คุยกับ สุวิทย์ ไปพรมราช : เจ้าของสโลแกนใครไม่แจ๋ว "โจ้แจ๋ววว"
แมน : สวัสดีครับโจ้ เป็นไงบ้างตอนนี้มีผู้ติดตามในเพจกี่คนแล้วครับ
สุวิทย์ : น่าจะประมาณ 8-9 หมื่นคนครับพี่
แมน : พี่ดูล่าสุดตอนนี้ขึ้นมา 1.1 แสนคนแล้วนะเนี่ย แล้วดูเหมือนจะมีคนทำเพจหรือเฟซปลอมเราด้วยนะ
สุวิทย์ : ครับ แต่ถ้าเป็นตัวจริง โจ้แจ๋ววว ต้องมี ว. 3ตัวนะครับ
แมน : ใครชอบโจ้ก็ลองไปติดตามกันในเพจได้นะครับ ส่วนใหญ่คอนเท้นท์ที่ลงจะเป็นเรื่องอะไรบ้างครับ
สุวิทย์ : ก็เป็นคลิปตลกๆ ฮาๆ ในตอนซ้อมบ้าง แกล้งคนอื่น โดนคนอื่นแกล้งกลับ อะไรแบบนี้ครับพี่ คนก็กดไลค์กดแชร์เรื่อยๆ
แมน : โจ้ตัดคลิปเองเลยหรือเปล่า หรือเป็นทีมงานขอนแก่น ยูไนเต็ดช่วยทำให้ครับ
สุวิทย์ : เป็นพี่ๆ ทีมงานแอดมินของขอนแก่นทำให้ครับ
แมน : เก่งนะ ทีมมีเดียชุดนี้ คุ้นๆ ว่าปีที่แล้วทางทีมเพิ่งได้รับรางวัลอะไรซักอย่างเกี่ยวกับเรื่องโซเชียลมีเดีย
สุวิทย์ : น่าจะใช่ครับ ในช่วงโควิด เห็นเขาได้รางวัลอะไรอยู่ พี่ๆ แอดมินเขาเก่งมากครับยอดวิวกับผู้ติดตามในเพจของสโมสรก็เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ (ผู้ติดตามเพจ Khon Kaen United 3.3 แสนคน ยอดวิวคลิปวิดีโอ มากกว่า 80 ล้านวิวในช่วง 3 ปีหลังสุด)
แมน : ส่วนใหญ่ใครจะเป็นคนโดนแกล้งเยอะที่สุดครับ แล้วใครเป็นตัวฮาที่สุดประจำทีม
สุวิทย์ : พอๆ กันทุกคนเลยครับ ผมน่าจะโดนแกล้งเยอะสุดแล้วครับ
แมน : แล้วชื่อ "โจ้แจ๋ววว" นี่ใครเป็นคนตั้งให้ครับ สโลแกน "ใครไม่แจ๋วแต่โจ้แจ๋ว" ด้วย
สุวิทย์ : พี่ๆ ในทีมตั้งให้ครับ ส่วนสโลแกนนี่ผมตั้งเอง มาจากการที่ชอบแกล้งพี่ๆ เพื่อนๆ ในทีมนี่ล่ะครับ
แมน : เห็นแฟนคลับส่วนใหญ่ของโจ้ จะเป็นเด็กๆ โดยเฉพาะสาวๆ วัยมัธยมเยอะเลยนะครับ ตั้งแต่พี่ไลฟ์สดกับนักบอลมา ปกติส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมาเม้นต์ แต่คุยกับโจ้นี่ ประมาณครึ่งนึงคือสาวๆ มัธยมทั้งนั้นเลย มาส่งหัวใจบ้าง เรียกที่รักบ้าง 555 อารมณ์เหมือนกำลังคุยกับดารานักร้องบอยแบนด์เลยอะ เรียกโจ้ว่าเป็นนักเตะขวัญใจวัยเรียนได้เลยนะเนี่ย
สุวิทย์ : 555 ครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นน้องๆ ระดับมัธยมครับที่เข้ามาติดตาม
แมน : พอมีคนสนใจเราเยอะๆ วางตัวลำบากขึ้นมั้ยครับ เพราะกลายเป็นบุคคลสาธารณะไปแล้ว มีคนมาขอถ่ายรูปขอลายเซ็นต์เยอะมั้ยเวลาไปไหนมาไหน
สุวิทย์ : มีคนขอถ่ายรูปขอลายเซ็นต์เยอะครับ ผมก็ดีใจครับเวลาเขามาขอ พอมีคนแรกก็จะมีคนอื่นๆ มาขอถ่ายตาม ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงเขาจะเขินๆ หน่อยเวลามาขอถ่ายรูปครับ เรื่องการวางตัวไม่ยากนะครับ ผมก็ยังเป็นผมเหมือนเดิม เพราะเราเป็นคนง่ายๆ ติดดินอยู่แล้ว เวลาเจอผู้ใหญ่มาทักผมก็จะยกมือไหว้ไว้ก่อนเลยครับ
แมน : พอเราเล่นโซเชียลเยอะๆ เจอคอมเม้นท์อะไรที่ทำให้บั่นทอนจิตใจบ้างมั้ย แล้วแฟนคลับเราออกตัวมาปกป้องมั้ย
สุวิทย์ : แน่นอนครับพี่แมน ทุกคนมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ คอมเม้นท์ที่เข้ามาด่าเราก็มี แต่ผมก็พยายามปล่อยผ่าน ส่วนใหญ่พอมีคอมเม้นท์ด่าเรา ก็จะมีคนที่ชอบเราช่วยปกป้องเราไปตอบโต้ให้ทันทีเหมือนกันครับ
แมน : มีวิธีการรับมือกับการมีชื่อเสียงหรือเป็นที่สนใจของคนอื่นๆ มากขึ้นยังไงครับ คนในทีมให้คำแนะนำยังไงบ้างหรือเปล่า
สุวิทย์ : ผมก็ทำตัวเหมือนเดิมครับ ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนดัง ในทีมก็แนะนำนะครับ อย่างทางประธาน (บิ๊กต้อม วัฒนา ช่างเหลา) ก็เคยเตือนว่าอย่าไปโฟกัสที่โซเชียลมากเกินไป เพราะกลัวจะเสียสมาธิกับฟุตบอลครับ
แมน : มีใครเคยติดต่อให้รับงานวงการบันเทิงบ้างมั้ย อย่างเช่นเล่น MV หรือเดินแบบ หรือออกงานเป็นพรีเซนเตอร์ต่างๆ
สุวิทย์ : มีนะครับ แต่ปฏิเสธเขาไปหมดเลย อย่าง MV ที่เคยติดต่อมาก็ต้องเดินทางไปถ่ายไกล มันก็จะกระทบกับการซ้อมของเราด้วยครับ ก็เลยคิดว่ายังไม่พร้อมครับ
แมน : มาคุยกันเรื่องฟุตบอลบ้างดีกว่า โจ้เริ่มต้นเข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลยังไงครับ
สุวิทย์ : ตอนเด็กๆ ผมเรียนที่รร.บ้านเครือซูด ที่ จ.มหาสารคาม ครับ จนถึง ม.4 ก็ได้แข่งแค่ในระดับจังหวัด ทีนี้ได้ทราบข่าวว่าทาง บุรีรัมย์ เขาเปิดคัดนักบอลเข้าอคาเดมี่ ก็เลยลองไปคัดดู ปรากฎว่าติดก็เลยย้ายไปเรียนที่ โรงเรียนภัทรบพิตร ม.5-ม.6 ไปอยู่กินนอนที่แคมป์ของทีมเลยครับ
แมน : รุ่นนั้นในอคาเดมี่บุรีรัมย์นักเตะมีใครบ้างนะครับ ที่ก้าวขึ้นมามีชื่อเสียง
สุวิทย์ : รุ่นนั้นก็มี สิทธิโชค กันหนู, ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ส่วน สุภโชค สารชาติ ก็เป็นรุ่นน้องครับ
แมน : แล้วตอนที่อยู่แคมป์เขาฝึกเรื่องวินัยเข้มเลยใช่มั้ยเคยได้ยินมา ต้องซักผ้าล้างจานเองทุกอย่างหรือเปล่า
สุวิทย์ : เข้มอยู่ครับเรื่องวินัย ซักผ้าทำความสะอาดต่างๆ ต้องทำเอง แต่ล้างจานจะมีแม่บ้านล้างให้ครับเวลาทานข้าวเสร็จครับ
แมน : เวลาอยู่หอ ต้องนอนแยกหรือนอนรวมกันหมดครับ มีใครเป็นรูมเมทบ้างในตอนนั้น
สุวิทย์ : นอนห้องละประมาณ 4-5 คนครับ ที่อยู่ด้วยกันส่วนใหญ่ก็หายไปหมดแล้ว อ๋อ ก็จะมีคนนึงเด็กกว่าผมปีนึงเขาเกิด 40 ชื่อ ทั่ง จิรัฐติกาล ภาวิไล ที่เป็นเด็กฟ็อกซ์ฮันท์รุ่นแรกครับ ตอนนี้อยู่การท่าเรือ ปล่อยไปให้ สงขลา ยืมอยู่ครับ
แมน : พอจบ ม.6 แล้วถูกดันขึ้นไปเล่นกับบุรีรัมย์มั้ยครับ
สุวิทย์ : ไม่ครับ ตอนนั้นเขาไม่ได้ต่อสัญญา ตอนที่จบเขาจะมีจดหมายส่งมาให้ทุกคน ของผมเขาเขียนว่าตัวเล็กเกินไป
แมน : โห แล้วเราเก็บจดหมายไว้มั้ย มันสามารถเอามาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองได้เลยนะ ถ้ามองในแง่ดี เพราะนักเตะที่้เก่งที่สุดในไทยคนนึงอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ก็โดนคำวิจารณ์แบบนี้มาตลอดชีวิตเหมือนกัน แต่เขาก็พิสูจน์ตัวเองมาได้ตลอดกับทุกทีม
สุวิทย์ : หายไปแล้วครับ ผมก็เสียดายนะ อยากจะเก็บเอาไว้เพื่อดูเป็นแรงใจให้ตัวเองพิสูจน์ตัวเองต่อไปครับ
แมน : ตอนนี้ก็ดูว่าตัวใหญ่ขึ้น มีกล้ามเนื้อชัดขึ้นแล้วนะ
สุวิทย์ : ครับ ตอนช่วงโควิด ทางทีมเขาก็แนะนำให้ผมไปสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มครับ
แมน : เคยทราบมาว่ามีช่วงที่โจ้เลิกเล่นบอลไปปีนึง ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ สาเหตุเพราะอะไร
สุวิทย์ : เพราะหาทีมเล่นไม่ได้ครับ หลังจากที่ออกจากอคาเดมี่นั่นแหละครับ ไปคัดตัวที่ไหนเขาก็ไม่เอา คือตอนนั้นจบฤดูกาล ทีมเขาก็จะเปิดให้คัด แต่คัดไม่ติด ก็เลยต้องรอตลาดรอบต่อไป เวลาไปคัดทางทีมเขาก็จะพูดเหมือนให้กำลังใจว่า "เรายังเด็กอยู่ ปีหน้าค่อยลองมาคัดใหม่นะ"
แมน : ไปคัดกี่ทีมนะ
สุวิทย์ : ประมาณ 10-11 ทีมครับ
แมน : 11 ทีมภายในช่วงเวลานานแค่ไหนครับ
สุวิทย์ : ช่วงประมาณ 3-4 เดือนครับ
แมน : โห คือตอนนั้นเราไปคัดกองกลางถูกมั้ยครับ แล้วทีมอาชีพทีมแรกที่เล่นคือทีมอะไรครับ
สุวิทย์ : คัดกองกลางมาตลอดเลยครับ มาคัดติดทีมแรกคือ กาฬสินธุ์ เอฟซี ครับ
แมน : ตอนอยู่ กาฬสินธุ์ ได้เล่นเยอะมั้ยครับ แล้วหลังจากนั้นไปอยู่ไหนต่อ
สุวิทย์ : ได้เล่นตลอดแทบทุกแมตช์ครับ จากนั้นก็ไปคัดติดที่ หนองบัว พิชญ ไม่ได้ลงเล่นซักเกมเลยครับ แล้วทางทีมก็ปล่อยไปให้ โคปูน วอริเออร์ส ยืมตัว
แมน : โคปูน นี่อยู่ T4 สิ ชีวิตเราเหมือนพลิกไปพลิกมาเลยนะ ตอนนี้มาอยู่ขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้ขึ้นมาเล่น T2 และทีมก็มีเป้าหมายขึ้นชั้นสู่ไทยลีก มีคนเชียร์ โจ้ ให้ติดทีมชาติกันเยอะ ในฐานะแบ็กซ้ายดาวรุ่ง เคยทราบมาว่า "โจ้ 5 หลา" ศรายุทธ ชัยคำดี โค้ชขอนแก่นในตอนนั้นคือคนที่ให้เราเปลี่ยนมาเล่นแบ็กซ้ายใช่มั้ยครับ
สุวิทย์ : ใช่ครับ ตอนนั้นมาคัดเป็นกองกลางนี่ล่ะครับ แต่พี่โจ้เขามองว่าเราถนัดซ้ายน่าจะเล่นแบ็กซ้ายได้ดี เอาจริงๆ แกก็คงมองว่ากองกลางตัวเก๋าๆ ในทีมเยอะแล้ว ผมไม่น่าจะเบียดไหว แต่พอมาเล่นแบ็กซ้ายก็ถือว่าทำผลงานได้โอเคครับ
แมน : ทางแบ็กก็จะเป็นบอลแบบ 180 องศาเนอะ
สุวิทย์ : ใช่ครับ ถ้าเล่นตรงกลาง เวลาคู่แข่งเข้ามาจะมาได้ทุกด้านเลย แต่พอเล่นด้านข้างเรายืนชิดเส้นอยู่แล้ว ก็จะต้องระวังแค่ 3 ด้าน คือด้านข้าง ด้านหน้า แล้วก็ด้านหลัง ก็จะเล่นง่ายขึ้นครับ
แมน : ตอนนี้ โจ้ อายุเท่าไหร่นะครับ
สุวิทย์ : 23 ครับ เดี๋ยววันที่ 30 ก.ย. นี้จะ 24 แล้วครับ
แมน : แบบนี้ถ้าลุ้นติดทีมชาติก็ต้องเป็นชุดใหญ่เท่านั้น เพราะเลยจากรุ่นเยาวชนมาแล้ว โหแล้วแบ็กซ้ายเมืองไทยนี่เบียดยากเลยนะ เบอร์หนึ่งยังไงก็ยังต้องเป็น อุ้ม ธีราทร บุญมาทัน
สุวิทย์ : 555 ใช่ครับพี่ ยังไงก็เบียดสู้พี่อุ้มไม่ไหวครับ แต่ก็เป็นความฝันของผม และน่าจะของทุกคนอยู่แล้ว ที่อยากรับใช้ทีมชาติครับ
แมน : ความฝันของ โจ้ ที่หวังเอาไว้นอกจากเล่นทีมชาติแล้วมีเรื่องอื่นอีกบ้างมั้ย
สุวิทย์ : ก็มีที่สมหวังแล้วคือการได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพครับ สเต็ปต่อไปก็คือได้เล่นในไทยลีก และได้ติดทีมชาติครับ
แมน : มีฝันอยากไปค้าแข้งต่างประเทศด้วยมั้ย
สุวิทย์ : อันนี้ยังไม่ได้คิดครับ มันต้องอีกหลายอย่างครับ เรื่องการใช้ชีวิต ภาษาด้วย อีกอย่างก่อนอื่นที่จะไปค้าแข้งต่างประเทศได้ ก็คงต้องได้เล่นในไทยลีกและติดทีมชาติก่อนครับพี่
แมน : แล้วถ้านอกเหนือจากเรื่องฟุตบอลล่ะ
สุวิทย์ : อ๋อ ผมก็อยากทำธุรกิจของตัวเอง เคยอยากทำร้านขายอุปกรณ์กีฬา ตอนนี้ก็อยากทำร้านอาหารของตัวเองให้ใหญ่ขึ้นครับ
แมน : เห็นว่าเปิดร้านส้มตำอยู่นี่ ชื่อร้านอะไร ตั้งอยู่ตรงไหนนะครับ เผื่อจะได้ไปอุดหนุนบ้าง
สุวิทย์ : ร้านส้มตำ "โจ้แจ๋วตำตึ๊ง" ครับ อยู่ตลาด 62 บล็อก ที่ขอนแก่น ทำกับพี่สาวครับ แต่ในอนาคตผมก็อยากทำร้านให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องเช่าที่ เป็นที่ของตัวเองไปเลยครับ
แมน : ตำเองเลยด้วยมั้ยเนี่ยครับ
สุวิทย์ : ตำเองได้ครับ ถ้ากินเอง แต่ถ้าขายไม่กล้าขายครับ 555 ที่ร้านก็จะมีจ้างคนมาตำครับ
แมน : เรามีไอดอลในการเตะฟุตบอลมั้ยครับ ทั้งไทยและต่างประเทศเลย
สุวิทย์ : ถ้าคนไทยก็พี่นนท์ครับ "นิติพงษ์ เสลานนท์" ผมทันแกตอนที่ผมอยู่อคาเดมี่ ดูแกเล่นให้บุรีรัมย์ครับตอนนั้น มีคนบอกว่าสไตล์ผมคล้ายๆ พี่นนท์ คือวิ่งขึ้นลงไม่มีหมด ส่วนถ้าต่างประเทศผมชอบดร็อกบา ครับ
แมน : หลังจากจบมาจาก รร.บ้านเครือซูด ที่มหาสารคาม ได้กลับไปที่โรงเรียนอีกบ้างมั้ยครับ
สุวิทย์ : กลับไปอยู่ครับ ก็มีซื้อลูกบอลซื้ออุปกรณ์กีฬาไปให้ทางโรงเรียนครับ เพราะตอนสมัยผมเรียนที่นั่น เป็นรร.ประจำหมู่บ้านภูธรเลยครับ ตอนเด็กๆ ที่ผมเรียนอุปกรณ์กีฬามีไม่ค่อยพอ พอเราเริ่มมีกำลังที่จะหาได้ ก็อยากเอาไปให้น้องๆ ที่รร.ได้มีใช้มากขึ้นครับ
แมน : เยี่ยมเลยๆ ให้เด็กๆ ที่รร.ได้หันมาเล่นกีฬากันเยอะๆ เนอะ แล้วที่บอกว่าความฝันต่อไปคือการเล่นในไทยลีก พอจะบอกได้มั้ยว่าอยากเล่นให้ทีมไหนครับ
สุวิทย์ : หลายทีมนะครับ บุรีรัมย์, บางกอกกล๊าส, ท่าเรือ มีทีมดีๆ หลายทีมเลยครับ
แมน : ต้องตอบว่าผมจะพา ขอนแก่น ยูไนเต็ด ขึ้นไปเล่นไทยลีกสิ 555
สุวิทย์ : ครับ ผมว่าเรามีโอกาสสูงเลยนะพี่ปีนี้
แมน : คิดว่าคู่แข่งที่จะแย่งตั๋วไทยลีก มีทีมไหนบ้างครับ
สุวิทย์ : หนองบัว, เชียงใหม่สองทีม มีทีมดีๆ หลายทีมอยู่ครับ หลักๆ น่าจะประมาณนี้ครับ
แมน : พี่ก็มองว่า ขอนแก่น ยูไนเต็ด ประมาณท็อปโฟร์นะ คือถ้าไม่ขึ้นชั้นอัตโนมัติ ในพื้นที่เพลย์ออฟ 8 อันดับแรก ยังไง ขอนแก่น ก็ไม่น่าหลุดล่ะ
สุวิทย์ : ใช่ครับพี่ ผมก็มองแบบนั้นเลยครับ
แมน : มีคำถามจากแฟนคลับมาว่า นักเตะที่รับมือด้วยยากที่สุดที่เคยเจอคือใครครับ
สุวิทย์ : ถ้าตอนอยู่ T3 ก็ยังไม่เจอที่ยากมากนะครับ T2 ก็คงยังตอบไม่ได้เพราะผมเพิ่งเล่นไป 3 เกม นัดสุดท้ายที่เจอ เชียงใหม่ ผมป่วยเป็นไข้พอดี ถ้าเป็นทีมเดียวกันก็พี่แมน ธนา ชะนะบุตร ครับ แต่ปีนี้คงเจองานหนักมากขึ้นเพราะตัวต่างชาติในระดับ T2 จะแข็งกว่าตอนที่เล่นใน T3 อยู่พอสมควรเลยครับ
แมน : อืม โอเคครับโจ้ ขอให้ความฝันค่อยๆ เป็นจริงในทุกๆ เรื่องนะครับ วันนี้ขอบคุณมากครับที่สละเวลามาพูดคุยกัน ไว้คุยกันใหม่นะครับ
สุวิทย์ : ได้เลยครับพี่แมน
ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)