:::     :::

ฮาเมส โรดริเกซ บทส่งท้ายที่น่าผิดหวัง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฮาเมส โรดริเกซ ตัดสินใจย้ายไป เอฟเวอร์ตัน ปิดฉาก 6 ปีกับ เรอัล มาดริด สำหรับแฟนชุดขาวแล้วการที่ทุกอย่างต้องลงเอยเช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะด้วยฝีเท้าของเขาแล้ว มันควรจะไปได้ไกลกว่านี้

        ฮาเมส โรดริเกซ เซ็นสัญญา 3 ปีย้าย ไป เอฟเวอร์ตัน เรียบร้อยแล้วนะครับ ถือเป็นการตัดสัมพันธ์เด็ดขาดกับ เรอัล มาดริด ซึ่งคาราคาซังมานาน และที่นั่นเขาจะได้ร่วมงานกับ 'คาร์เล็ตโต้' คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ที่รู้จักเขาดีที่สุดคนนึง 

ฮาเมส โบกมือลาไปพร้อมๆกับทิ้งเงิน ไว้ให้กับ เรอัล มาดริด 25 ล้านยูโร นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าเหนื่อยของทีมลงอีกปีละ 8 ล้านยูโร 

กับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังปักหัวลงเช่นนี้ ถือว่าส่งผลดีต่อสถานะทางการเงินของ มาดริด อย่างมาก ทว่าเมื่อมองในแง่ของฟุตบอลแล้ว ก็ให้รู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย 

ใครที่ตามดู ฮาเมส มาตั้งแต่ยุคแรกๆจะรู้ดีถึงคลาสและคุณภาพของเขา การที่ มาดริด ต้องเสียมิดฟิลด์โคลอมเบียไปให้ความรู้สึกคล้ายๆกับว่า “ขาดทุนทางฟุตบอล” เพราะตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ทีมไม่ได้ใช้งานเขาอย่างเต็มศักยภาพอย่างที่ควรจะเป็น 

  

หลังจากโชว์ฟอร์มระดับเวิล์ดคลาสในศึกเวิล์ดคัพที่ บราซิล เมื่อปี 2014 ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ไม่รอช้าที่จะทุ่มเงิน 80 ล้านยูโรคว้าตัว ฮาเมส มาร่วมทีมทันที 

80 ล้านยูโรเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่โลกลูกหนังกำลังพีค ถือได้ว่าเป็นราคาซื้อขายที่แพงระดับต้นๆของโลก แต่ถึงอย่างนั้นตัวเงินก็ยังสามารถชี้วัดคุณภาพของตัวนักเตะได้ แตกต่างจากยุคฟองสบู่ซึ่งเกิดขึ้นหลังจาก เปแอสเช โปรย 222 ล้านยูโรฉีกสัญญา เนย์มาร์ จาก บาร์เซโลน่า อันทำให้นักเตะอายุน้อยหรือเพิ่งเริ่มมีชื่อทะยานอัพค่าตัวจนดูเว่อร์วังเกินจริง 

จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมกับ โคลอมเบีย โดยเฉพาะจังหวะพักอกกลับตัวยิงใส่ อุรุกวัย ในรอบ 16 ทำให้แฟนๆมาดริดหลงรัก ฮาเมส แทบจะในทันทีหลังมีข่าวเซ็นสัญญา และในวันเปิดตัว เหล่ามาดริดิสต้าก็แห่กันมาร่วมงานมากถึง 45,000 คน

และ ฮาเมส ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ฤดูกาลแรกภายใต้การคุมทีมของ อันเชล็อตติ มิดฟิลด์โคลอมเบียระเบิดฟอร์มออกมาได้ทันที 

เขายิงประตูแรกใน แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ในเกมรอบแบ่งกลุ่มกับ บาเซิ่ล จากนั้นก็ยิงประตูแรกในลา ลีกา ในเกมกับ ลา กอรุนญ่า (พ่วงด้วยการทำอีก 1 แอสซิสต์)

ลงเอยฤดูกาล 2014-15 ฮาเมส ลงเล่นใน ลา ลีกา 29 นัด (มีปัญหาบาดเจ็บ 2 เดือน) ยิง 13 ,แอสซิสต์ 13 รวมทุกรายการยิง 17 แอสซิสต์16 เป็นตัวเลขที่น่าทึ่งเอามากๆ 

ฮาเมส โชว์ฟอร์มส่วนตัวได้ดี แต่โชคร้ายที่ เรอัล มาดริด กลับไม่ประสบความสำเร็จใดๆเลย 

ใน ลา ลีกา พวกเขาแพ้ บาร์เซโลน่า 92 ต่อ 94 คะแนนได้แค่รองแชมป์ , โกปา เดล เรย์ พ่ายให้อริร่วมเมือง แอตเลติโก มาดริด จอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทีมไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็เสียท่าให้ ยูเวนตุส อดเข้าชิงชนะเลิศ 

ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ไม่มีทางเลือก เขาตัดสินใจปลด อันเชล็อตติ ออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ของทีม และนั่นทำให้ชะตาชีวิตของ ฮาเมส เปลี่ยนไป

  จากหวานเป็นขม

ราฟา เบนิเตซ ถูกแต่งตั้งเข้ามา แต่ ฮาเมส ไม่ได้รับโอกาสลงสนามอย่างที่เคยได้ แม้จะหายเจ็บกลับมาแล้ว จนมีข่าวลือว่าทั้งคู่มีปัญหากัน 

เบนิเตซ ปฏิเสธข่าวทันทีว่าเขาไม่มีปัญหาอะไรกับ ฮาเมส พร้อมยังชมว่าเป็นยอดนักเตะ เพียงแค่ว่าเขาอยากให้ตัว ฮาเมส ลงซ้อมให้มากกว่านี้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่เขามองไว้ ซึ่งต่อมามิดฟิลด์โคลอมเบียก็ออกมาตอบโต้ว่าเขาพร้อมแล้ว เขาซ้อมได้ดี และไม่มีปัญหาอย่างที่ว่า 

ฮาเมส ยังคงไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามตามเดิม จนเขาเริ่มแสดงอาการไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่า ประเด็นขัดแย้งยังไม่ทันลุกลามใหญ่โต เบนิเตซ ก็ชะตาขาดเสียก่อน 

4 มกราคม 2016 ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประกาศปลด เบนิเตซ ออกจากตำแหน่งหลังผลงานทีมย่ำแย่ รวมทั้งมีปัญหาในการควบคุมนักเตะภายในห้องแต่งตัว พร้อมกับแต่งตั้ง ซีเนดีน ซีดาน เป็นกุนซือคนใหม่ภายใต้สัญญา 2 ปีครึ่ง 

ฝันร้ายของจริงสำหรับ ฮาเมส 

ซีดาน เป็นมือขวาของ อันเชล็อตติ ก็จริง แต่เขามอง ฮาเมส คนละแบบกับกุนซืออิตาเลี่ยนมอง หลังความพ่ายแพ้ต่อ แอต.มาดริด คา ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2016 ทำให้ ซีดาน พยายามมองหาความสมดุลให้กับทีม และก็มาเริ่มลงตัวกับแท็คติกการเล่นที่ใช้ เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ ปักหลักเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ

ภายใต้ระบบ 4-3-3 ทำให้ ซีดาน เหลือโควต้ามิดฟิลด์อีกแค่ 2 ตำแหน่ง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเทียบคุณภาพ ความสม่ำเสมอ และสิ่งที่มอบให้กับทีมแล้ว เขาตัดสินใจเลือกใช้งาน โทนี่ โครส กับ ลูก้า โมดริช เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเกม 

เมื่อรวมกับคู่แข่งรายอื่นๆในแผงมิดฟิลด์อย่าง อิสโก้ หรือ มาเตโอ โควาซิช ก็ยิ่งทำให้โอกาสของ ฮาเมส ลดน้อยลงไปอีก 

ว่ากันด้วยระบบการเล่นของ ซีดาน ไม่นิยมแท็คติกการเล่นที่มีหมายเลข 10 แบบคลาสสิค เขาไม่ต้องการจอมทัพ นักเตะทุกคนของเขาจำเป็นต้องเล่นเกมรับ ซึ่ง ฮาเมส ไม่สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ 

ฮาเมส เป็นตัวรุกที่ชอบยืนสูง และเล่นพื้นที่ตรงกลางด้านหลังคู่กองหน้า แต่ระบบของ ซีดาน นักเตะทุกคนจะต้องเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา  ต้องทำงานหนักในเกมรับด้วย 


ฮาเมส พยายามปรับเล่นเกมรับ แต่ก็ยื่นระยะสู้ โมดริช กับ โครส ไม่ได้ ร่างกายของเขาไม่แกร่งพอที่จะใช้พละกำลังหมดไปกับการวิ่งไล่คู่ต่อสู้ อีกทั้งโดยธรรมชาติ เขาไม่ใช่คนที่ขยันเล่นเกมรับมาแต่ไหนแต่ไร พูดง่ายๆคือเป็นลักษณะนิสัยที่ติดตัวมานาน ซึ่งแบบนี้แม้จะพยายามเปลี่ยน แต่ก็จะเปลี่ยนได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว พอเวลาผ่านไปก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม 

เมื่อทำตามสิ่งที่คาดหวังไม่ได้ ทำให้ ฮาเมส ถูก ซีดาน มองว่าไม่ดีพอจะลงเป็นตัวจริง แต่เมื่อได้โอกาสลงสนามทั้งตัวจริง หรือ เปลี่ยนลงไปในฐานะตัวสำรอง อีกสิ่งนึงที่มักเห็นอยู่บ่อยๆก็คือ ฮาเมส ไม่สามารถคว้าโอกาสนั้นได้ 

หากได้โอกาสเป็นตัวจริง เขาก็มักโดนเปลี่ยนตัวออกเป็นคนแรกเสมอ ต่อเมื่อลงเป็นตัวสำรองเขาก็ไม่อาจพลิกเกมได้ เมื่อเป็นเช่นนี้อยู่บ่อยครั้งเขา นานวันเข้า ฮาเมส จึงสูญเสียตำแหน่งตัวจริงอย่างถาวร 


นอกจากจุดด้อยในแง่สไตล์การเล่นแล้ว ฮาเมส ยังมีข้อเสียตรงการแสดงออกที่มักออกมาในแง่ลบอยู่เสมอๆ ในทุกครั้งที่เขาไม่พอใจมักไม่รีรอที่จะระเบิดออกมาโดยไม่เลือกว่าจะต่อหน้าสื่อมวลชน หรือแม้กระทั่งในสนาม 

ยกตัวอย่างเช่นเกมเยือน เลกาเนส เมื่อเดือนเมษายนปี 2017 ฮาเมส โดน ซีดาน เปลี่ยนตัวออกจากสนาม เขาปรี๊ดทันทีก่อนพ่นคำหยาบออกมา “เ...ด..แม่ ไม่เคยให้กูอยู่จนจบเกมเลย” เท่านั้นไม่พอ เมื่อเดินมาถึงม้านั่งสำรองเขายังทุบเก้าอี้เป็นการระบายอารมณ์โดยไม่สนใจใครอีกด้วย 

ในเคสเมื่อเร็วๆนี้ ฮาเมส ก็ออกมาพูดว่าการที่เขาได้กลับมายัง เรอัล มาดริด นั้นก็เพราะสถานการณ์บังคับ ไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องการ 

แม้จะเป็นความจริง แต่บทสัมภาษณ์หรือคำพูดบางคำพูดของ ฮาเมส ก็แสดงออกว่าเขาไม่ได้เคารพคนอื่นๆเท่าที่ควร โดยเฉพาะ ซีดาน ที่เขามักพาดพึงอยู่เสมอ 

ทั้งหมดทั้งมวลจึงกลายเป็นบทลงเอยที่น่าผิดหวัง เป็นช่วงเวลาค้าแข้งอันน่าเสียดายสำหรับ ฮาเมส ที่ ควรจะไปได้ไกลกว่านี้กับ เรอัล มาดริด 

มันอาจไม่ใช่ความผิดของ ฮาเมส ทั้งหมด กระนั้นจะโทษว่าเป็นความผิดของ ซีดาน ก็คงไม่ใช่ 

คงต้องโทษว่าฟุตบอลของทั้งคู่ไม่เคยเข้ากันได้เลย ธรรมชาติสร้างพวกเขามาคนละแบบจริงๆ 

เจมส์ ลา ลีกา




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด