางของ ลิเวอร์พูล เจอความยากลำบากในการเล่นไม่ใช่น้อยเลย
ซาดิโอ มาเน่: 7 / 10
มีจังหวะวูบวาบและคุกคามกองหลัง อาร์เซน่อล ได้หลายครั้ง น่าเสียดายที่ลูกยิงของเขาถูก มาร์ติเนซ ป้องกันเอาไว้ได้
โมฮาเหม็ด ซาล่าห์: 6 / 10
เป็นเกมที่ ซาล่าห์ ค่อนข้างเงียบและหายไปจากเกม ตลอด 90 นาที ดาวเตะชาวอียิปต์ ได้สัมผัสบอลเพียง 30 ครั้งและได้ง้างเท้ายิงเพียงครั้งเดียว แถมถูกบล็อคเอาไว้ได้อีกต่างหาก
โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่: 6 / 10
แม้จะไม่ใช่วันที่ดีของเขา แต่ ฟิร์มิโน่ ก็ยังคีย์พาสสวย ๆ ให้ทีม 2 ครั้ง และคอยเชื่อมเกมช่วยทีมได้เป็นอย่างดีอยู่ตลอดเหมือนที่เคยเป็นมา
ตัวสำรอง
นาบี เกอิต้า: 7 / 10
ลงมาแทน มิลเนอร์ และสามารถช่วยเกมตรงกลางของ ลิเวอร์พูล ให้ดีขึ้นทันตา จังหวะการพาบอลไปกับตัวของเขาช่วยให้เกมตรงกลางสนามแก้เพรสจาก อาร์เซน่อล ได้เป็นอย่างดี และ 34 นาที ที่อยู่ในสนาม เกอิต้า มีส่วนร่วมต่อเกมมากจริงๆ
ทาคุมิ มินามิโนะ: 7 / 10
นอกจากจะลงมายิงตีเสมอให้ทีมแล้ว ดูเหมือนว่า มินามิโนะ จะเริ่มปรับตัวให้เข้ากับระบบทีมได้ไหลลื่นขึ้นอีกด้วย
เคอร์ติส โจนส์ และ เรียน บรูว์สเตอร์: ลงมาช่วงท้ายเกม ตัดเกรดไม่ได้
โค้ชทั้ง 2 ทีม
มิเกล อาร์เตต้า: 7 / 10
กุนซือหนุ่มวางแผนมารับมือกับ เกเก้น เพรสซิ่ง ของ คล็อปป์ ได้เป็นอย่างดี เขาเลือกใช้ทรัพยากรในมือและพัฒนานักเตะให้สามารถลงเล่นกับทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างสูสี ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแสดงฝีมือการวางหมากมารับมือกับทีมใหญ่ได้อย่างเห็นผล แต่เขาทำมาได้ตลอดตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว สิ่งที่ยังอยู่ในเครื่องหมายคำถามคงมีเพียงแค่เรื่องการแก้เกมระหว่างแมตช์ ที่เกมนี้ต้องยอมรับว่า คล็อปป์ทำได้ดีกว่า
เจอร์เก้น คล็อปป์: 7 / 10
บางคนบอกว่า คล็อปป์ เริ่มโดนจับทางได้ แต่ผมคิดว่าคล็อปป์ก็รู้เรื่องนี้ดีไม่แพ้กันหรอก ทว่า สิ่งที่เขากำลังปรับจูนในช่วงปรี ซีซั่น และในเกมนี้ กำลังแสดงให้เห็นว่ากุนซือชาว เยอรมัน ก็มีไอเดียสำรองในการปรับทีมอยู่ในหัวแล้วนะ เกมนี้เหมือนการทดลองอะไรหลาย ๆ อย่าง และการแก้เกมในช่วงครึ่งหลังก็แสดงให้เห็นว่า เจเค ยังคงเป็นกุนซือที่แก้ปัญหาได้เก่งอยู่เหมือนเคย
และมันคงจะเวิร์คมากกว่านี้ ถ้าหากดีลของกองกลางรายใหม่จะสามารถลุล่วงก่อนฤดูกาลใหม่เริ่ม
ซึ่งผลพวงจากเกมนี้ คงทำให้ทีมซื้อขายต้องเร่งมือมากขึ้นแล้วจริง ๆ สำหรับ “มิติใหม่” ในแดนกลาง ที่ชื่อว่า “ติอาโก้ อัลคันทาร่า”