:::     :::

พักแมนยู แอบดูทีมแรง ย้อนทแยงมองตัวเอง

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,881
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
พักการพูดถึงแมนยูไนเต็ดเอาไว้สักครู่ แล้วลองมาดูทีมอื่นกันเพลินๆ จะเห็นถึงสิ่งที่เราขาด และตัวอย่างที่น่าสนใจที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดควรจะทำให้ได้

เรารู้ดีว่าอารมณ์ในตอนนี้ของแฟนแมนยูไนเต็ดคงจะไม่ต่างกันมากนัก ตอนนี้ผมเชื่อว่าต่อให้มีข่าวใหญ่จะซื้อใครขายใครเกิดขึ้น แฟนทีมเราตอนนี้ก็คงจะแบบว่า "เหรอๆ.. อืม" เป็นแน่ด้วยความเซ็งทีมเซ็งสโมสร ด้วยความเบื่อ(ข่าว) ซึ่งมันต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่เราลุ้นหวังที่จะมีการเสริมทีมด้วยตัวดีๆก่อนที่จะเริ่มต้นฤดูกาล

มันคือความล้มเหลวอีกครั้งของบอร์ดบริหารและทีมซื้อขายที่ซื้อมาได้แค่คนเดียว จนกระทั่งลีกมันเริ่มแล้ว ซึ่งไม่ใช่เวลาของการลองผิดลองถูกหรือรอเวลาได้อีกต่อไป เพราะมันคือสังเวียนนรกที่ทุกทีมเขาเอาจริงกันหมดที่จะฆ่าฟันกันแบบเอาเป็นเอาตาย เพื่อที่จะอยู่รอดในลีกให้สำเร็จ บอร์ดแมนยูกลับยังทำเป็นเหมือนเราแค่ซ้อมแข่งเล่นๆซะงั้น มีตัวไหนก็ใช้ๆไป ไม่แคร์ไม่อะไรทั้งนั้น สุดท้ายผลการแข่งขันที่ออกมาก็สะท้อนความเป็นจริงได้ดีเยี่ยมเลยว่าทีมเราขณะนี้ไม่มีความพร้อมใดๆทั้งสิ้น

แฟนทีมเราถึงได้หมดอาลัยตายอยากกันอยู่นี่ไง

ดังนั้น ในเวลานี้ผมเชื่อว่า พวกเราแฟนผีรวมถึงคนเขียนเองด้วยก็คงไม่อยากจะอ่านเนื้อหาสาระอะไรเกี่ยวกับตัวนักเตะใหม่ๆที่น่าซื้อมาเสริมทีม หรือจะมานั่งอ่านวิเคราะห์แทคติกอะไรทั้งนั้นที่ต่อให้วิเคราะห์ยังไงแมนยูก็แพ้พาเลซคาบ้าน 1-3 อยู่ดี มันเปลี่ยนความเป็นจริงไม่ได้

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราลองเอาเรื่องของแมนยูไปเก็บเอาไว้ในลิ้นชักแปปนึง พักหายใจสักครู่ แล้วลองมาดูทีมอื่นเล่นจากมุมมองของเรากันดีกว่าว่า ทีมเพื่อนๆของเราทีมอื่นๆนั้นเป็นยังไงกันบ้างตอนนี้เท่าที่เห็นลงแข่งนัดหรือสองนัด

และเมื่อดูคนอื่นแล้ว มันสะท้อนอะไรถึงเราได้บ้าง ไปดูกัน

Everton

ทีมของอันเช่ตอนนี้คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการที่มีหัวเรือที่ดีอย่างผู้จัดการทีม ทำให้แนวโน้มและทิศทางของพวกเขาดีขึ้นเรื่อยๆอย่างการเสริมดูกูเร่ อัลลัน และฮาเมสเข้าทีมมาก็แทบจะทำให้ทีมยกระดับขึ้นมาอีกขึ้น ที่ตอนนี้อยู่ในกลุ่มผู้นำห้าทีมที่ชนะสองนัดรวดอยู่ในหัวตาราง ซึ่งหากให้พูดกันตามตรงเอฟเวอร์ตันจะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ และต้องรักษาความสม่ำเสมอเอาไว้ให้ได้ ซึ่งหากจะบอกว่าพวกเขาจะมาติดท็อป4ปีนี้ได้ไหม ก็ยังเร็วไปที่จะพูด เพราะลีกเพิ่งจะเริ่มเอง แต่ทิศทางและทีมที่ดีขึ้นโดยมีการจัดการที่ดีจากอันเชลอตติ ค่อนข้างเชื่อว่าเอฟเวอร์ตันจะดีกว่าปีก่อนแน่นอนเพราะทีมมีบาลานซ์ที่ดีขึ้น และตัวที่เข้ามาก็เสริมคุณภาพได้แบบเน้นๆจริงๆ

สิ่งที่เอฟฯสะท้อนให้แมนยูได้เห็นนั่นก็คือเรื่องของ "ทิศทางการเสริมทีมที่ดี" ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หากมีการดำเนินงานที่เหมาะสมจากสโมสร เพียงแค่เจอคนที่ใช่ ทีมก็จะยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

โดยที่ไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินแพงเกินความจำเป็น

และสิ่งที่ท็อฟฟี่สีน้ำเงินมีในมือก็คือผู้จัดการทีมระดับ"World Class" ซึ่งมันทำให้เห็นเลยว่าการมีผู้จัดการทีมที่มีฝีมือมากๆ มันส่งผลถึงระดับอะตอมของสโมสร ที่แม้มีงบกลางๆ ทีมอยู่ระดับกลางๆ ก็สามารถที่จะยกระดับขึ้นมาให้ทีมดูดีขึ้นได้

เมื่อได้มิติเกมรุกที่แตกต่างมาจากฮาเมส ซึ่งไม่เหมือนกับตัวรุกอื่นๆที่มีในทีม รวมถึงแดนกลางแน่นๆโดยอัลลัน/ดูกูเร่ และการท็อปฟอร์มพอดีแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของDCL(ฮา) เอฟเวอร์ตันจึงขึ้นมาผงาดในตอนนี้

Arsenal

ต้องบอกว่าอาร์เซนอลก็คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่เสริมทัพได้ดีมาก ด้วยสองตัวใหม่ที่เข้ามาและกลายเป็นกำลังหลักของทีมในทันทีอย่าง วิลเลียน และ กาเบรียล มากัลเญส นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ทำให้แมนยูเห็นว่า การแก้ไขจุดอ่อน(กองหลัง) และเสริมจุดแข็ง(ตัวรุก) ได้อย่างพอเหมาะลงตัว และ"ถูกจุด" นั้นมันเป็นยังไง จากที่เคยมีกองหลังที่ไว้ใจไ่ม่ได้ แต่ซื้อตัวดีๆมาถูกตัวอย่างมากัลเญส ตอนนี้อาร์เซนอลดูจะไว้ใจได้มากขึ้น แม้อาจจะยังมีความผิดพลาดอยู่บ้าง ความแกว่งของทีมหรือระบบใดๆก็ตาม แต่การที่พื้นฐานของทีมมี "นักเตะคุณภาพดี" เป็นแกนหลักอยู่มากมาย ทำให้พวกเขาสามารถที่จะพึ่งพาความสามารถของนักเตะเหล่านั้นได้

อย่างที่เราได้เห็นโอบาเมยองคอยแบกอาร์เซนอลอยู่จนถึงทุกวันนี้ ในยามที่ทีมต้องการประตูอยู่เสมอ และเขาไม่เคยพลาด ด้วยคุณภาพระดับคับแก้วที่ไว้ใจได้

ในขณะที่มองกลับมาที่ยูไนเต็ด เราไม่มีกองหน้าตัวที่จะแบกทีมได้ด้วยตัวคนเดียวในเวลาที่ต้องการจริงๆ ฟอร์มก็หดหายลุ่มๆดอนๆ มาบ้างไม่มาบ้างโดยเฉพาะแรชฟอร์ดกับกรีนวู้ด ส่วนมาร์กซิยาลที่พึ่งพาได้มากที่สุดในเวลานี้หากโดนประกบตายก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน

การดูอาร์เซนอลนั้นต้องบอกว่าเป็นความบันเทิงอย่างนึงในแง่ของมุมมอง เพราะแม้พวกเขาจะตัดหน้ามากาลเญสเราไปก็ตาม แต่เราทราบมาตลอดว่าน่อลนั้นหลังรั่วมากๆ พอได้CBดีๆมาเติม บวกกับตัวกองหน้าที่คลาสสูงๆหลายคนในทีมและใช้งานได้จริง ฟอร์มนิ่งๆแบบโอบา ส่วนลากาแซตต์ก็ยังเจ๋งและพึ่งพาได้อยู่ บวกกับเด็กดาวรุ่งดีๆที่ดันขึ้นมาเติมตำแหน่งต่างๆในทีม เห็นเช่นนี้ก็อิจฉาที่พวกเขาทำได้ดี และ "เสริมถูกที่คัน"

แต่แมนยูปีนี้ จนถึง ณ ตอนนี้ "คันตรงไหน"กลับไม่ยอมเกาตรงนั้นให้โดนจุดคันเลยสักที่ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตำนานของเราอย่างเอริค "คันตรงหน้า" อาจจะ "คันตรงตรีน" แล้วอยากไปกระโดดถีบบอร์ดบริหารสักคนนึงก็เป็นได้

Tottenham Hotspur

คลับไก่ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆภายในการบัญชาการของจอมมารมู โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเดอะสเปเชียลวันยังคงทำทีมที่เน้นความสำเร็จแบบเป็นรูปธรรมได้เลยเหมือนเดิม ซึ่งมันก็มีข้อดีของมันอยู่ในตัวที่สามารถจับต้องผลงานได้เลย ไม่ต้องรอรูปธรรมเหมือนการสร้างอนาคตหรือวางโครงสร้างทีม กลับกัน มูทำในสิ่งที่เป็นอีกด้านของเหรียญด้วยการเติมนักเตะที่ดีพร้อมใช้งานเลยแบบทันทีทันใด ในห้วงเวลาปัจจุบันเท่านั้น จากการที่ได้เบลกับเรกีลอนเข้าทีม เห็นชัดเจนว่ามูยังคงมีปรัชญาที่จะ "อยู่กับปัจจุบัน" อย่างชัดเจน

แกเรธ เบล แม้อายุจะเยอะขึ้นแต่คลาสของเขาไม่ได้หายไปไหน อาจจะไม่ได้สดควบเป็นม้าได้100%เหมือนหนุ่มๆแต่ฝีเท้าเบลจะเติมไก่ได้อย่างน่ากลัวอย่างแน่นอนรับประกัน เพราะถ้าเบลได้อยู่ในทีมที่มองเห็นความสำคัญของเขา ให้โอกาสเขาลงสนามเหมือนสเปอร์ที่เป็นบ้านหลังแรกของเขานั้น เชื่อว่าเบลกลับมาโหดในระดับสูงได้แน่นอน

ส่วนเรกีลอน นี่ก็ชัดเจนว่าเสริมทีมเพื่อปัจจุบันเป๊ะๆ ไม่ได้จะมองอนาคตระยะยาว เพราะสเปอร์นั้นยินยอมที่จะให้มีเงื่อนไขbuy-back clause ในราคาเพียงแค่45ล้านปอนด์ตามข่าว นั่นแปลว่าหากเข้าเงื่อนไข มาดริดต้องการตัวกลับไปแทนมาร์เซโล่เมื่อไหร่ สเปอร์ในอนาคตก็จะไม่ได้ใช้งานเรกีลอนต่อแน่นอนซึ่งนักเตะก็อยากกลับสเปนอยู่แล้ว

ชัดเจนว่าเอาเรกีลอนมาแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้นเหมือนกับเบล ไม่ได้มองระยะยาว

การทำทีมเช่นนี้มีข้อดีคือทีมได้รับผลประโยชน์เลย มีความสำเร็จจับต้องได้เป็นรูปธรรม เมื่อมาดูทีมนักเตะพื้นฐานที่มีอยู่แล้วเป็นรากของทีมมาอย่างยาวนานเช่นแฮรี่ เคน ตัวเด็ดอย่างซอนเฮืองมิน และแม้กระทั่งsquad playerอย่าง ลาเมล่า ที่อยู่กับทีมมานานมาก และด้วยคุณภาพที่ดี เขายังคงลงมาช่วยทีมได้ตลอด แม้กระทั่งนัดล่าสุดนี่ยังช่วยสร้างโอกาสทำประตูได้อีก

สเปอร์มีพื้นเป็นนักเตะคลาสสูงๆในทีมมากมาย เติมจุดที่ขาดนิดหน่อยก็ยังคงไปลิ่วได้เหมือนเดิม ยังน่ากลัวอยู่

แนวทางนี้ของสเปอร์บางทีก็ควรจะย้อนกลับมาคิดที่แมนยูด้วย เพราะว่าทุกวันนี้ทีมเราเอาแต่ "สร้างอนาคต" เพียงอย่างเดียว ด้วยการกว้านซื้อแต่นักเตะอายุน้อยๆมาเพื่อจะใช้งานระยะยาวในอนาคต ตามสเป็คนักเตะเด็กมีแววในสไตล์โอเล่ แต่จริงๆแล้วที่ถูกต้องคือ การซื้อนักเตะมาเสริมทีมนั้นบางทีซื้อพวกตัวมีอายุแบบที่ ใช้งานได้เลย กินได้เลย (แดกinstant noodleบ้างก็ได้) มันก็ควรจะเป็นสิ่งที่นำมาผสมผสานในการเสริมทีมบ้าง

ซื้อตัวเก่งๆมาใช้ ผสมกับเสริมทีมด้วยเด็กหนุ่ม นั่นต่างหากเป็นวิธีการที่ถูกต้อง จะมาเอาแต่เด็กๆอย่างเดียวเหมือนที่ปรัชญาของโอเล่ใช้ เรื่องนี้ผมไม่เห็นด้วย ความจะมีตัวพร้อมใช้เข้ามาบ้างเพื่อเป็นหลักประกัน และประคองทีมได้ เหมือนที่สเปอร์มีเคน อาร์เซนอลมีโอบา,ลาเมล่า นั่นเอง

นี่จินตนาการไม่ออกว่า ถ้าเรกีลอนกับเบลลงสนามจะเป็นยังไง เพราะแค่ตอนนี้ซอนเคนก็เริ่มท็อปฟอร์มแล้ว

Chelsea

ดูจากการเสริมทัพ เชลซีอาจจะดูเหมือนเป็นทีมที่ท้าชิงแชมป์ แต่หากพิจารณาถึงความเป็นจริง การเสริมกระจุยกระจายมันก็เป็นดาบสองคมเหมือนกันที่ผลงานควรจะต้องสอดรับกับเม็ดเงินที่ลงทุนไป ซึ่งจริงๆเชลซีไม่มีปัญหาอะไรหรอกเรื่องนี้ เพราะเจ้าของทีมเขาก็พร้อมควักเงิน พร้อมเปย์เพื่อเสริมทัพอยู่แล้ว (ต่างจากเจ้าของแมนยูไนเต็ดมากกกกก)

แฟรงค์ แลมพ์พาร์ดอาจจะกดดันหรือไม่ก็ตามที แต่เสริมหนักขนาดนี้ผลงานก็ควรจะต้องดีนั่นแหละในขั้นต่ำมันถึงจะสอดคล้องกัน เรื่องนี้น่าจะเป็นตัวอย่างให้ยูไนเต็ดได้พอสมควรว่า หากเราบ้าเลือดทุ่มเงินก้อน120ล้านยูโรเพื่อเป็นค่าตัวซานโช่แล้วนั้น อย่าลืมว่าความคาดหวัง ความกดดันมหาศาลในดีลนี้จะมากขนาดไหน และถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิด หวยจะไปออกที่แพะเครื่องเซ่นบูชายัญอย่างโอเล่หรือไม่ เราก็ไม่รู้

นอกจากนี้การเสริมปีเดียวด้วยนักเตะปริมาณมากยังมีข้อควรระวังเรื่องการblendนักเตะต่างๆเข้ากับทีมด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาให้เด็กใหม่ๆเหล่านี้จูนและเล่นด้วยกันมากๆ ทุกคนต้องปรับตัวทั้งนั้นไม่ว่าจะย้ายมาจากในลีกเดียวกันหรือนอกลีกก็ตามที เพราะตอนนี้รายที่เสริมทัพมาคนแรกอย่าง "เทอร์โบติโม" ติโม แวร์เนอร์ ก็ได้ยึดตัวจริงในทีมแล้ว แต่ตัวอื่นๆที่เหลือนั้นยังไม่ได้ลงสนามกันเลยเพราะต้องใช้เวลา ไม่ว่าจะเป็นติอาโก้ ซิลวาที่นั่งดูอยู่ข้างบน / เบน ชิลเวลล์ / ฮาคิม ซิเยค ทุกตัวนี่คือยังไม่ลงเลยเพราะต้องใช้เวลาหน่อย

การซื้อรัวๆอย่างเดียวมันก็มีข้อที่ต้องระวัง และต้องใช้เวลาเช่นกัน ดังนั้นก็ติดตามเชลซีต่อไป ในทรรศนะส่วนตัวยังมองว่า แม้จะทุ่มหนักระดับที่ว่า ขนาดเล่นเกมFootball Managerยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย แต่ว่าถ้าจะบอกว่าปีนี้จะเอาแชมป์เลยไหม เป็นเต็งหนึ่งรึยัง? คิดว่ายัง เพราะทีมท็อปทูของลีกก็ยังคงดีกว่าพวกเขาอยู่

Leeds United

แม้จะเป็นอีกทีมเชียร์จริงๆของผู้เขียนที่ตามเชียร์มาจะ30ปีแล้วพร้อมๆกับแมนยูไนเต็ด แต่เราจะเขียนด้วยความเป็นกลางในมุมมองทั่วๆไปที่ได้เห็นลีดส์ ยูไนเต็ด กลับขึ้นมาลีกสูงสุดอีกครั้งในรอบ16ปี

การเผชิญหน้ากับทีมอื่นๆในระดับพรีเมียร์ลีกของลีดส์ ภายใต้การคุมทัพของจอมปีศาจสายเขี้ยวสุดโต่งอย่างมาร์เซโล่ บิเอลซ่านั้น สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวของ "ระบบ" ได้เป็นอย่างดีมากๆ

ลีดส์ยูไนเต็ดที่เห็นมาสองนัด ในการสู้กับลิเวอร์พูล และเจอกับเพื่อนที่ขึ้นชั้นมาพร้อมกันอย่างฟูแล่ม ต้องบอกว่าสิ่งที่ลีดส์แสดงให้เห็นนั้นคือความยอดเยี่ยมของระบบการเล่นที่มีระบบระเบียบ แบบแผนการเล่นที่ชัดเจนและมั่นคงมากๆ

เรียกว่าดูแล้วค่อนข้างเสถียรก็คงได้

เพราะตัวนักเตะที่ลีดส์มี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแกนหลักที่ขึ้นมาจากแชมเปี้ยนชิพนั่นแหละ จะมีเสริมบ้างบางจุดเข้ามาเท่านั้นเองเพื่อให้เจอกับระดับของพรีเมียร์ไหว

นักเตะไม่ได้มีชื่อชั้นที่สูงอะไรเลย จะมีชื่อเสียงอยู่บ้างไม่กี่ตัว แต่โดยรวมก็ถือว่าเกรดนักเตะอยู่ในระดับพื้นฐานทั่วๆไป แต่ลีดส์กลับมีผลงานที่ดี และมี "การเล่นที่มีคุณภาพ" ทั้งๆที่ใช้แต่ตัวไม่ได้ดัง นั่นเป็นข้อดีและจุดแข็งของ "บอลระบบ" ที่ถ้าหากระบบมันดีอยู่แล้ว เราจะใส่อะไรลงไปในระบบนั้นก็ได้ถ้านักเตะมีคุณภาพพอสำหรับแผนนั้นๆ

ไม่ต้องมีสตาร์ตัวแบกอย่างเด่นชัด แต่ทุกตัวช่วยกันทำงานในเครื่องจักรสีขาวแห่งยอร์คเชียร์เครื่องนี้ก็พอ

เพราะแม้กระทั่งนักเตะอย่างคาลวิน ฟิลลิปที่มีชื่อชั้น และเล่นในตำแหน่งสำคัญมากๆอย่างกลางต่ำตัวDLPก็ตามที แต่เท่าที่เห็น คาลวินก็ไม่ได้ต้องแบกทีมอยู่คนเดียว เพราะนักเตะส่วนอื่นๆของทีมสำคัญไม่ต่างกัน จากระบบการเล่นของบิเอลซ่าที่ให้ทุกคนเป็นฟันเฟืองตัวสำคัญเท่าๆกันหมด พอทุกคนเคลื่อนที่และเล่นตามแบบแผนที่เขาวางแทคติกเอาไว้ บอลจึงเล่นกันได้อย่างไหลลื่น

แทคติกคร่าวๆของบิเอลซ่าที่เห็น หากใครจะทราบกันมาก่อนแล้ว บิเอลซ่านั้นใช้สูตรแปลกๆอย่าง 3-3-1-3 มาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้ใช้ตลอดเวลา เพียงแต่ว่า ต่อให้เป็นรูปแบบformationอื่นๆ ไม่ว่าจะหลัง4 หรือใดๆก็ตาม (ช่วงนี้ใช้ 4-1-4-1อยู่ โดยมีฟิลลิปยืนกลางต่ำ แล้วก็แบมฟอร์ดยืนหน้าเป้า) วิธีการขึ้นบอล การเล่น หรือทรงbuild-up playนั้น ค่อนข้างใกล้เคียงกับวิธีการที่แมนยูใช้ นั่นก็คือเวลาขึ้นบอลลีดส์จะดันทรงขึ้นไปเป็น 2-3-2-3 ซึ่งจริงๆใกล้เคียงกับทรง 3-1-2-1-3 ของแมนยูมากด้วยวิธีการกระจายนักเตะออกไปอยู่ตามจุดต่างๆของสนาม ซึ่งช่วยเอื้อต่อระบบการต่อบอล

แต่พูดก็พูดนะ ทำไมผมเห็นการต่อบอลจากแดนหลังของลีดส์ มันดูง่าย ดูดีมีคุณภาพ และนิ่งกว่าของแมนยูเยอะที่โดนเพรสนิดเดียวก็แย่แล้ว แต่ลีดส์ที่โดนจอมโหดอย่างลิเวอร์พูลเพรสหนักๆ กลับแก้บอลกันได้ไม่ยากนัก

ระบบของบิเอลซ่ายังไม่ได้มีแค่การต่อบอลขึ้นเกมจากแดนหลัง แต่ยามที่บุก ตัวรุกของลีดส์ปริมาณมหาศาลจะวิ่งพุ่งเข้าใส่แนวรับคู่ต่อสู้ทันที ด้วยการเพิ่มปริมาณนักเตะในกรอบเขตโทษบางทีเห็นเข้าไปรอชาร์จถึง5ตัวในจังหวะบุกสุดท้ายที่ทุกคนจะเข้าพื้นที่อันตรายหมด ดังนั้นไม่แปลกใจว่ทำไมลีดส์จึงทำสกอร์ได้เยอะมาก สองนัดยิงไป7แล้ว แม้กองหลังจะรั่วเสีย7ด้วยก็ตามซึ่งเป็นจุดอ่อน แต่เกมรุกลีดส์นั้นสุดยอดมาก

เป็นเพราะระบบล้วนๆ ไม่ได้พึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวเป็นหลักเลย โดยที่นักเตะที่มีก็คุณภาพถึงมากพอจะเล่นเข้ากับระบบได้ โดยเฉพาะคลิชกับแบมฟอร์ด ยอดเยี่ยมมาก

ลีดส์ยูไนเต็ด จึงเป็นภาพสะท้อนที่ดีมากๆให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้สำนึกเอาไว้ส่วนหนึ่งว่า การมีแทคติกที่ดี มันก็สามารถประคองทีมไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ดังนั้นมันจึงสำคัญมากๆ และเราต้องพัฒนาจุดนี้ที่ตอนนี้แมนยูเหมือนมีเกมหน้าเดียวไปแล้วที่ต้องพึ่งการต่อบอลเท่านั้น ต่อบอลไปเรื่อยๆไม่มีรูปแบบอื่น และจุดเด่นอย่างความเร็วของกองหน้า ก็ไม่สามารถเอามาใช้ได้เลยเวลาเจอทีมรับลึกๆเป็นต้น นักเตะอย่างแรชฟอร์ด เจมส์ พวกนี้แทบจะไม่มีประโยชน์เลย

เราต้องพัฒนาแทคติกทีมมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่ามีแค่4-2-3-1 หรือ 3-5-2 แล้วเล่นอยู่แค่เน้นการต่อบอลจากแดนหลังทำชิ่ง หรือเล่นหลังสามรอเกมสวนกลับอย่างเดียว แต่เราไม่มีมิติอื่นๆเลยเช่นบอลไดเร็คต์ก็ไม่มีกองหน้าที่จะเล่นได้ หรือ บอลโด่งเกมครอสริมเส้นแบบพื้นฐานเบสิคๆมาก ก็ไม่มีตัวเข้าฮอร์ส ตัวโหม่ง ฯลฯ

ถ้าระบบดี นักเตะขอแค่fit in เข้ากับระบบก็เพียงพอแล้วจะใช้งาน ไม่ต้องมีสตาร์แต่ก็ทำผลงานดีได้ แมนยูไนเต็ดควรจะเอาลีดส์เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะตอนนี้เอาจริงๆดูลีดส์เล่นยังมันส์และได้ใจกว่าดูแมนยูแล้วด้วยซ้ำ

Liverpool

โอ้โห รายนี้ไม่อยากจะพูดก็ต้องพูด และเอาจริงๆผมชื่นชม และอยากจะชมพวกเขามากจริงๆ อันนี้แฟนผีเข้าใจกันก่อนนะว่ามันคนละประเด็นกับความเป็นอริกันของแฟนบอลนะ (ฮา)

ภาคขอการเสริมทีมต้องบอกว่า ผมอยากเห็นและอยากจะให้ลิเวอร์พูลได้เซ็นมิดฟิลด์ที่มีมิติของเกมรุกเข้าทีมมานานแล้ว เพราะกลางตัวหลักๆที่มีใช้งานทุกเกมอย่าง ดุม แฟ้บ เฮนโด้ ก็ไม่ได้มีใครเล่นรุกแบบเด่นๆมากเท่าไหร่ ตัวที่มีเก่าอย่างลัลลาน่าก็ฟอร์มไม่ดีพอจะยึดตัวจริงได้ ดังนั้นเราจึง "อยากเห็น" มานานแล้วว่า ลิเวอร์พูลชุดแชมป์ที่ยังขาดมิติของกลางรุกอยู่นั้น หากได้ตัวที่ว่ามาเสริมทีม พวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง อันนี้เราอยากเห็นจริงๆ จึงค่อนข้างที่จะเชียร์ให้ได้ตัวติอาโก้ อัลคันทาร่าอยู่พอสมควร และก็ยินดีด้วยที่ซื้อมาได้สำเร็จ (กูจะไปดีใจกับเค้าทำไมเนี่ย 555)

แต่ที่น่าตกใจคือ ซื้อตะโก้มาได้แปปเดียว พวกพี่ท่านเปิดตัวดิโอโก้ โจต้าเพิ่มมาอีกคนด้วย อันนี้อย่างช็อคซีนีม่าจริงๆ ราคาก็ไม่ได้ถูกด้วยนะ40ล้านปอนด์ โอ้แม่เจ้า อันนี้เริ่มไม่โอเคแล้ว(5555)

ลิเวอร์พูลช่วงตลาดซื้อขายที่ผ่านมา แม้แฟนบอลจะเครียดและก่นด่าบอร์ดกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเห็นไหมครับ สองดีลที่ว่านี้มันจะทำให้ลิเวอร์พูลนั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าที่เคยอีก และในมุมมองผม พวกเขายังคงเป็น "เต็งหนึ่ง" ในการคว้าแชมป์เหมือนเดิม ยังไม่มีทีมไหนดีกว่า แม้แมนซิตี้เองก็ตามที่พวกเขายังถือว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก ไม่ได้ยกระดับเลยแค่ซื้อตัวมาเสริมเท่านั้น(เฟอร์รานตอเรสอายุเท่าไหร่เองอย่าลืม การได้อาเก้มาก็ถือว่าดี แต่ยังน่าจะไม่พอสำหรับกองหลัง)

นี่คือตัวอย่างที่จะตบหน้าบอร์ดบริหารของแมนยูให้ได้เห็นว่า ขนาดทีมระดับแชมป์ เขายังซื้อเสริมทีมตัวดีๆขนาดนี้ในจุดที่ควรต้องซื้อ และรับประกันความแกร่งเพิ่มด้วยตัวเลือกในแนวรุกที่จะไม่ได้มีแค่ SMF แต่ยังมีตัวสำรองคุณภาพเยี่ยมอย่างJotaเข้ามาอีกคนในยามที่เกมตื้อตันและต้องการรูปแบบใหม่ๆ เมื่อรวมกับคุณภาพระดับคับแก้วของVVD,TAA และโคตรตัวรุกอย่างManeแล้วละก็ คอยดูเลยว่าสยองแน่ๆ และเกมเมื่อคืนในครึ่งหลังที่ได้ดูการเดบิวต์ของติอาโก้ อัลคันทาร่าลงสนาม มันแสดงให้เห็นถึง "โคตรคลาส" ที่เหนือชั้นจริงๆว่า เนี่ยแหละ ตัวระดับโลกของแท้ที่พวกเขาซื้อมาใช้งานได้จริงเลย เพียงแค่ดูลักษณะการจ่ายบอลที่อัดแน่นด้วยพลัง ความมั่นใจ และวิชั่นการจ่ายที่มีคลาส

ลิเวอร์พูลที่มีติอาโก้ จะโหดกว่าเดิม2เท่า


อันนี้ไม่อวย พูดจริงๆเลยจากใจ เพราะเรารู้ดีว่า ป็อกบาในยามร่างพีคนั้นเก่งขนาดไหน ติอาโก้เองก็ไม่ได้ต่างกันเลย สไตล์คนละอย่างกัน แต่คลาสนั้นของจริงแน่ๆ ระดับโลกเหมือนกันเป๊ะ

ผมก็เชื่ออย่างนึงว่า เอาจริงๆแล้วบอร์ดเรามันก็หน้าด้านหน้าทน มองไม่เห็นอะไรแบบนี้หรอกว่า ขนาดทีมแชมป์เขายังเสริมตัวดีๆแบบนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นแค่ "ตัวอย่าง" ให้แฟนผีดูเท่านั้นว่า ความทะเยอทะยานในการประสบความสำเร็จมันแตกต่างกันขนาดไหน และทีมที่ดีแล้วเขายังต้องซื้อเพิ่ม เช่นเคสของโจต้า ดังนั้นแมนยูที่ปัญหายังเยอะอยู่ จะไม่ซื้อได้ยังไงกัน

การได้ตัวVDBเข้ามา ก็คล้ายๆกับโจต้า คือเราเสริมแผงกลางให้แน่นและสมบูรณ์ ซึ่งก็ทำไปได้ อันนี้ถือว่าดี แต่แอเรียอื่นๆที่มีปัญหามากกว่าอย่างเช่น CB กับ RW (รวมถึงLBด้วยที่ไม่รู้จะเจ็บวันไหน) แมนยูไนเต็ดจำเป็นต้องซื้อสองตำแหน่งนี้มากเสียยิ่งกว่าลิเวอร์พูลต้องได้ติอาโก้ซะอีก

แต่กลับไม่ซื้อ

แล้วไงล่ะ ผลงานก็ตามที่เห็นครับ เราไม่มีปีกขวาดีๆใช้งานเลย ในขณะที่กองหลัง ใช้งานได้จริงคนเดียว แต่อีกคนนึงเละเทะจนสร้างความเสียหายชนิดบรรลัยจัดๆให้ทีมจนแพ้คาบ้านขนาดนี้ นี่แหละ ต้นตอของการไม่ยอมเสริมทีมตั้งแต่เดือนก่อนที่มีเวลา จนตอนนี้เขาเริ่มแข่งเกมลีกกันแล้ว(โว้ย)

นอกจากการเสริมตัว สิ่งที่ลิเวอร์พูลทำให้เห็นและมองย้อนมาดูตัวเองก็สะอึกพอสมควร นั่นคือคุณภาพของการเล่น โดยเฉพาะด้านมิติการเล่นและรูปแบบที่แมนยูไม่เคยมีให้เห็นเลย

เรื่องแรกคือเรื่องของการ"เพรสซิ่ง" ซึ่งแน่นอนบอลยุคนี้เขามีการเพรสซิ่งกันหมดแทบจะทุกทีม สังเกตว่าแมนยูเจอทีมไหน เขามาเพรสใส่เรากันหมดเพราะรู้กันทั้งโลกแล้วว่าแมนยูตั้งเกมจากแดนหลัง

ลิเวอร์พูลในเกมกับลีดส์ก็ใช่ และเมื่อวานเกมกับเชลซี ผมต้องนั่งอุทานระหว่างการดูตลอดเวลา และชื่นชมว่า ลิเวอร์พูลมีเกมเพรสซิ่งระดับสุดยอดของโลกทีมนึงจริงๆ ยอมรับตามตรงเลย เพราะเชลซีแทบจะไม่มีพื้นที่ ไม่มีเวลาให้เล่น ต่อบอลกันนิดเดียวพวกพี่แกเข้าถึงตัวแล้ว

วิ่งกันยังกะม้า วิ่งทุกตัวทุกตำแหน่ง วิ่งเหมือนหิวกระหายมาจากไหน ซึ่งไอ้แบบเนี้ยผมอยากจะเห็นที่แมนยูไนเต็ดมากๆ แต่กลับไม่มีให้ดูเลย

ลิพูเพรสซิ่งกันในระดับที่โคตรโหด เพราะวิ่งบีบแปปๆ ได้บอลกลับมาบุกอีกแล้ว เชลซีโงหัวแทบจะไม่ขึ้น จะมีแค่บางลูกช่วงท้ายๆครึ่งแรกที่โต้กลับสวนมาได้บ้าง แต่เกมรุกก็ไม่ได้ดีพอจะทำอะไรลิเวอร์พูลได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองหลังจำเป็นอย่างฟาบินโญ่ ทำหน้าที่ได้เนียนมาก ส่วนฟานไดค์ไม่ต้องบอกอยู่แล้วว่ามันเก่งขนาดไหน

เป็นการเพรสที่โหดจัดปลัดบอก และใส่ยับขนาดนั้นตั้งแต่ครึ่งแรก ครึ่งหลังคิดว่าจะผ่อนเกมลงไปโซน ที่ไหนได้ พอมีจังหวะ พวกพี่ก็เล่นบีบพื้นที่กันในครึ่งหลังด้วย กว่าที่จะถอยลงไปเล่นzonalก็เวลาที่เชลซีดันเกมขึ้นมาได้เท่านั้น แต่ก็เป็นโซนที่มีการวิ่งบีบมุมตลอดเวลา

มิติแบบนี้ เราจะไม่ได้เห็นที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เช่นเดียวกันกับบอลไดเร็คต์ที่กองหน้าคุณภาพสามตัวพร้อมไปกับบอลและเล่นรุกอย่างแสบสันต์ และการวางบอลยาว การครอสบอลโดยปีศาจอย่างเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่อยู่ดีๆนึกจะสวิตช์บอลเล่นก็ทำได้ตามใจชอบ

ทุกภาคส่วนเมื่อมารวมกันมันจึงแข็งแกร่ง และเก๋ากว่าเชลซีมากจนเอาชนะไปได้ 0-2 ด้วยคลีนชีตและเกมที่เหนือกว่าทั้งกระบวนท่าอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่ลิเวอร์พูลมีในเกมการเล่น คือสิ่งที่ยูไนเต็ดขาดอยู่ทั้งหมด หากว่าเรานำเอาบางส่วนของรูปแบบที่แตกต่างนี้ เข้าไปผสมกับสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว อย่างเช่น ความสามารถของป็อกบา บรูโน่ รวมกับสกิลของมาร์กซิยาล ผมว่าเกมของเราจะดีขึ้นกว่านี้จมหู จะแกร่งขึ้นอีกเท่าตัวจากปัจจุบันจริงๆ

สุดท้ายทั้งหมดทั้งมวลนี้นั้น เขียนเอาไว้เพื่อจะเปลี่ยนบรรยากาศ มามองดูทีมเพื่อนเราทีมอื่นกันบ้างว่า เขาเป็นยังไง เพราะตอนนี้ไม่อยากจะนึกถึงแมนยูไปสักพัก จึงนำเสนอมุมมองที่เห็นจากสายตาแฟนผีบ้าง และเมื่อหันกลับมาพิจารณาปัญหาของทีมตัวเองแล้วนั้น ปัญหามันเยอะมากเหลือเกิน ทั้งเรื่องที่ตำแหน่งก็ขาด นักเตะบางคนก็ชั้นไม่ถึงและก่อความ รูปแบบก็ไม่มี บอร์ดก็ไม่จ่าย ทำงานกันไร้คุณภาพ ผู้จัดการทีมที่ปั้นทีมมาดีแล้วก็ยังมีปัญหาเรื่องทางแทคติกแก้เกม และรูปแบบการเล่นอีก

เป็นแฟนปีศาจแดงยุคนี้ เหนื่อยกันหน่อยนะครับ และคงเหนื่อยกันไปอีกยาวจนกว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างหลักของสโมสรที่เป็นเจ้าของทีมเท่านั้น ถึงจะเริ่มมีอะไรที่ดีขึ้น ไม่งั้นเราก็คงจะได้ปวดตับเป็นเพื่อนกันอยู่แบบนี้ไปยาวๆ แล้วเฝ้ามองทีมเหล่านี้ประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ

รอคอยแรงกระเพื่อมบางอย่างอยู่ที่หวังว่าสักวันแฟนผีทั่วโลกจะร่วมกันทำแบบจริงๆจังๆเพื่อสโมสรเราสักที

#GLAZEROUT

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด