นับตั้งแต่ตลาดเนื้อสดของพ่อค้าแข้งเปิด บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก ต่างหิ้วตะกร้าออกไปจับจ่ายใช้สอยกันอย่างไม่เกรงกลัว ไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ เลยนะครับ
คงจะมีแค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล เท่านั้นที่ค่อนข้างจะจำกัดจำเขี่ย พกลูกคิดดีดแล้วดีดอีกกว่าจะควักเงินออกมาใช้จ่ายแต่ละที อย่างในเคสล่าสุดที่กำลังค้างคาอยู่ในเวลานี้นั่นก็ใช่
ตีเอโก้ อัลคันทาร่า จะย้ายมา ลิเวอร์พูล มั้ย
และ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม จะย้่ายออกไปอยู่ กับ บาร์เซโลน่า รึเปล่า
ฟุตบอลจะเปิดอยู่รอมร่อ แต่ความชัดเจนของทั้ง 2 ดีล นี้กลับไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิด ดังนั้น ระหว่างรอคำว่า Deal done เรามาลองเปรียบเทียบศักยภาพของทั้งคู่กันเล่น ๆ ดีกว่า ว่าการย้ายมาของ ตีเอโก้ กับ การย้ายออกของ ไวจ์นัลดุม จะเกิดอะไรขึ้นกับเกมตรงกลางของ ลิเวอร์พูล กันบ้าง
การจ่ายบอล
เรื่องนี้ถือเป็นจุดสำคัญของนักเตะในตำแหน่งจอมทัพกลางสนามเลยก็ว่าได้ ตีเอโก้ มีเปอร์เซนต์ความแม่นยำในการจ่ายบอลสูงถึง 90% โดยแยกย่อยออกมาก็คือเขาจ่ายบอลสำเร็จไปมากถึง 1,626 จาก 1,826 ครั้ง ใน 24 นัด บนเกมลีก ขณะที่ ไวจ์นัลดุม มีเปอร์เซนต์สูงกว่าเล็กน้อยที่ 91% โดยจ่ายบอลสำเร็จ 1,476 จาก 1,621 ครั้ง ใน 37 นัด
จะเห็นว่าแม้เปอร์เซนต์ของ ตีเอโก้ จะน้อยกว่า 1% แต่จำนวนครั้งที่เขามีส่วนร่วมต่อเกมกลางสนามนั้น มีมากกว่า ไวจ์นัลดุม ถึง 205 ครั้ง แถมยังลงสนามน้อยกว่า 13 นัดอีกด้วย
การสร้างสรรค์โอกาส
ตีเอโก้ มีคีย์พาสสวย ๆ ที่ส่งผลต่อการได้ลุ้นทำประตูไป 20 ครั้ง จาก 24 นัด ขณะที่ ไวจ์นัลดุม ทำได้ 18 ครั้ง จาก 37 นัด
การเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง
ในข้อนี้ แม้ดูเผิน ๆ จะเหมือนเป็นหน้าที่ของพวกผู้เล่นตำแหน่งปีก แต่ความจริงแล้วสำหรับผู้เล่นกองกลางที่มีหน้าที่บัญชาการเกมนั้น การพาบอลหนีตัวประกบตรงจุดยุทธศาสตร์นั้น สำคัญมากกว่าริมเส้นด้วยซ้ำ
หลักฐานสำคัญที่จะเจาะลึกลงไปก็คือ ลิเวอร์พูล ขาดกองกลางประเภทที่พลิกบอลตรงกลางเก่ง ๆ อยู่นะครับ ส่วนใหญ่ที่มีในทีมเวลานี้คือสายขยัน วิ่งบู๊ ไล่เพรสเก่ง แต่จอมทัพในแบบที่ ตีเอโก้ เป็น พวกเขายังมีในมือไม่ชัดมากเท่าไหร่
ตีเอโก้ สามารถเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง (รวมไปถึงการพลิกบอลหนีตัวประกบในสถานการณ์บีบ) ได้ 71 จาก 82 ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซนต์สูงถึง 86% นับว่าอยู่ในระดับเดียวกับพวกตัวรุกเก่ง ๆ เลยทีเดียว
ส่วน ไวจ์นัลดุม ตรงจุดนี้มองเผิน ๆ เหมือนเป็นจุดที่เขาทำได้ดี แต่ตัวเลขที่เป็น Fact บอกกับเราว่าเขายังไม่ใช่เอตทัคคะในด้านนี้สักเท่าไหร่ เพราะจีนนี่ สามารถเลี้ยงผ่านคู่แข่งได้แค่ 41 จาก 75 ครั้ง นับเป็นเปอร์เซนต์คือ 55% เท่านั้น
มันเป็นจุดที่ตอบเราได้ว่า ทำไมในช่วงหลัง แดนกลางของ ลิเวอร์พูล จึงมักเสียท่าให้กับทีมที่เพรสหนัก มีการตั้งบล็อคสูงอยู่บ่อย ๆ เพราะกองกลางของทีมขาดตัวที่ทะลุทะลวงทลายเกมเพรสคู่แข่ง เป็นจุดเล็ก ๆ ที่ไม่เล็กเลย
การเล่นเกมรับ
ตีเอโก้ มีสถิติการเข้าแท็คเกิ้ลชนะ 45 จาก 66 ครั้ง ในฤดูกาลที่แล้ว คิดเป็นเปอร์เซนต์คือ 68% ขณะที่ ไวจ์นัลดุม ทำได้เพียง 36 จาก 64 ครั้ง เมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์แล้วอยู่ที่ 56% น้อยที่สุดในบรรดากองกลางของ ลิเวอร์พูล ที่มีอยู่อีกด้วย
การตัดบอลจากคู่แข่ง
ตีเอโก้ ทำได้ 45 ครั้ง จาก 24 นัดในลีก มากกว่ากองกลางของ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ทุกคน ส่วน ไวจ์นัลดุม ทำได้แค่ 17 ครั้ง จาก 37 นัด
ถึงอย่างไรก็ดี จุดที่ ไวจ์นัลดุม เหนือกว่า ตีเอโก้ ก็คือเรื่องการช่วยเคลียร์บอลพ้นจากโซนอันตราย ที่ทำได้ 33 ครั้ง ส่วน ตีเอโก้ ทำได้เพียง 17 ครั้ง
ที่นำสถิติต่าง ๆ มาเปรียบเทียบให้เห็นกันนั้น ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า ใครเหนือกว่าใคร แต่กำลังจะสื่อว่า "ใครที่จำเป็นต่อการป้องกันแชมป์" มากกว่า
หาก ลิเวอร์พูล ต้องเสียนักเตะที่ดีอย่าง ไวจ์นัลดุม ไป มันคือความสูญเสียกองกลางที่มีสถิติการช่วยสกัดหน้าปากประตูได้ดีคนหนึ่ง แต่หากแลกกับการได้มิติใหม่ตรงกลางสนามอย่าง ตีเอโก้ เข้ามา มันก็ถือเป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดอยู่ได้ในระดับที่เกือบสมบูรณ์แบบเหมือนกัน
แม้ผมจะอยากเห็นทั้ง 2 คนนี้ ได้อยู่ทีมเดียวกันมากแค่ไหนก็ตาม แต่ในใจลึก ๆ ก็ทำใจไว้แล้วว่าหากทีมจะดึง ตีเอโก้ มาร่วมทีม ยังไงก็ต้องเทรดนักเตะสักคนออกไปก่อน ซึ่งหวยคงมาออกที่ ไวจ์นัลดุม นี่แหล่ะ
ทว่า มันคงจะดีมากเช่นกัน หากไม่มีใครต้องย้ายออก มีแต่คนย้ายเข้ามา เพราะนอกจากขุมกำลังเชิงลึกจะเต็มไปด้วยความแน่นหนั่นแล้ว ผมยังเชื่อว่า ความแตกต่างที่ทั้งคู่มี มันคือสิ่งจำเป็น สำหรับทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในการทำให้เครื่องจักรสีแดงเดินหน้าไล่ล่าความสำเร็จยาว ๆ แบบที่แฟน ๆ ทุกคนอยากเห็น
แต่ถ้าต้องเลือกคนใดคนหนึ่งจริง ๆ ขึ้นมา
ผมก็ขออนุญาตจิ้มไปที่ ตีเอโก้ นะ เพราะ ลิเวอร์พูล ต้องการมิติใหม่แบบนี้ในแดนกลางมากจริง ๆ
