ตั้งแต่ โก ซึล-กี กองกลางเคป็อปเก็บกระเป๋าออกจาก ช้าง อารีนา ไป ดูเหมือนว่า “ปราสาทสายฟ้า” ยังคงมองหาใครสักคน มาเติมเต็มในแผงมิดฟิลด์
ยู จุน-ซู, อาจิเมะ โฮโซไก หรือคนล่าสุดอย่าง จอง แจ-ยอง ไม่ว่าจะดีกรีดังล้นฟ้า ผ่านผืนหญ้าระดับยุโรปมาแค่ไหน ล้วนต่างเข้ามาแล้วจากไปในช่วงเวลาอันสั้น
ไม่ใช่ว่า “ไม่ดี” แต่อาจ “ดีไม่พอ” สำหรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ “ปราสาทสายฟ้า” ในยุค โก ซึล-กี นั้นแกร่งทั่วแผ่น มิดฟิลด์โสมขาวรายนี้เปรียบเสมือนทุกสิ่งอย่างของทีมในแดนกลาง ตั้งแต่ตัดเกม เชื่อมเกม สร้างสรรค์เกม หรือแม้แต่สอดไปทำประตู เราสามารถเห็นได้จากโอป้าหน้าใสรายนี้
นั่นทำให้ผู้เขียนเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงโควตาเอเชียที่เกิดขึ้นในรั้วปราสาทสายฟ้าช่วงหลัง นั่นเพราะ โบซิดาร์ บันโดวิช และ เนวิน ชิดชอบ กำลังมองหาผู้เล่นที่ตอบโจทย์แบบ โก ซึล-กี หรือ “เหนือชั้น” กว่านั้น
หลังใช้งาน จอง แจ-ยอง ได้เพียงไม่กี่อึดใจในฤดูกาลนี้ สโมสร ให้คะแนนแล้วว่ามิดฟิลด์วัย 30 ยังไม่ใช่ “คนที่ฝัน” จนมาลงเอยกับ อัคบาร์ อิสมาตุลลาเยฟ พ่อหนุ่มเข้มคมวัย 29 สัญชาติอุซเบกิสถาน
เป็นอีกครั้งที่ บุรีรัมย์ฯ เดินเกมด้วยการคว้าผู้เล่น อุซเบกิสถาน มาเป็นโควตาเอเชีย
ที่ต้องบรรยายเช่นนี้ เพราะก่อนหน้า “ปราสาทสายฟ้า” เคยมีช่วงเวลา และความหลังที่ไม่ค่อยสวยงามกับนักเตะจากอดีตสหภาพโซเวียต
หากใครจำกันได้ในยุคที่ บุรีรัมย์ฯ พยายามเปลี่ยนคอนเนคชั่นโควตาต่างชาติจากแอฟริกา มาเปิดตลาดพ่อค้าแข้งชาติใหม่ ๆ ฤดูกาล 2012 พวกเขาเซ็นสัญญากับ อัสการ์ ยาดิเกรอฟ ห้องเรื่องวัย 32 ปี จาก บุนยอดกอร์ แชมป์ลีกอุซเบกิสถานในเวลานั้น เพื่อมาเติมเต็มในแดนกลาง
หากแต่อยู่กินกันได้แค่ 3 เดือน ลงเล่นไปไม่กี่เกม กลับต้องยกเลิกสัญญากัน เนื่องจากปัญหาเรื่องครอบครัวของนักเตะ
ไม่นานดูเหมือน คุณเนวิน จะยังติดใจในความเป็นอุซเบกิสถาน เขาเซ็นสัญญาคว้าตัว อันวา ราจาบอฟ ดาวยิงวัย 24 มาจาก บุนยอดกอร์ เช่นเดิม แต่คนนี้ชีวิตในถิ่นอีสานใต้ เพียง 2 เดือน สุดท้ายต้องยกเลิกสัญญากันไปอีกครั้ง จากปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ที่ติดมาตั้งแต่อยู่กับสโมสรเก่า
ผ่านไปหลายปี บุรีรัมย์ กลับมาตามจีบโควตาเอเชียอุซเบกิสถานอีกหน
แต่ในรายของ อัคบาร์ อิสมาตุลลาเยฟ นั้นต่างออกไปจาก 2 คนก่อนหน้า เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่สโมสรอยากได้มาแทนที่ จอง แจ-ยอง โดยตรง
และหนนี้ผู้เขียนเชื่อว่า บุรีรัมย์ฯ และ คุณเนวิน ทำการบ้านมาดีพอที่จะ “ไม่เจ็บ” อีกเป็นครั้งที่ 3
อัคบาร์ ถือเป็นดีลที่ตอบโจทย์ในแบบที่ทีมอยากได้ คือเป็นมิดฟิลด์ประเภทสารพัดประโยชน์ เล่นได้ตั้งแต่มิดฟิลด์ตัวรับ ปราการหลังตัวกลาง และ แบ็กขวา
กับผลงานที่ผ่านมาในลีกกับทั้ง ปัคตากอร์ ก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย แชมป์บอลถ้วย 1 สมัย และย้ายมาเล่นกับ เมตัลลุก เบคาบัด ก่อนบินออกจากบ้านเกิดมาอีสานใต้ ขณะที่ในทีมชาติเองก็ยังคงติดธงอยู่
ยิ่งดูจากไฮไลต์ในโลกออนไลน์ พบว่า อัคบาร์ เล่นได้ค่อนข้างเนียนตามาก ทั้งจังหวะเคลื่อนที่ยามไม่มีบอล การอ่านเกม สกัดบอลจากคู่แข่ง คือดีเลิศ
อีกทั้งในแง่ประสบการณ์ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรทั้งสิ้น
เหลือแต่แค่หมอนี่จะมาปรับตัวกับแวดล้อมฟุตบอลไทย และบุรีรัมย์สไตล์ได้รวดเร็วแค่ไหน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับพ่อค้าแข้งต่างชาติ
สิ่งที่จะตอบได้คงเป็น หลายไทยลีกรูดม่านหวดกันให้ตายไปข้างอีกครั้ง สุดสัปดาห์นี้
อัคบาร์ จะเป็นแข้งความหวังใหม่ ที่เข้ามาลบเงาของ โก ซึล-กี
หรือเป็นเพียง “รักชั่วคราว” พบเพียงผ่าน อยู่กันไม่นานแล้วเก็บกระเป๋าจากไปอีก
ถ่างตาดูไปพร้อมกัน
