:::     :::

ดาบสองคม

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
10,993
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตอนนี้คงไม่มีแฟนบอลทีมไหนที่มีความสุขไปกว่าเหล่าสาวกของ เชลซี อีกแล้ว

ในขณะที่ทีมคู่แข่งดูจะยังไปไม่ถึงไหนในตลาดซัมเมอร์นี้ โรมัน อบราโมวิช เซ็นเช็คเป็นว่าเล่นในการเสริมทัพเพื่อสู้ศึกฤดูกาล 2020/21

ฮาคิม ซิเย็ค, ทิโม แวร์เนอร์, เบน ชิลเวลล์, มาล็อง ซาร์ และ ติอาโก้ ซิลวา ตบเท้าเข้าสู่สโมสรกันอย่างต่อเนื่อง ใช้เงินไปแล้วร่วม 130 ล้านปอนด์

และยังไม่หยุดแค่นี้ด้วย!


ไหนจะยังมี ไค ฮาแวร์ตซ์ ของ เลเวอร์คูเซ่น ที่จ่อจะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่อีก หรือจะข่าวว่าเตรียมเดินหน้าดึง เดแคลน ไรซ์ อีกคนมาจาก เวสต์แฮม ด้วย และอาจจะบวกผู้รักษาประตูเข้าไปอีกคน

ต้องบอกว่าแต่ละคนที่เข้ามานั้นล้วนใช้งานได้เลย เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่รับใช้สโมสรเก่าของตัวเองมาอย่างโชกโชนแถมผลงานอยู่ในระดับที่ใช้คำว่าดีได้เลย

เรียกได้ว่า "จิ๊กซอว์" ที่ทาง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องการแทบจะได้มันมาพร้อมกันในระยะเวลาเพียงแค่ซัมเมอร์เดียวเท่านั้น

ตอนนี้แฟนบอลทุกคนแทบจะลืม วิลเลี่ยน กับ เปโดร โรดรีเกซ ที่ย้ายออกจากทีมไปแบบฟรีๆกันแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเสียงบ่นเสียดายกันบ้าง


การเดินหมากเรื่องเสริมทัพของ เชลซี โดยเฉพาะในแนวรุกแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการยกระดับทีมขึ้นมาไม่ใช่แค่การลุ้นโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแต่ต้องการไปถึงการแย่งแชมป์กับทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือจะบวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าไปด้วยอีกทีม

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลที่ผ่านมาหลายอย่างสะท้อนให้เห็นว่าทีมที่มีอยู่ยังไม่ดีพอ และต้องเสริม ซึ่งพวกเขาก็เดินหน้าแก้ไขในทันที

แทมมี่ อบราฮัม ที่ดูจะเป็นที่พึ่งได้ในแดนหน้าหลังยิงประตูต่อเนื่องเป็นดาวยิงสูงสุดของทีม แต่ว่าในช่วงครึ่งหลังของซีซั่นแทบจะหายหน้าไปเลย แสดงให้เห็นถึงเรื่องของการยืนระยะที่ยังไม่ดีพอ


เช่นเดียวกับในรายของ เมสัน เมาท์ ที่ดูจะเป็นความหวังใหม่ในแนวรุกที่ดูวูบวาบในช่วงต้นฤดูกาล แต่เล่นไปเล่นมาเหมือนโดนคู่แข่งจับทางได้ กลายเป็นแค่แนวรุกธรรมดาคนนึงเท่านั้น

หรือจะ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่ถูกมองว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นแนวรุกคนสำคัญหลังจากที่ทีมยื้อจนต่อสัญญาใหม่กับทีมได้ในที่สุดจากที่ก่อนหน้านี้ บาเยิร์น มิวนิค รุกหนักหวังดึงไปร่วมทีมก็ดูจะยังไม่ดีพอที่จะสู้กับแนวรับในพรีเมียร์ลีกตอนนี้

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่หนีไม่พ้นกองหลังที่ปีนี้เสียประตูกันเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะในตำแหน่งเซนเตอร์ และเมื่อดูจากเกมที่ลงสนามทั้ง อันเดรียส คริสเตนเซ่น (28), คูร์ท ซูม่า (43), ฟิคาโย่ โทโมรี่ (22) และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ (26) ดูเหมือนว่าทีมแทบจะหาคู่หูที่เล่นกันอย่างลงตัวได้เลย

ถึงขนาดที่บางครั้งปรับมาใช้ระบบ 3 เซนเตอร์ก็ดูจะดีเป็นพักๆเท่านั้น อยู่ได้ไม่นานก็กลับมาเล่นระบบ 4 กองหลังเหมือนเดิม

ส่วนในตำแหน่งผู้รักษาประตูต้องยอมรับว่าบางครั้งมันก็มีผลกระทบมาจากกองหลังที่อ่อนปวกเปียกนั่นแหละ จนทำให้ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า โดนวิจารณ์อย่างหนัก


ตำแหน่งนี้คงจะไม่ได้หวือหวาอะไรมากมาย และท้ายที่สุดแล้วไม่แน่ว่าทีมอาจจะยังรอดูสถานการณ์ในซีซั่นนี้ต่อไปอีกปี

กองหลังได้ ติอาโก้ ซิลวา ที่ประสบการณ์ไม่เป็นรองใครในโลกพร้อมใช้งานทันทีกับ มาล็อง ซาร์ ที่เป็นอะไหล่ชั้นเยี่ยมหรือจะเล่นตัวจริงก็ได้ ไหนจะ เบน ชิลเวลล์ ที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ถือว่ากองหลังแน่นขึ้นแน่นอน

แดนกลางดูจะไม่มีอะไรที่ต้องห่วงกับการมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ และ มาเตโอ โควาซิช อยู่แล้ว รวมถึง รอสส์ บาร์คลี่ย์ กับ บิลลี่ กิลมัวร์ ที่พร้อมสอดแทรกเข้าไป

แนวรุกมาเต็มทั้ง ฮาคิม ซิเย็ค ที่เล่นทางริมเส้นมาช่วยพวก คริสเตียน พูลิซิช, เมสัน เมาท์ และ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย กองหน้ามี ทิโม แวร์เนอร์ มาคอยกระตุ้น แทมมี่ อบราฮัม ร่วมด้วยกับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์

        

ต้องบอกว่าตอนนี้ขุมกำลังพร้อมสำหรับการสู้ศึกฤดูกาลใหม่แล้ว รอดูว่าจะมีใครมาเสริมอีก

แต่ก็นั่นแหละการที่ทีมทุ่มเงินซื้อแข้งดังมาเสริมทีมมากมายมันก็นำมาซึ่งความคาดหวังที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ม ต้องแบกรับเอาไว้

ไม่ใช่แค่ต้องทำผลงานให้ดีเท่านั้น แต่มันอาจจะรวมถึงว่าทีมจะต้องมีแชมป์สักรายการติดมือให้ได้ เพราะสำหรับ โรมัน อบราโมวิช พร้อมที่จะกุนซือทุกคนออกจากทีมหากผลงานไม่เข้าเป้า

นั่นแหละสิ่งที่นายใหญ่ทัพสิงห์ต้องเจอ


ไม่ง่ายแน่กับการที่จะต้องผสมนักเตะใหม่ที่เข้ามาเกือบครึ่งทีมให้เข้าขากันเองรวมถึงกับแข้งที่มีอยู่เพียงในระยะเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ทีมไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวอะไรมากมายนัก

ฤดูกาลที่แล้วตามหลัง ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ 33 คะแนนในตารางพรีเมียร์ลีก, ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ตกรอบ 4 ในคาราบาว คัพ และผิดหวังในเกมชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ จะมองว่าเป็นปีแรกที่ดีก็ถือว่าดีสำหรับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด

กับปีนี้ที่ไม่มีพื้นที่ให้สำหรับความผิดหวังอีกแล้ว กุนซือวัย 42 ปีจะต้องรับผิดชอบเต็มๆ กับการเสริมทีมระดับนี้ก็เหมือนกับ "ดาบสองคม" ที่พร้อมจะเล่นงานคู่แข่งแต่ก็อาจจะย้อนมาหาตัวเองด้วยเช่นกัน

ปีนี้จะได้วัดกันล่ะว่าจะอยู่หรือจะไป


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด