:::     :::

เรื่องราวชีวิต จากปากของอัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ (ตอนแรก)

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2563 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,246
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก

สำหรับอัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ดาวเตะวัย 19 ปี ที่สามารถก้าวมายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมบาเยิร์น มิวนิค พร้อมกับการพัฒนาการเล่นตัวเองอย่างก้าวกระโดด จนเก็บเกี่ยวความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้ แน่นอนว่า นี่คือดาวรุ่งพุ่งแรงที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก และถูกคาดหมายกันว่า จะสามารถก้าวไปเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต ช่วงนี้ เราไปดูการเจริญเติบโต รวมไปถึงเส้นทางชีวิตของเขากัน ผ่านบทสัมภาษณ์ที่เขาให้ไว้กับเว็บไซต์อย่างเดอะ เพลเยอร์ส ทริบูน



นี่เป็นเรื่องราวสำหรับทุกคนที่อาจเกิดความสงสัยในตัวเอง


คุณอาจได้อ่านบางอย่างเกี่ยวกับผม ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อาทิ ตอนที่ผมอายุ 15 ผมกลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ อันดับ 2 ที่ได้ลงเล่นในศึกเมเจอร์ลีก หรือไม่ก็ ตอนที่ผมอายุ 17 ผมย้ายไปร่วมทีมดังอย่างบาเยิร์น มิวนิค มันดูเหมือนว่าผมทำมันได้อยู่เสมอ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น 


เมื่อผมเข้าร่วมทีมแวนคูเวอร์ ไวธ์แคปส์ ผมประหม่ามากเลยล่ะ ผมต้องจากครอบครัวที่เอ็ดมอนตัน ผมเป็นเพียงเด็กชายขี้อาย และไม่ค่อยพูด ผมไม่ได้รู้สึกเลยว่า ตัวเองเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมของทีม ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ผมเดินทางไปทดสอบฝีเท้าที่นั่น 2 ครั้ง แต่โค้ชนั้นรู้สึกว่า ผมยังไม่พร้อม ผมต้องทดสอบเป็นครั้งที่ 3 กว่าที่พวกเขาจะตอบรับเข้าร่วมทีม 

เมื่อผมเริ่มเล่นกับทีม แวนคูเวอร์ ไวธ์แคปส์ รุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี ผมต้องดิ้นรนอย่างหนัก ผมต้องการเวลาในการปรับตัว หลังจากนั้น ผมก็เข้าร่วมทีมอายุต่ำกว่า 18 ปี มันยากยิ่งกว่า เหมือนความรู้สึกว่า ผมได้ก้าวไปร่วมทีมสำรอง ซึ่งเป็นระดับที่สูงขึ้น กระนั้น มันเหมือนกับผมกำลังวิ่งชนกำแพง


ทันใดนั้น ผมต้องลงเล่นกับผู้เล่นที่ตัวโตกว่า 2-3 สัปดาห์แรก ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ผมตามไม่ทัน และไม่แข็งแกร่งมากพอ แน่นอนว่า ผมรวดเร็วไม่พอด้วย ผมเริ่มเป็นกังวลแล้ว จนเกิดความคิดที่ว่า ผมจะสามารถทำมันได้หรือไม่ ?”


ผมต้องย้อนกลับไป เพื่อประเมินสถานการณ์ ความฝันของผมคือ การเป็นผู้เล่นดาวดังของทวีปยุโรป แต่ซูเปอร์สตาร์ส่วนมากของที่นั่น มักจะเป็นชาวยุโรปเอง รวมถึงพวกบราซิล และอาร์เจนติน่า มีสักกี่คนที่จะมาจากเอ็ดมอนตัน ? ซึ่งเป็นสถานที่ที่ควรเลือกไปเล่นกีฬาฮอกกี้นำแข็ง  คำตอบคือ ... ไม่มีเลย


แน่นอนว่า ผมมีข้อสงสัยมากมาย ในการก้าวไปให้ไกลที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ เพราะตามจริงแล้ว มีหลายสาเหตุที่นักฟุตบอลมาจากริโอ เดอ จาเนโร มากกว่าที่จะเป็นเอ็ดมอนตัน ไม่ใช่เพียงสภาพอากาศที่หนาวเหน็บเท่านั้น รวมถึงพื้นฐานที่อากาศเหมือนกับถูกแช่แข็ง เมื่อถึงเดือนกันยายน หิมะจะเริ่มตกลงมา และคุณจะไม่สามารถเล่นฟุตบอลข้างนอกได้ 

เมื่อผมไปถึงแคนาดา หิมะทำให้ผมตกใจมาก เพราะผมก้าวมาจากเด็ก 6 ขวบ ที่เกิดในค่ายผู้ลี้ภัยในกาน่า ครอบครัวของเรามีถิ่นฐานอยู่ที่ไลบีเรีย เราเพิ่งอพยพมายังแคนาดา เพียงแค่ไม่นานเท่าไหร่ จากวินเซอร์ สู่เอ็ดมอนตัน ผมจำได้ว่า ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง พร้อมกับเห็นหิมะอยู่ด้านนอก !!!! ผมคิดในใจว่า -นี่มันคืออะไรกันเนี่ย ?-  ผมออกไปข้างนอก ด้วยการสวมเสื้อยืด และกางเกงขาสั้น สภาพอากาศหนาวเย็นมาก ครอบครัวของผมก็ตื่น และออกมาที่ข้างนอกเช่นเดียวกัน พร้อมกับถ่ายรูปแอ็คท่าทางกันใหญ่ ฮ่า ฮ่า มันหนาวมาก จนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่ชอบฤดูหนาว แม้ว่าผมจะอาศัยอยู่ในแคนาดา มานานหลายปีแล้วก็ตาม


มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เอ็ดมอนตัน ที่ผมต้องทำความคุ้นเคย ทั้งที่อยู่อาศัย, โรงเรียน และการสร้างเพื่อนใหม่ นอกเหนือจากคนในครอบครัว ผมก็ยังไม่รู้จักใครเลย ตอนนั้น ผมยังพูดไม่เก่งเหมือนในตอนนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อผมเริ่มทำความรู้จักผู้คน ผมก็สามารถดึงตัวตนที่แท้จริงของผมออกมาได้ ผมกลายเป็นผู้ชายที่ถ่อมตัว และเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เมื่อทุกคนมาอยู่ใกล้ๆ


ผมและเพื่อนมีความผูกพันกับกีฬา ผมติดตาม และเล่นกีฬาอย่างบาสเก็ตบอล และวอลเลย์บอล ผมพยายามเล่นฮอคกี้น้ำแข็งบ้าง ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของลานสเก็ต ผมไม่ค่อยรู้วิธีการเล่น และไม่รู้วิธีการผูกร้องเท้าด้วย เพื่อนของผมต้องเป็นคนที่คอยผูกเชือกให้ จากนั้น ผมก็สไลด์ตัวเองลงไปบนน้ำแข็ง ผมแทบยืนไม่ได้ มันแย่มากเลยล่ะ


ผมพยายามลองมันอยู่เป็นวัน ตอนนี้ผมเล่นได้ดีแล้ว แต่ไม่ถึงกับดีมากหรอก แค่พอถูไถเท่านั้นเอง ผมสามารถยืนบนเท้าตัวเองได้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากผมนั้นเป็นแมวมองที่มาประเมินฝีมือการเล่นฮอกกี้น้ำแข็งของชายที่ชื่อว่า อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชายคนนี้ต้องไม่ผ่านอย่างแน่นอน


อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้หวังที่จะพาตัวเองไปสู่ลีกฮอกกี้น้ำแข็งอย่าง NHL เดเบอาห์, คุณพ่อของผม เล่นฟุตบอลระดับทีมสมัครเล่นในเอ็ดมอนตัน ทุกสัปดาห์ ท่านจะเปิดทีวี พร้อมกับรับชมการเล่นของเชลซี ผมเติบโตมากับนักเตะอย่างดิดิเย่ร์ ดร็อกบา และมิคาเอล เอสเซียง เชลซี กลายเป็นทีมที่ผมติดตามเชียร์ เมื่อผมเข้านอน ผมฝันถึงภาพที่ตัวเองกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในลีกยุโรป พร้อมกับยิงประตู และฉลองร่วมกับแฟนบอลนับหมื่นที่กำลังส่งเสียงเชียร์

วันหนึ่ง ตอนที่ผมอายุได้ 9 หรือ 10 ขวบ เพื่อนของผมเห็นผมเล่นฟุตบอลตอนพักเที่ยง ระหว่างช่วงพักกินข้าวที่โรงเรียน เขากำลังไปลองเล่นกับทีมที่ชื่อว่า เอ็ดมอนตัน อินเตอร์เนชั่นแนลส์ เขาเลยชวนผมไปด้วยกัน หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เราก็ก้าวขาลงสนาม ผมบอกเขาไปว่า ผมประหม่ามากเลย ก่อนที่เขาจะตอบกลับมาว่า -ทุกอย่างจะโอเค นายทำมันได้-”


กระนั้น การเดิมพันมันสูงมาก ไม่ว่าในวันนั้น ผมจะถูกเรียกติดทีมหรือไม่ก็ตาม จากนั้นผมก็เริ่มสัมผัสบอล และกระชากบอลผ่านผู้เล่นคนอื่น ความมั่นใจของผมเพิ่มขึ้นมา ผมกำลังแสดงให้เห็นว่า ผมสามารถทำอะไรได้บ้าง 1 หรือ 2 ชั่วโมงต่อมา เราต่างนั่งอยู่บนพื้นหญ้า เพื่อรอฟังว่าเราจะผ่านการตัดตัวมั้ย ? ทันใดนั้น ทุกคนอยู่ในความเงียบ โค้ชเดินเข้ามา และมองไปที่กระดานของเขา มันเงียบจนคุณจะได้ยินเสียงเข็มร่วง จากนั้น โค้ชบอกว่า -สวัสดีเด็กๆ ผมขอแสดงความยินดีด้วย เพราะว่าพวกนายทุกคนถูกรับเข้าร่วมทีม- จากนั้น ทุกคนก็ตะโกนพร้อมกันว่า -เย้ !!!!-”


ผมเลยไปเขียนใบสมัคร นี่คือสิ่งที่นำพาผมไปข้างหน้า จากนั้น มันคือกีฬาที่ผมหลงใหล มันอยู่กับผมเสมอมา แต่ผมมีปัญหาอย่างหนึ่ง ผมมักพลาดการฝึกซ้อม เพราะผมมีหน้าที่ควบคู่ไปด้วย นั่นคือการเป็น ..... พี่เลี้ยงเด็ก


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด