:::     :::

"สุดสัปดาห์นี้Exp x2" แฟนผีเตรียมรับแรงกระแทกในอีก4วันข้างหน้า

วันเสาร์ที่ 03 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,302
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มันจะเป็นสุดสัปดาห์ที่"เดือดที่สุด"ของแฟนผีแน่นอน เพราะนี่คือช่วง3-4วันสุดท้ายที่แฟนผีจะได้ตื่นเต้นและต้องเตรียมรับแรงกระแทกกันให้ดีๆไม่ว่าดีหรือร้าย เพราะจะได้รู้ชัดแล้วว่าเราจะซื้อใครมาได้หรือไม่ ในขณะที่เกมลีกต้องเจอทีมระดับสเปอร์ ผลจะเป็นยังไง วีคนี้รู้เรื่องแน่นอน

ในที่สุดก็มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ตลาดซื้อขายนักเตะฤดูกาล2020/21 ช่วงซัมเมอร์กำลังจะปิดตัวลงในวันที่ 5 ตุลาคม 2020 นี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็รอขายให้ตลาดมันมาถึงวันสุดท้ายกันสักทีจะได้จบๆกันไปกับการปวดประสาทนั่งตามข่าวซื้อขายนักเตะทีมเราที่ค่อนข้าง "ปวดตับ" อย่างหนักหน่วงเหลือเกินในปีนี้ ปวดพอๆกับเกมนัดที่ฟอร์มการเล่นย่ำแย่ ก็คือการดูสงครามข่าวนักเตะที่ทีมเรา "พลาดหวัง"ในการคว้าตัวดีๆมาเสริมทีมซ้ำแล้วซ้ำเล่านั่นเอง

จากวันนี้เป็นต้นไป มันคือ "4 วัน" ที่แฟนแมนยูจะต้องเตรียมรับแรงกระแทกให้ดีๆว่า หลังจากนี้จะมีแต่ "เรื่องพีคๆ" เกิดขึ้นแน่

เพราะมันจะมีทั้งเรื่องราวของการ "แห้วแบบเป็นทางการ" เพราะว่าตลาดปิด จะได้รู้กันว่าพลาดหวังใครบ้าง ก็จะด่ากันได้เต็มตีนสักที หรือถ้าจะได้ตัวใครเข้ามา ไม่ว่าจะบิ๊กเนมหรือตัวรองๆ แฟนผีก็จะกรี๊ดดีใจกันสุดเสียงเช่นกัน

นอกจากนั้นแล้วยังมีเรื่องที่วีคนี้ต้องเปิดบ้านเจอกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ของโจเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งบอกเลยว่า "ดราม่าแน่ๆ" ทั้งผลการแข่งขัน และประเด็นฟาดปากทั้งหลายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ว่าแพ้หรือชนะ กระแสซึนามิมาแน่นอน เพราะถ้าชนะแฟนบอลก็เฮกันลั่นซอย ครึกครื้นแน่

แต่ถ้า"แพ้" ไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งผู้จัดการทีม บอร์ด นักเตะ อยู่ไม่เป็นสุขแน่นอนงานนี้

แหม มันจะต้องมาเจอสเปอร์ของน้ามูในวันปิดตลาดซะด้วย สุดสัปดาห์นี้มันช่วงexpX2 รึไงกัน

คือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น 4วันหลังจากนี้ (3-4-5-6) รับรองว่า "พีคสัสๆ" แน่นวล

ไล่ตั้งแต่วันเสาร์ที่3 กระแสจะเริ่มโหมมาที่วันนี้อย่างหนักมากๆ ไม่เชื่อคอยดู เพราะว่าเริ่มสตาร์ทวันแรกของเสาร์อาทิตย์ ซึ่งเป็นเหมือนเส้นแบ่งจุดเริ่มต้นวันแรกของสามวันสุดท้าย กระแสข่าวจะมารุนแรงมากขึ้นจากการเล่นข่าวของสื่อต่างๆ ในขณะที่ฟุตบอลคู่อื่นๆก็มีดีกรีความเดือดไม่ต่างกันเมื่อเชลซีจะเจอกับพาเลซ ในขณะที่ลีดส์ของบิเอลซ่า จะได้ซัดกับแมนซิตี้ของเป๊ปด้วยในวันเสาร์ วันนี้จะเป็นวันแรกที่ข่าวเริ่มเล่นโหมหนักมากๆ

ในขณะที่วันอาทิตย์ที่4 ตุลาคม สิ่งที่จะเดือดสุดๆนั่นก็คือ "Match Day" วันแข่งของเรานั่นเองที่การพูดคุยเรื่องการแข่งขัน ตัวนักเตะ ฟอร์มการเล่น ก็จะโฟกัสอยู่เรื่องนั้นเต็มๆในวันอาทิตย์นี้ และเมื่อถึงเวลา 22.30 น. ก็เป็นเวลาแห่งการดวลกับลูกทีมของพ่อมูที่กำลังเรียกฟอร์มอันสวยสดงดงามจากบนพื้นสนามไปยันถึงหน้าห้องขี้ เรียกว่าพีคทุกภาคส่วนจริงๆ

ส่วนทีมเราก็ฟอร์มกระท่อนกระแท่นอย่างที่เห็น กว่าจะเบียดชนะไบรจ์ตันมาได้ในลีก ทีมก็พยายามเรียกจังหวะการเล่นและระดับความฟิตกลับมาทีละเล็กทีละน้อย ต้องลุ้นกันต่อไปว่านักเตะจะเริ่มพร้อมขึ้นไหม เพราะที่ผ่านมาตัวหลักเราหลายๆสภาพยังไม่พร้อมจะลงสนามจริงๆ สังเกตการเล่นแล้วรู้เลยว่าไม่ฟิตอย่างแรง

สิ่งที่จะเดือดในวันนั้นคือเหตุการณ์ในสนาม และผลการแข่งขัน ไม่ต้องห่วงว่าทุกช็อตมีอะไรมันส์ๆให้ดูแน่ เกมนี้รับประกันความดราม่าระดับ5ดาว ทั้งระหว่างแข่ง หรือหลังจากนั้น

เพราะไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ การให้สัมภาษณ์สื่อ กระแสจากแฟนบอลหลังเกม มันมาแน่นอน อย่างที่บอกไปว่า จะแพ้หรือชนะก็พีคแน่ๆ ถ้าชนะ แฟนผีจะใจชื้นและเริ่มมีความหวังให้ทีมค่อยๆเรียกฟอร์มเก่งกลับมาทีละน้อย ไม่หดหู่กันเหมือนตอนนี้ และเราก็อาจจะได้เห็นวิวาทะอะไรสนุกๆออกมาจากปากของคนตรงอย่างมูรินโญ่อีก

แต่กลับกันถ้าวันนั้นแพ้ หลังเกมไปอีกวันสองวัน รับรองมีประเด็นให้ถอก(Talk)กันอีกยืดยาวแน่ๆ และคนที่จะโดนหนักหน่อยก็ไม่ใช่ใคร พวกตูแฟนผีนี่แหละ!!

ถัดไปคือ วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม .. อันนี้ไม่ต้องพูดถึงว่ามีอะไร ใช่แล้ว เส้นตายวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย เราจะได้เห็นคนวิ่งวุ่นกันแน่ๆอันเนื่องมาจากการบริหารงานอันย่ำแย่ห่วยแตกที่ทำไมไม่เดินดีลต่างๆให้เรียบร้อยก่อนเปิดฤดูกาล ทั้งๆที่ทีมอื่นเขาเสริมทีมกันเสร็จและมีเวลาเอาไปลองทีมกันก่อนสักระยะใหญ่ๆ แต่ของเราจนเปิดฤดูกาลมาหลายนัดแล้วยังได้แค่VDBมาเสริมทีมแค่ตัวเดียว ทั้งๆที่ขุมกำลังของทีมยังมีจุดอ่อนอยู่เยอะมากๆแบบที่สองหน้าต่างซื้อขายก็แก้ไม่หมด

ลองไปดูทีมเล็กทีมอื่นๆที่ก็ได้รับผลกระทบจากโควิดเช่นกัน แต่เขาซื้อตัวนักเตะมาเสริมเข้าทีมกันเยอะแยะมากมาย ดีๆทั้งนั้น และทุกทีมก็แข็งแกร่งขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องสนใจการซื้อที่เว่อร์ยิ่งกว่าการเล่นFMของเชลซีก็ได้ ข้ามเคสนั้นไปเลย แต่ให้ดูทีมรองทีมอืนอย่างเอฟเวอร์ตันก็พอ ดูสเปอร์ที่เพิ่งได้เบล ได้เรกีลอนไปเสริมทัพ และไม่ว่าจะเป็นซิตี้ที่เสริมจุดอ่อนอย่างต่อเนื่องและได้ตัวแกร่งๆมาเพิ่มให้โหดขึ้นไปอีกอย่างรูเบนดิอาส

ขุมกำลังสเปอร์โคตรป่าเถื่อน

ทีมเล็กทีมน้อยอย่างวิลล่า พาเลซ เลสเตอร์ พวกนี้เขาเสริมตัวดีๆหมด แม้อาร์เซนอลกับลิเวอร์พูลก็ได้ตัวจั๋งๆเข้ามาเสริมและแก้จุดอ่อนของตัวเองครบครัน เมื่อหันหลังกลับมาดูทีมเรา ก็ยังเห็นแต่หน้าน้องดอน ทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อน่ารักๆให้แฟนผีอุ่นใจแค่คนเดียวอยู่ดี

แต่ทีมอื่นเขาพร้อมตั้งแต่ก่อนลีกเริ่มเตะ และแม้จะเตะมาแล้วแต่ทีมเหล่านั้นก็เสริมอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมพร้อมรับมือฤดูกาลนี้กันแทบจะครบเรียบร้อยแล้ว

แต่ฝ่ายแมนยูไนเต็ดที่ปัญหาทีมเยอะกว่าชาวบ้านชาวช่องเค้ามาก แต่กลับไม่มีตัวเข้ามาเลยทั้งที่มีเวลาในตลาดเยอะมาก ไม่มีตัวไหนตบเท้าก้าวเข้ามาในชายคาทีมเราเลย

สิ่งที่เห็นมีแต่ "ผีในข่าว"

ภาพนี้จะเป็น"ตำนาน"

ผีคืออะไร มันก็คือสิ่งที่มีแต่ชื่อ มีแต่ภาพจางๆลอยอยู่ แต่ไม่มีตัวจริงๆย้ายมาเข้าทีมนั่นเอง เพราะตอนนี้ผมเห็น ผีเรกีลอน ผีเบล ผีมากัลเญส ผีอูปาเมกาโน่ ผีกรีลิช รวมถึงผีรุ่นเดอะอย่างนิโคลาส ไกตัน และเวสลีย์ สไนเดอร์ บินไปบินมาบนหลังคาโอลด์แทรฟฟอร์ดกันเต็มไปหมด

และก็เหมือนจะเห็นผีตัวนึงใส่เสื้อสีเหลืองๆ กำลังบินมาจากเยอรมัน พร้อมที่จะเป็นตำนาน "ผีไม่มีศาล" ตัวใหม่ของที่นี่อีกรายแล้วในอีกไม่กี่วันนี้ ต้องรอดูว่าจะมีใครจุดธูปเชิญร่างต้นมาอยู่ที่นี่ได้หรือไม่ แนวโน้มแห้วสูงอยู่แล้ว ไม่น่ามีอะไรผิดพลาด

ดังนั้นเราสามารถด่าบอร์ดและทีมซื้อขายได้เต็มๆปากได้แล้วในตอนนี้ โดยที่ "ไม่จำเป็นต้องรอตลาดปิดค่อยด่า"

คู่หูคู่เฮีย เอ็ด & จัดจ์

เพราะถ้าให้ด่าหลังวันที่5ไป ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้วตอนนั้นว่า ถึงเวลานั้นค่อยพูด ก็ได้แค่คุยกันเองเท่านั้นแต่แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้แล้ว แต่กลับกันหากเราชี้จุดบกพร่อง และรีบตำหนิ หรือ ด่ากันตั้งแต่ตอนที่มีโอกาส ยังจะสามารถช่วยทีมได้มากกว่าถ้าหากมันสร้างกระแสกดดันบอร์ดได้โดยตรง

พูดถึงเรื่องการซื้อขายตัว มันมีประเด็นของผู้จัดการทีมเราอยู่ที่ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มักจะออกมาให้สัมภาษณ์ในแบบกลางๆเสมอ ซึ่งล่าสุดก็เช่นกัน เขาจะไม่ค่อยพูดอะไรในเชิงต่อว่าหรือกดดันสโมสรเท่าไหร่เลย ซึ่งตรงนี้มองได้สองแง่มุม แง่มุมแรกคือ "เราเข้าใจเขา" ในฐานะที่เป็นคนทำงานอยู่ในสโมสร จะให้อยู่ดีๆออกมาด่ากราดบอร์ดบริหารซึ่งเป็นผู้มีอำนาจ และเป็นผู้จ้างมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แกอาจจะมองว่าบอร์ดเบื้องบนก็ได้รับแรงกดดันจากภายนอกเยอะอยู่แล้วทั้งจากแฟนบอล และจากผู้ที่มีpowerในการกดดันหลายๆส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าตำนานและบุคลากรที่เคยเกี่ยวข้องกับสโมสร ดังเช่นในกรณีที่เอฟเร่ออกมาแฉเรื่องราวต่างๆให้แฟนบอลรู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

คิดดูว่าเอฟร่าแฉขนาดนั้น ยังไม่เกิดแรงกระเพื่อมใดๆเกิดขึ้นให้เห็นแบบทันควัน ฉะนั้นถึงโอเล่จะให้สัมภาษณ์กดดันบอร์ดบ้างนิดๆหน่อยๆคงไม่เกิดผลอะไรในเชิงรูปธรรมมากนัก

แต่การที่โอเล่ไม่ด่าบอร์ด มันไม่ได้แปลว่าเขาจะพอใจทีมปัจจุบันอยู่แล้ว เพราะเราทราบกันดีว่า เขานี่แหละเป็นคนที่ต้องการให้มีการเสริมทีมมากที่สุด และตัวเองก็ไม่ได้มีบารมีแข็งแรงเหมือนกับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันในสมัยก่อนที่แทบจะไปเคาะประตูบ้านนักเตะเอาเองมาทุกคน บินตรงไปหาถึงบ้านเลย 

ถ้าเราเป็นนักเตะเจอป๋ามาเคาะประตูบ้านเราก็รีบแจ้นไปเล่นด้วยเลยแหละ

นั่นคือแง่มุมแรก เรามองโอเล่ด้วยความเข้าใจว่าเพราะอะไร ถึงไม่ออกมางัดสโมสร อันนี้แฟนบอลต้องเข้าใจคนทำงานกันหน่อยในมุมมองของความเป็นจริงบนโลกนี้ คิดว่านายจ้างที่ไหนจะเอาลูกน้องที่ออกมายืนด่ากราดตัวเองอยู่หน้าบริษัทตัวเองแบบนั้น?

แต่ในอีกด้าน การเทคแอคชั่นของโอเล่ก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะหลายครั้งที่กุนซือรายนี้โดนด่าว่าโลกสวย ซึ่งการแสดงออกมันก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ คือไม่หือไม่อือกับอะไรทั้งนั้น มีอยู่เท่านี้ก็บอกว่าขุมกำลังดีแล้ว (ทั้งๆที่มันไม่ดี)

จริงอยู่ว่าการด่าอะไรออกสื่อไปก็ใช่ว่าบอร์ดจะรีบไปซื้อตัวมาได้สำเร็จสักหน่อย และอีกอย่างการจะพูดตรงๆว่า ลูกทีมปัจจุบันของเราบางคนนั้น"อ่อน" จะให้มาพูดตำหนิเด็กออกสื่อ รับรองว่ามันจะสร้างความไม่พอใจ และทำลายความเชื่อใจระหว่างกันอย่างมากแน่ๆ นั่นก็เป็นไปไม่ได้อีก

คือพูดง่ายๆว่า ถ้าหวังจะให้โอเล่ออกมาพูดความไม่พอใจทั้งหมด มันยาก

แต่การให้สัมภาษณ์ในเชิงที่ทำให้ทุกคนเห็นว่า everything is okay มันค่อนข้างฝืนและขัดกับความเป็นจริงอย่างแรง ซึ่งมันทำให้ผู้ฟัง ซึ่งก็คือเราๆท่านๆแฟนบอลเนี่ยแหละ อ่านแล้ว ฟังแล้ว รู้สึกว่ามันช่างโลกสวย และมองในแง่ดีเกินเหตุไปมาก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าทำไมแฟนบอลส่วนใหญ่ๆอีกหลายคน ก็ไม่สนับสนุนโซลชาที่มีความคิดแบบนี้ให้คุมทีมต่อ

อย่างน้อยที่สุด โซลชาเองซึ่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญมากๆอีกคนของสโมสร ควรที่จะออกมาทำอะไรบางอย่างบ้าง มันมีอีกหลายวิธีที่ดีกว่าการไม่ต้องมางัดตรงๆกับบอร์ดอีกเยอะ แต่โอเล่สามารถที่จะ "พูดอ้อมๆ" ได้ในหลายๆบริบท เพื่อส่งสัญญาณให้แฟนบอลได้เห็น และสร้างแรงกดดันไปทาง"สื่อ" ที่ได้รับ "สาร" จากโอเล่ รวมถึงการเปิดเผยปัญหาในเรื่องต่างออกมาจากปากว่า มันมีจุดบกพร่องอะไรบ้าง ในเรื่องลูกทีม เรื่องการซื้อขาย  คือมันมีวิธีเยอะแยะที่จะกดดันเบื้องบนจากตรงนี้ได้แต่เขาไม่ทำเลย

การงัดบอร์ดตรงๆถือเป็นการกระทำที่โง่มากหากเราอยู่ในตำแหน่งลูกจ้างใต้บังคับบัญชา..

แต่การไม่ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวก็เลวร้ายไม่แพ้กัน

คือไม่จำเป็นต้องด่าบอร์ดตรงๆก็ได้ อันนั้นก็นอนเซนส์ไป แต่มันสามารถต่อสู้กับบอร์ดด้วยเหตุผล และควรเทคแอคชั่นกันบ้าง

ถึงจะบอกว่าอยากให้โอเล่บาลานซ์ตรงนี้ให้ดีๆ ก็ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะตลาดมันจะปิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่ละ ดังนั้นเราก็วางโอเล่เอาไว้นอกเวทีสุดท้ายนี้เลย เขาไม่ได้play roleอะไรที่สำคัญมากไปกว่านี้แล้วนอกจากจะช่วยเป็นคนไปพูดคุยกับนักเตะว่าต้องการเขามาในฐานะไหน และทำอะไรให้ทีมได้บ้างแค่นั้น

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับบอร์ดและทีมซื้อขายของเราล้วนๆ

one more.. Pat?

วันที่5นี่ต้องบอกว่า จะเป็นวันที่แฟนผีต้องอดตาหลับขับตานอน รอตลาดปิดกันแบบreal timeจนถึงวินาทีสุดท้ายอีกปีแน่ๆ นั่นเป็นเพราะว่าเรายังแทบไม่ได้เป้าหมายมาเสริมทีมเลยสักตัว ตัวที่เข้ามาก็ไม่ได้มาในลักษณะแก้จุดอ่อน แต่เสริมทีมให้แข็งแกร่งสมบูรณ์ขึ้นในแผงกลาง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วเพราะว่า ก่อนหน้านี้เราไม่มีdephtที่เพียงพอสำหรับมิดฟิลด์สายรุกในทีมเลย หากป็อกบา บรูโน่เจ็บไป ตัวแบกกลางในเกมรุกจะไม่มีทันที อันนี้ถือเป็นข้อดีที่ทำสำเร็จไปแล้ว

แต่จุดอ่อนด้านอื่นที่ไม่ได้รับการแก้ไขมีอีกเพียบ

ในเมื่อมันมีอีกเยอะและเรายังไม่ได้ใครเข้ามาเลย ดังนั้นถ้าไม่มีการชูเสื้อในอีกสองวันนี้(3กับ4) รับรองว่าตลาดวันที่5 วันสุดท้ายลุกเป็นไฟแน่นอน และเราคงต้องนั่งลุ้นกันจนวินาทีสุดท้ายแน่ๆ

คิดเอาเองว่าจะเดือดขนาดไหน..

ต้นตำรับความเดือดช่วงเดดไลน์ ปาดกันจะจะคาสนามบิน

สุดท้าย วันอังคารที่6 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ทุกอย่างจะ "จบลงอย่างเป็นทางการ" ซึ่งเราจะได้เห็นบทสรุปของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วว่า มันจะเฟลหรือจะซัคเซส เราจะได้เห็น "ผลการแข่งขัน" ที่ได้เจอกับทีมใหญ่เป็นครั้งแรกในซีซั่นนีกับสเปอร์ของน้ามู ไม่ว่าจะแพ้ หรือ ชนะ มันจะเป็นกระแสหลังแข่งที่แรงมากๆและพูดคุยกันวันสองวันในช่วงนั้น ซึ่งก็จะผนวก x2 กับ "ผลการซื้อขายนักเตะในตลาดซัมเมอร์นี้ของทีมด้วย" เพราะวันที่6เราจะรู้กันสักทีว่าได้ใครไม่ได้ใคร

ถ้าได้ตัวเจ๋งๆมา รับรองว่าแฟนผีจะเฮฮาและเริ่มมีความหวังในการลุยซีซั่นนี้ทันที เพราะมันจำเป็นมากๆที่เราจะต้องได้นักเตะเก่งๆมาเสริมทัพในการลงแข่งทัวร์นาเม้นต์ที่อยู่ระดับสูงสุดของโลกอย่าง UCL ที่คุณจะไปลงเล่นไม่ได้ด้วยนักเตะเพียงในตอนนี้ที่มีอยู่ไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งอยู่ร่วมสายหนักกับปารีสและไลป์ซิกด้วยแล้ว เพราะมันยังมีเกมลีกที่ต้องเล่นอีกซึ่งก็สำคัญไม่แพ้กันเลยสองรายการนี้

แต่ถ้าพลาดหวัง ไม่ได้ตัวที่ต้องการ และอาจจะได้panic buyประเภทที่ซื้อๆมาไปงั้นๆแบบลวกๆ เพื่อลดกระแสด่า ให้ได้ชื่อว่า "ซื้อ" มาเท่านั้นเพื่อที่จะอุดปากแรงต้านและเสียงก่นด่าจากแฟนบอลเท่านั้น (แถมนี่อยู่ดีๆก็มีข่าวกับLucas Ocamposที่ไม่ได้ควรจะไปซื้อมาจากเซบีญ่าเลยในราคา40ล้าน)

ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นเช่นนั้นคือ ไม่ได้ใครอีกเลยนอกจากไปต่อราคา อเล็กซ์ เตลีส แบ็คซ้ายตัวบู๊จากปอร์โต้มาได้อีกคนเดียวแค่นั้น แล้วทุกอย่างจบ..

แบบนั้นมันจบไม่ได้โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย ปีกขวาไม่มีใช้ เซ็นเตอร์ใหม่ดีๆก็ต้องซื้อ สองตำแหน่งนี้สำคัญกว่าซะอีก!!

เห็นไหมครับแค่จินตนาการว่าจะได้อีกแค่ตัวเดียว ก็หงุดหงิดตัวจี๊ดขึ้นหัวแล้ว (แถมดีไม่ดีไอ้เจ้าเตลีสนี่ก็จะไม่ได้ตัวด้วยซ้ำปีนี้ เพราะแมนยูสามารถใช้วิธีรอเซ็นฟรีล่วงหน้ากับเขาช่วงเดือนมกราคม2021 แล้วคว้าตัวมาฟรีในซัมเมอร์ปีหน้า เท่ากับว่าปีนี้ก็ไม่ได้ตัวเตลีสอยู่ดี)

เพราะไม่ใช่ว่าแบ็คซ้ายไม่ต้องซื้อซะที่ไหน เราจำเป็นต้องมีตัวมากดดันและเป็นแบ็คอัพให้ลุคชอว์ ในเกมริมเส้นที่แบ็ครับภาระเยอะแล้วนั้น แต่Priorityที่สำคัญจริงๆผมมองว่า "ปีกขวา" สำคัญที่สุด เพราะมันไม่มีคนเล่นในจุดนี้เลยในทีม ขนาดเมื่อวันก่อนมาต้าลงเป็นAdvance Playmakerตัวด้านข้างขวาก็ตาม พี่แกก็หุบเข้าในหมด / เมสัน กรีนวู้ดเวลาเล่น ก็หุบเข้าใน บางทีสลับมาซ้ายสุดบ่อยขึ้นด้วยเดี๋ยวนี้ / แดเนียล เจมส์ ใช้งานไม่ได้ / แรชฟอร์ดเล่นขวาได้แต่เล่นไม่ดี เสียของ / ดาโลต์ ผจก ไม่มองเขาเป็นแบ็คอัพปีกขวา แม้ให้โอกาสยังไม่ค่อยจะให้

จะเห็นว่าปัจจุบันนี้มันไม่มีใครเล่นขวาได้เลยจริงๆ(แรช หมาก) ไอ้ที่มีอยู่ มีก็เหมือนไม่มี(เจมส์ ดาโลต์) เราจึงเหลือแค่กรีนวู้ดคนเดียว ที่ลงเล่นได้แค่ในนาม "Forward ตัวหน้าขวา" ตัวเดียวเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้อยู่โยงขวาตลอดเพราะน้องตัดเข้าใน เข้ากรอบมาอันตรายกว่าเยอะ

ส่วนเรื่องของ CB เองเราก็จำเป็นต้องเสริมทีมอยู่ดี อย่างที่พูดคุยกันมานานแล้วว่าเราจำเป็นต้องหาคู่ขาให้แมกไกวร์ใช้งาน ที่ไม่ใช่ลินเดอเลิฟ ซึ่งเอาจริงๆแล้วนะ กองหลังที่เก่งที่สุดในทีมเราตอนนี้ กลับเป็น "เอริค ไบญี่" ที่ฟอร์มชัดเจน และกลับมาฟิตสมบูรณ์100%มากๆในช่วงนี้ และแสดงให้เห็นถึงคลาสการเล่นที่แท้จริงของคนเป็นกองหลัง

ชัดเจนว่าเก่งกว่าลินเดอเลิฟ และเอาจริงๆเขาดีกว่าแมกไกวร์ซะด้วยซ้ำในมิติของกองหลัง

ที่สุดแล้วจริงๆโอเล่ควรจะใช้งานเป็น แมกไกวร์ ไบญี่ เป็นคู่ตัวจริงหลักของทีม อันนี้สำคัญที่สุด แต่โอเล่กลับหน้ามืดตามัวเลือกแต่ลินเดอเลิฟลงเล่นแล้วสร้างความบรรลัยให้ทีมอยู่บ่อยครั้ง และยังคงเป็นแบบนั้นเสมอมา ซึ่งก็ไม่เข้าใจโอเล่เหมือนกันว่าทำไมตาบอดขนาดนั้น แฟนผีทั่วๆไปที่ไม่ได้มีไลเซนส์โค้ชแบบเรายังมองกันออก แต่พี่แกมองไม่ออกซะยังงั้น

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นปัญหาหลักแค่ว่า เรียกโอเล่ไปปรับทัศนคติ แล้วส่ง ไบญี่ ลงตัวจริงคู่แมกไกวร์แล้วมันจะจบ หลายคนคิดเช่นนี้ แต่เอาจริงๆแล้วนั้น..

มันไม่จบจ้าาาาาา

เพราะว่าปัญหาของเอริค ไบญี่คือ "ความไม่แน่นอน" ของเขาที่มีความเสี่ยงสูงมากที่จะบาดเจ็บ เนื่องจากประวัติการเจ็บก่อนหน้านี้มันฟ้องอยู่ว่า "เราไม่รู้ว่าเราจะเสียเขาไปอีกวันไหน ตอนไหน"

ไม่มีความมั่นคงในการใช้งานเลย

ส่วนด้านลินเดอเลิฟเองนั้น ก็มีความ "ไม่แน่นอน" ของฟอร์มการเล่นเลยแม้แต่น้อย ต่อให้กลับมาเล่นดีนัดนึง ไม่มีอะไรให้ด่า แต่ก็คล้ายๆไบญี่คือ "เราไม่รู้ว่าเขาจะสร้างความฉิบหายในแนวรับอีกตอนไหน เมื่อไหร่"

คือไม่มีความมั่นคงในด้านฟอร์มการเล่นเลย

จะเห็นว่ากองหลังสองตัวนี้มีปัญหากันคนละอย่าง และสำหรับคนเล่นเซ็นเตอร์แบ็คนั้น สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากสกิลกองหลังแล้วก็คือเรื่องของ ความสม่ำเสมอของฟอร์ม และความไว้วางใจได้ (steadiness & reliable) ที่เราไม่ควรที่จะต้องมีความ "หวั่นใจ" แบบนี้อยู่ข้างใน เหมือนที่แฟนบอลรู้สึกกับ ไบญี่ กับ ลินเดอเลิฟเช่นนี้ 

เราไม่ควรที่จะต้องมากลัวว่ามันจะเจ็บเมื่อไหร่ (Bailly)

เราไม่ควรที่จะต้องมากลัวว่ามันจะแจกเมื่อไหร่ (Lindelof)

จริงๆเป็นคู่ที่ลงตัว stopperคนนึง ball-playingคนนึง แต่มีความไม่แน่นอนสูงมากทั้งคู่ในคนละปัจจัย

จะเห็นว่าเราไม่มีความกังวลลักษณะนี้อยู่กับHarry Maguireเลย ไม่ได้จะบอกว่าแมกไกวร์ดีซะจนไม่มีข้อผิดพลาดอะไรเลย เพราะเขาก็มีปัญหาเวลาเจอลูกดวล 1-1 กับกองหน้าสายสปีดเทคนิคอยู่เป็นประจำ แต่หมอนี่ก็ถือว่าโชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอมากที่สุดคนนึง นัดล่าสุดนี่ก็ทั้งยิง ทั้งเรียกจุดโทษได้ในเกมไบรจ์ตันด้วย ทั้งๆที่เพิ่งเจอคดีที่ประเทศกรีซมาหมาดๆ

นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่า แม้ไบญี่จะเก่งยังไง เราก็ยังจำเป็นต้องซื้อ CBใหม่มาเป็นคู่ขาให้แมกไกวร์อยู่ดี แล้วจากนั้นแหละ จึงค่อยใช้ไบญี่เป็นตัวสลับสับเปลี่ยนกันลง เป็นแบ็คอัพให้ทีมเช่นนี้ คือไม่ต้องลงเล่นทุกนัดก็ได้ แต่สลับกันลง จะช่วยถนอมร่างกายให้เขาได้มากแบบตอนนี้ที่ทำอยู่ และส่วนลินเดอเลิฟ ยังไงก็สามารถใช้เป็นแบ็คอัพตัวball-playingให้กับแมกไกวร์ได้ เหมือนเกมที่แล้ว แม้ฟอร์มจะกากอยู่แต่ก็เข้าใจระบบทีมดี และเล่นแทนแมกไกวร์ได้ในนัดที่ไม่หนักมาก เป็นสำรองที่มีคุณภาพดีคนนึง

ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเห็นได้ว่า วันที่6นี่เหมือนระเบิดจะลงแฟนผีจริงๆ ทั้งจากภายนอกแฟนทีมอื่นที่พร้อมซ้ำให้ตายอยู่แล้ว และจากภายในที่แฟนผีโต้เถียงกันในประเด็นต่างๆอีกมากมาย  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่6นี้แบบจำลองเล่นๆว่าเหตุการณ์จะมีอะไรบ้าง

1.แพ้สเปอร์ และ ไม่ได้ตัวอะไรดีๆมาเสริมทีมเลย

เริ่มกันด้วยที่worst caseไปเลยว่า วันอังคารนี้หากเราแพ้สเปอร์มาก่อนในวันอาทิตย์ แล้วเดดไลน์ตลาดนักเตะไม่ได้ใครมาเพิ่มเลยนอกจากตัวอุดปากลดกระแส 1คน รับรองว่า #GLAZEROUT จะบินว่อนกันทั้งโลกโซเชียล รวมถึงแฟนบอลที่อังกฤษก็จะไม่มีใครทนอีกต่อไปและน่าจะตามด่าเกลเซอร์ ด่าเอ็ด วู้ดเวิร์ด จนไม่สามารถโผล่หน้าออกมาเจอสาธารณะชนได้เลย ไม่งั้นเละ และความสิ้นหวังก็จะก่อตัวในโอลด์แทรฟฟอร์ดต่อไป พร้อมกับคำพูดสวยๆของโอเล่ว่า ทีมที่มีอยู่โอเคแล้ว ผมเชื่อใจในลูกทีม (เชื่อใจยังไง ไปล็อคขาเขาไว้บนม้านั่งน่ะโอเล่)

2. แพ้สเปอร์ แต่เสริมทีมตัวดีๆมาได้

อันนี้เคสกลางๆ ดีอย่างเสียอย่าง ซึ่งกรณีแบบนี้ก็ถือว่า ยังดีกว่าเยอะ เพราะการแพ้สเปอร์มันก็แค่นัดเดียว ไม่น่าแปลกอะไรถ้าจะแพ้ทีมระดับสูงที่สภาพทีมเขาดีกว่า ก็ยังโอเคกว่าไปแพ้วิลล่า แพ้ไบรจ์ตันนะ เราเข้าใจความเป็นจริงได้  แต่ถ้าแพ้แล้วเสริมทัพมาได้ นั่นแปลว่าเราจะได้ความมั่นคงระยะยาวตลอดซีซั่นนี้ และเผื่อการใช้งานในอนาคตไปอีก

จะเห็นว่ามันไม่ใช่ได้แค่ตรงหน้า แต่มันคือการรับประกันฟอร์มตลอดระยะยาวของทีมในช่วงหลายปีต่อจากนี้ กับแค่การเสริมทีมนักเตะ หากเราจะได้ตัวดีๆเข้ามาเล่นให้สโมสร

การซื้อตัวมันสำคัญจริงๆ คิดในแง่ตรงนี้คุณจะยิ่งเห็นภาพชัด เมื่อเปรียบเทียบกับจุดสั้นๆแค่ "เกมหนึ่งนัด" ในการจะแพ้ทีมที่ไหนสักทีมนึง การซื้อนักเตะมีน้ำหนักกว่าเยอะมาก

3. ชนะสเปอร์ด้วย และเสริมตัวอลังการเข้ามาได้

บอกเลยว่าถ้าเป็นBest Caseอันนี้ รับรองเลยว่า "มันส์" แน่นอน จากความหดหู่หำหดในตอนนี้ของแฟนผี ก็จะกลายเป็นอาการลิงโลดดีใจ และเราจะได้พื้นในในการโม้ลั่นทุ่ง และความหวังในใจที่จะได้ดูซีซั่นสนุกๆกลับมาอีกครั้งเหมือนเป็นการ "รีเฟรชฤดูกาล2020/21" ใหม่ในทันที เพราะเหมือนว่ามันจะ "game on" เริ่มสังเวียนกันใหม่อีกครั้ง ถ้าเราได้อาวุธมาพร้อม ในขณะที่ขวัญกำลังใจก็กลับมาเต็มเปี่ยมถ้าชนะสเปอร์

ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า ทีมของโอเล่ในยามที่จุดไฟในใจติด เครื่องติด เวลาที่เรียกฟอร์มต่อเนื่องได้มันน่ากลัวขนาดไหน อันนี้ก็ต้องชมโอเล่เช่นกัน (บทความนี้ด่าโอเล่เยอะมากเลยนะ ทั้งๆที่จริงๆแล้วผู้เขียนอยู่ตรงกลางที่ไม่ได้อยากจะรีบไล่เขาออกจากตำแหน่งขนาดนั้น เพราะโอเล่สร้างรากฐานและวางทิศทางของสโมสรให้กลับมามีเป้าหมายที่ชัดเจนมากๆอีกครั้ง นั่นคือการสร้างทีมระยะยาว)

Ole : สนใจมาทำงานกับเราไหม งานง่ายรายได้ดี แค่วันละ2ชั่วโมง / Poch : สนใจครับ น้าขึ้นไปเป็นDoFเลยน่าจะดี เดี๋ยวสานต่อมรดกพวกนี้เอง

หากว่าชนะสเปอร์ได้ แล้วยังได้นักเตะดีๆมาเสริมทีมอีกละก็ รับรองว่าสนุกแน่นอน ซีซั่นนี้จะเหมือนกับการรีสตาร์ทใหม่จาก0อีกครั้ง แล้วแฟนผีน่าจะได้ลุ้นกันอย่างสนุกแน่นอน หากได้ตัวดีๆมาแก้ไขทั้งในเรื่องของจุดอ่อนที่ขาด และเรื่องของsquad depthด้วย

4.ชนะสเปอร์ แต่ซื้อใครเข้ามาไม่ได้เลย


เอิ่ม scenarioนี้ผมไม่รู้จะพูดยังไงเลย เกิดขึ้นจริงคงยิ้มแห้งๆ ทำอารมณ์ไม่ถูก กูควรจะดีใจดีไหมเนี่ยชนะนัดเดียว แต่ไม่มีนักเตะใช้ไปอีกครึ่งฤดูกาล เห็น7นัดข้างหน้าก็อยากตายแล้ว(5555)

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เอาเป็นว่า 4วันหลังจากนี้ แฟนผีก็ "เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม" ไม่มีทางพลาด เราจะเจอแรงกระแทกแบบรุนแรงสุดๆในช่วงนี้อย่างแน่นอน ทั้งจากผลการแข่งขัน หรือว่าการเสริมนักเตะที่จะได้หรือไม่ได้ ช่วงนี้แหละจะเป็นบทสรุปสุดท้ายแน่ๆ หลังจากที่นิ่งสนิทมาเป็นเดือนๆ จนกระทั่งถึงตอนนี้มีแค่การปล่อยAndreas Pereira ไปยืมตัวที่ลาซิโอ้ และการที่กำลังจะจัดการปล่อยดีลของDiogo Dalot ให้เอซีมิลานยืมตัวเช่นกัน ส่วนทีมเยาวชนก็เพิ่งยืนยันว่าทีมเราคว้าตัวเจ้าหนู Alejandro Garnacho (16) จากแอตมาดริด และก็ตัวที่น่าจับตามองในฐานะแฟนผีเลือดข้นสัสๆอย่าง Charlie McNeill (17) จากแมนเชสเตอร์ซิตี้มาได้สำเร็จ

4วันหลังจากนี้สนุกแน่นอน Countdown รอได้เลย

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด