:::     :::

วันมหาวิปโยค

วันจันทร์ที่ 05 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,588
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผมเชื่อว่าในชีวิตของคนทุกคน มันมักจะมีบางวันนะครับ ที่เป็นวันที่เราทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ทำอะไรก็พัง ทำอะไรก็แย่ ผมเรีียกวันแบบนี้ว่าวันมหาวิปโยคครับ ซึ่งไอ้เรื่องที่ว่ามานี่มันก็เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้กับลิเวอร์พูลนี่แหละครับ





ลางไม่ดี

          ข่าวร้ายของลิเวอร์พูลมีมาตั้งแต่ก่อนแข่งแล้วล่ะครับ เมื่อผู้เล่นตัวหลักอย่างมาเน่ ติดเชื้อโควิด - 19 ทำให้ไม่ได้ลงในเกมนี้ และอีกคนคือ อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่ตามรายงานแจ้งว่าเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ ทำให้อาเดรียน ได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาประตูต่ออีกเกม แถมกัปตันอย่างเฮนโด้ก็ยังฟิตไม่ถึงพอที่จะช่วยทีมซักที แต่ยังไงกองเชียร์ลิเวอร์พูลก็ยังใจชื้นครับ เพราะผลการแข่งขันคู่ก่อนหน้านี้ แฮร่!!!  ไม่ใช่ครับ แต่เป็นเพราะว่าปีนี้ลิเวอร์พูลดูจะมีขุมกำลังสำรองที่พอจะไว้ใจได้อยู่ครับ ได้โชต้ามาแทนในตำแหน่งของมาเน่ แผงกลางก็ใช้เกอิต้า - ไวนัลดุ้ม - ฟาบินโญ่ ซึ่งจริงๆ ก็ดูไม่ขี้เหร่อะไรเท่าไรครับ แต่ผลที่ออกมาในเกมนี้ กลับเลวร้ายแบบไม่น่าเชื่อจริงๆ





พลาดรัวๆ


          เริ่มมาไม่ทันไรลิเวอร์พูลก็ก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่ครับ ผมไม่แน่ใจว่าผู้เล่นในสนามโดนบอลกันครบทุกคนหรือยัง เพราะเกมเริ่มไปได้แค่ 3 นาทีเศษๆ อาเดรียนก็แจกโชคให้เจ้าบ้านตูมเบ่อเร่อครับ โกล์ชาวสเปนจ่ายบอลผิดพลาดห่างตัวโกเมสไป ทำให้บอลไปเข้าเท้า แจ็ค กรีลิชและตบกลับมาให้ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ที่ยืนโล่งๆ ยิงด้วยซ้ายเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างง่ายๆ และพอเสียประตูไปง่ายๆ แบบนี้ดูผู้เล่นลิเวอร์พูลจะช๊อคๆ และอึ้งๆ ไปประมาณนึงเหมือนกันครับ  ผมเองไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรอาเดรียนเป็นการส่วนตัว แต่ต้องบอกตามตรงว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพลาดแบบนี้ ซึ่งมันก็ก่อเกิดเป็นมะเร็งร้ายในใจของเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน นักเตะลิเวอร์พูลพยายามเรียกสมาธิและเข้าสู่เกมให้ได้ แต่ก็ต้องมาเสียประตูไปอีกครั้งจากจังหวะที่ โอลลี่ วัตกิ้นส์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดด้วยขวาเสียบเสาเหลี่ยมเสาไกลอย่างสุดสวย โดนประตูนี้เข้าไปยิ่งเหมือนคนเมาหมัดอยู่แล้วโดนซัดไปอีกทีจนล้มนับ 2 นั่นแหละครับ แต่ลิเวอร์พูลเองยังมีความเก๋าอยู่บ้างพวกเขาค่อยๆ นวดและเล่นเกมของตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น จนมาได้ประตูตีไข่แตก จากโม ซาล่าห์ ประตูนี้ทำให้แฟนๆ และนักเตะทุกคนเริ่มใจชื้นและมีกำลังใจขึ้นมา และหวังว่าลิเวอร์พูลนั้นจะกลับสู่เกมได้ แต่วันนี้ดูเหมือนไม่ใช่วันของพวกเขาจริงๆ ครับ เขามาโดนบวกประตูเพิ่มไปอีก จากจังหวะที่เสียลูกเตะมุมและ แม็คกินน์ซัดจากนอกกรอบแฉลบฟาน ไดค์ เข้าไปอีก โดนประตูนี้เข้าไปทำให้กำลังใจที่กำลังจะกลับมาของพวกเขาหล่นวูปไปทันที ....  และมันยิ่งเลวร้ายกว่านั้นเมื่อ  พวกเขาเสียฟรีคิก และเช็คไลน์พลาดในลูกเซ็ตพีซนำไปสู่การโดนประตู 4-1 จากวัตกินส์ที่ทำแฮตทริกใส่แชมป์เก่า ทำให้จบครึ่งแรกไปแบบสุดช๊อก โดนนำไปถึง 3 ประตูแบบอึ้งกันทั้งบาง


ยิ่งแก้ยิ่งแย่
    

          โดนไปขนาดนี้คล็อปป์เองก็ต้องแก้เกมอย่างหนักครับ คล็อปป์แก้เกมโดยการ เอามินามิโนะ ลงมาแทนนาบี เกตา ให้ยืนกลางตัวรุก ปรับเอาฟาบินโญ่กับไวนัลดุ้มให้ยืนกลางรับคู่เพื่อมาช่วยเกมรับให้แน่นขึ้น  แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลยครับ เกมของพวกเขาดูสับสนไปทุกส่วนของสนาม และมาโดนหนีห่างไปอีกจากลูกยิงของบาร์คลีย์ที่แฉลบเทรนต์ย้อยเข้าเสาไกล พวกเขามากระเตื้องขึ้นเล็กน้อยจากจังหวะที่วิลลาพลาดในจังหวะเพรสซิ่ง ทำให้ฟีร์มิโน่ไหลให้โมจบสกอร์เข้าไปอย่างเด็ดขาด ให้แฟนๆ ได้มีความหวังเล็กๆ ในเกมนี้ แต่แล้ว ...... มันเหมือนชะตากำหนดมาให้ลิเวอร์พูลแพ้น่ะครับ แต่พวกเขากำลังดื้อฝืนชะตาตัวเอง และมันก็มาตอกย้ำให้เห็นชัดๆ กับประตูที่ 6 ที่วิลล่าได้จากการที่แจ็ค กรีลิช ซัดด้วยขวาไปแฉลบ ฟาบินโญ่ พุ่งเปลี่ยนทางเสียบเสาแรก นี่เป็นประตูจากการแฉลบผู้เล่นลิเวอร์พูลครั้งที่ 3 แล้วครับโดยปกติแล้วแค่โดนนัดละ 1 - 2 ลูกก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่โดนไป 3 ครั้งในแมชต์เดียวกันเลย แม้แต่คล็อปป์เองก็ยังหัวเราะให้กับความบ้าบอที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ผู้เล่นลิเวอร์พูลเองก็ดูถอดใจแล้วครับกับเรื่องราวและชะตากรรมในเกมนี้ และมันยิ่งตอกย้ำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นจากประตูปิดฝาโลงจาก แจ็ค กรีลิช ที่หลุดเดี่ยวร่วมๆ ครึ่งสนามไปล่อเป้า อาเดรียนแบบง่ายๆ เป็น 7 - 2  และถ้าให้พูดตามความจริง มันควรจะเป็น 8 หรือ 9 ประตูแล้วด้วยซ้ำ แต่ลิเวอร์พูลยังมีโชค (เหรออออ) ที่มีคานช่วยชีวิตไว้ ไม่ให้เละเทะไปกว่านี้ จบเกมไปแบบสุดช๊อคด้วยการพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์แบบนี้แหละ



ไม่ง่ายอย่างที่คิด

          การพ่ายแพ้ครั้งยับเยินครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลคือนัดที่แพ้สโต๊ค ซิตี้ 6-1 แต่นั่นก็เป็นนัดปิดฤดูกาลที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว แต่กับการพ่ายแพ้ยับเยินตั้งแต่ต้นฤดูกาลแบบนี้ เกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อไร ผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกันจริงๆ ครับ และจากการที่หลายๆ ทีมมีการสะดุดทำแต้มหล่นกันระนาวแบบนี้ อาจจะทำให้แฟนๆ ลิเวอร์พูลเองแอบคิดไปว่า ฤดูกาลนี้จะเป็นปีทองของพวกเขาอีกครั้งแบบสบายๆ ไปหมดแล้ว ผลการแข่งขันนัดนี้เป็นการกระชากทุกคนให้กลับลงมาจากฝันหวานได้อย่างชะงัดจริงๆ กับสถานการณ์แบบนี้ที่หลายๆ ทีมดูจะแข็งแกร่งขึ้น ตัวแปรในการลุ้นแชมป์ก็เยอะขึ้น ความได้เปรียบจากเสียงเชียร์หายไป การเตรียมพร้อมวางแผนต่างๆ ในการรับมือกับลิเวอร์พูล นั่นทำให้การลุ้นแชมป์ปีนี้ยังเปิดกว้างและ เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าฤดูกาลนี้ไม่ใช่ของง่ายแน่นอน


          ที่คือสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดี ว่าพรีเมียร์ลีกนั้นยากและคาดเดาอะไรไม่ได้จริงๆ และสิ่งที่ยืนยันได้อีกอย่างคือ แมนฯ ยูกับลิเวอร์พูลนั้นเป็นคู่แข่งกันโดยแท้จริง ทำผลงานไม่ได้น้อยหน้ากันเล้ยยยยย   ว่าแล้วก็ต้องขอตัวไปขอขมาเพื่อนๆ แฟนผีที่ล้อไว้ก่อนแข่งก่อนนะครับ แหะๆ
    

    

    



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด