:::     :::

ปฏิบัติการเย้ยฟ้าคว้าปาร์เตย์

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แฟนบอล อาร์เซน่อล ทั่วโลกได้กรี๊ดสลบในวันปิดตลาดซื้อขายเมื่อทีมรักจัดการคว้า โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางตัวเก่งของ แอตเลติโก มาดริด มาร่วมทีมได้สำเร็จก่อนเส้นตายไม่กี่นาที

"ปืนใหญ่" ตัดสินใจทุ่มเงิน 50 ล้านยูโร (45 ล้านปอนด์) เป็นค่าฉีกสัญญาเพื่อปลดล็อกให้ ปาร์เตย์ ที่มีสัญญาผูกมัดกับ "ตราหมี" จนถึงปี 202 ให้เป็นอิสระและสามารถย้ายทีมได้ทันที 

อาร์เซน่อล คว้าตัว โธมัส ปาร์เตย์ มาร่วมทีมได้อย่างไรทั้งที่ไม่น่าจะมีลุ้นแล้ว เราไปเจาะลึกปฏิบัติการ "เย้ยฟ้าคว้าปาร์เตย์" กันอีกรอบ

.....

โธมัส ปาร์เตย์ เป็นนักเตะที่ อาร์เซน่อล ให้ความสนใจมาตั้งแต่ปี 2014 ช่วงที่เริ่มต้นกับ แอต.มาดริด และถูกส่งไปให้ เรอัล มายอร์ก้า ยืมใช้งานใน เซกุนด้า หรือลีกรองสเปน จากนั้นทำได้ดีอีกครั้งตอนเล่นให้ อัลเมเรีย ในลีกสูงสุดฤดูกาล 2014/15 ("มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา อดีตกองหน้าทีมชาติไทยก็เล่นให้ อัลเมเรีย ในฤดูกาลนั้น) 

ฟรานซิส คาซิเกา อดีตแมวมองปืนใหญ่เริ่มจับตามองตั้งแต่ตอนนั้นก่อนแนะนำให้ อาร์เซน่อล ดึงมาร่วมทีมในปี 2018 ยุคที่ อูไน เอเมรี่ เพิ่งเข้ามารับงานต่อจาก อาร์แซน เวนเกอร์ โดยที่ เอเมรี่ เองก็รู้จักฝีเท้าของ ปาร์เตย์ อยู่แล้วพอสมควรในช่วงทำงานในสเปน 

อาร์เซน่อล ยังไม่ได้ทาบทาม ปาร์เตย์ ในซัมเมอร์ 2018 แต่ให้ความสนใจมากขึ้นและเคยเชิญเอเยนต์ของ ปาร์เตย์ มาชมเกมที่พบ นาโปลี ในยูโรปา ลีก เมื่อเดือนเมษายน ปี 2019 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น ปาร์เตย์ ต้องการค่าเหนื่อยมากถึง 250,000 ยูโรต่อสัปดาห์ รวมถึงค่าเซ็นสัญญาอีก 2.5 ล้านยูโร อีกทั้งมีค่านายหน้า และค่าฉีกสัญญา 50 ล้านยูโรที่ต้องจ่ายก้อนเดียวทันที ดีลนี้จึงค่อนข้างหนักเอาเรื่องสำหรับ อาร์เซน่อล 

ในซัมเมอร์ที่แล้ว อาร์เซน่อล ต้องการเสริมทัพในตำแหน่งริมเส้นเป็นภารกิจสำคัญสุด และตัดสินใจทุ่ม 72 ล้านปอนด์ดึงตัว นิโกล่าส์ เปเป้ มาจาก ลีลล์ การเดินหน้าต่อในดีล ปาร์เตย์ ที่ใช้เงินก้อนโตไม่แพ้กันจึงไม่สามารถทำได้ ขณะเดียวกันทีมมีกองกลางเชิงรับอยู่แล้ว 2 คนคือ ลูคัส ตอร์เรร่า และ มัตเตโอ เก็นดูซี่

มาถึงซัมเมอร์นี้ โธมัส ปาร์เตย์ คือเป้าหมายในการเสริมทัพอันดับหนึ่งของ อาร์เซน่อล ที่ส่งคนดูฟอร์มไม่ต่ำกว่า 20 ครั้งตลอด 2 ปีหลังสุด มิเกล อาร์เตต้า ล็อกสเป็กชัดเจนว่าต้องการนักเตะในแบบ ปาร์เตย์ รวมไปถึงเซนเตอร์ฮาล์ฟคุณภาพอีกหนึ่งคน 

เจาะลึกลงไปในตำแหน่งกองกลาง อาร์เตต้า อยากได้ผู้เล่นในตำแหน่งหมายเลย "10" (เพลย์เมกเกอร์), "8" (กองกลางเชิงรุก-บ็อกซ์ทูบ็อกซ์) และ "6" (กองกลางเชิงรับ) เสริมทัพ ทำให้มีชื่อของ ฮุสเซม อาอูอาร์ กลายเป็นตัวเลือกในบทบาทหมายเลข 8 ส่วนเพลย์เมกเกอร์หรือตัวทำเกม อาร์เตต้า มองความสารพัดประโยชน์ของ วิลเลี่ยน ที่สามารถเล่นทั้งได้ริมเส้นและตัวทำเกมตรงกลาง ตอบโจทย์ได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งได้มาร่วมทีมแบบไม่เสียค่าตัวหลังหมดสัญญากับ เชลซี


อาร์เตต้า ล็อกเป้า ปาร์เตย์ เป็นตัวเลือกอันดับ 1 มาตั้งแต่แรก

ช่วง 2-3 สัปดาห์ท้ายๆ ก่อนตลาดปิดตัว ภารกิจของ อาร์เซน่อล จึงมีเพียง ปาร์เตย์ กับ อาอูอาร์ เพราะก่อนหน้านั้นได้ กาเบรียล มากัลเญส เซนเตอร์บราซิเลียนมาจาก ลีลล์ เป็นที่เรียบร้อย รวมถึง อเล็กซ์ รูนาร์สสัน ผู้รักษาประตูที่เข้าเป็นแบ็กอัพให้ แบรนด์ เลโน่ แทนจากการจากไปของ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ

ตำแหน่งของ อาอูอาร์ อาจมี ดานี่ เซบายอส ที่ใกล้เคียงกัน แต่แข้งชาวสเปนเป็นสัญญายืมตัว อาร์เซน่อล ไม่สามารถประเมินถึงสถานการณ์ในซัมเมอร์หน้าได้ ราชันชุดขาว อาจเลือกเก็บไว้ใช้งานหรือขายให้ทีมอื่น ดังนั้นจึงอยากได้คนอื่นที่เป็นสัญญาถาวร 

เอดู ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค และทีมงานพยายามปิด 2 ดีลนี้ควบคู่กัน แต่ดีลของ ปาร์เตย์ พบปัญหาใหญ่เพราะ แอต.มาดริด ไม่เจรจาเงื่อนไขอื่นนอกจากต้องได้ค่าฉีกสัญญาเป็นเงินก้อนเดียว 50 ล้านยูโรเท่านั้น

ทีมปืนใหญ่พยายามนำเสนอข้อตกลงเงินจำนวนหนึ่ง (20-25 ล้านยูโร) บวก ลูคัส ตอร์เรร่า เพื่อแลกเปลี่ยนกับ ปาร์เตย์ แต่ตราหมียืนกรานไม่เจรจาพ่วงดีลอื่น พวกเขาต้องการ ตอร์เรร่า จริง แต่ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งในการลดค่าตัวของ ปาร์เตย์ 

ด้วยเหตุนี้ อาร์เซน่อล จึงพับแผนการไล่ล่า ปาร์เตย์ เอาไว้ชั่วคราวและไปเน้นเจรจากับ โอลิมปิก ลียง ในดีล อาอูอาร์ ซึ่งไม่มีค่าฉีกสัญญา แต่ถูกตั้งค่าหัวเอาไว้ไม่ต่ำกว่ำ 50 ล้านยูโร ขณะที่เวลาในตลาดซื้อขายคืบคลานเข้าสู่ช่วงท้าย เหลืออีกไม่ถึงสัปดาห์ 

การเจรจากับ ลียง ไม่ง่ายเช่นกัน อาร์เซน่อล ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่ ฌอง มิเชล โอลาส ประธานสโมสรลียงออกมาให้สัมภาษณ์ว่าข้อเสนอที่ได้รับ "น้อยเกินไป" และไม่คู่ควรที่รับจะพิจารณา หลายสื่อระบุว่าตัวเลขที่ปืนใหญ่ยื่นซื้ออยู่ที่ราว 35-38 ล้านยูโร 

จากนั้นวันเสาร์ที่ 3 ต.ค. สื่อในฝรั่งเศสรายงานตรงกันว่า ลียง ยุติการเจรจากับ อาร์เซน่อล เพราะไม่สามารถตกลงกันได้ ขณะที่อีกวันถัดมา อาอูอาร์ เปิดใจหลังจบเกมบิ๊กแมตช์ที่เสมอ มาร์กเซย 1-1 ว่าจะอยู่กับทัพโอแอลต่อไปอีกฤดูกาล อันเป็นการเป็นประตูย้ายทีมในทันที

สถานการณ์ในตอนนี้ อาร์เซน่อล ทำท่าหมดหวังไม่สามารถคว้าใครมาเพิ่มได้อีก แต่วันสุดท้ายของตลาดนักเตะ หรือวันจันทร์ที่ 5 ต.ค. พวกเขาขอลุ้นอีกเฮือกกลับไปเดินหน้าล่าตัว ปาร์เตย์ เพราะ อาร์เตต้า ยืนยันกับ เอดู ว่าจำเป็นต้องมีกองกลางตัวตัดเกมมาร่วมทีมให้ได้เพราะกำลังปล่อย ลูคัส ตอร์เรร่า และ มัตเตโอ เก็นดูซี่ ออกจากทีม

หากไม่นับ โจ วิลล็อค ที่เป็นดาวรุ่งและ เมซุต โอซิล ที่ไม่อยู่ในแผน อาร์เตต้า เหลือกองกลางให้ใช้งานเพียง 3 คน คือ กรานิต ชาคา, ดานี่ เซบายอส และ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เพียงพอต่อการลงเล่นในหลายรายการ


การพลาด อาอูอาร์ ทำให้ อาร์เซน่อล ต้องกล้าตัดสินใจ

อาร์เตต้า มอง จอร์จินโญ่ ของ เชลซี เป็นอีกทางเลือกเพราะชื่นชอบฝีเท้า และเกือบได้ร่วมงานในซัมเมอร์ 2018 ตอนเป็นมือขวา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนฯ ซิตี้ อย่างไรก็ตาม เชลซี ไม่มีความจำเป็นต้องปล่อย จอรจินโญ่ ให้ อาร์เซน่อล ในซัมเมอร์นี้ 

อาร์เซน่อล จึงตัดสินใจในสิ่งที่ แอต.มาดริด เคยมั่นใจว่าถือไพ่เหนือกว่า นั่นคือยอมทุ่มเงิน 50 ล้านยูโรเป็นค่าฉีกสัญญา

50 ล้านยูโรสำหรับ อาร์เซน่อล ในชั่วโมงนี้เป็นเงินก้อนมหาศาลเพราะทุกสโมสรต่างประสบปัญหาด้านการเงินอันเป็นผลกระทบมาจากโควิด-19 ทีมปืนใหญ่ถึงขนาดต้องใช้นโยบาลลดค่าเหนื่อยนักเตะ รวมถึงโละพนักงานและสตาฟฟ์ออกจากสโมสรหลายสิบชีวิต ไม่เว้นแม้กระทั่งคนทำหน้าที่มัสคอต "กันเนอร์ซอรัส" ที่กลายเป็นกระแสและขัดต่อความรู้สึกของแฟนบอลอย่างมาก (ก่อนมีการระบุตอนหลังว่าเป็นการพักงานชั่วคราวจนกว่าแฟนบอลจะกลับเข้าสนามได้อีกครั้ง) 

มีการประเมินกันว่าในฤดูกาลล่าสุดหากไม่มีโควิดมาเบียดเบียน ผลประกอบการของ อาร์เซน่อล จะมีมีกำไรเล็กน้อย 4 ล้านปอนด์ แต่ด้วยพิษโควิดทำให้น่าจะขาดทุนราว 40 ล้านปอนด์ และหากฤดูกาลใหม่นี้ไม่มีแฟนบอลเข้าชมเกมไปจนจบฤดูกาล ตัวเลขการขาดทุนจะพุ่งสูง 80 ล้านปอนด์ โดยที่ยังไม่ได้รวมรายจ่ายค่าฉีกสัญญา ปาร์เตย์ 50 ล้านยูโร หรือ 45 ล้านปอนด์เข้าไปด้วย 

อีกปัญหาคือ อาร์เซน่อล ไม่สามารถปล่อยผู้เล่นบางรายที่อยู่ในข่ายย้ายทีมออกไปเพื่อระดมทุนเพิ่มเติมได้ไม่ว่าจะเป็น โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส, ชโคดราน มุสตาฟี่, เซอัด โคลาซินัช และ คาลั่ม แชมเบอร์ส แถมต้องแบกค่าเหนื่อย 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ของ โอซิล ไปอีกหนึ่งปี

แต่ความมุ่งมั่นและความชัดเจนในการทำทีมของ อาร์เตต้า ทำให้ เอดู และบอร์ดบริหารคล้อยตามและตัดสินใจยอมทุ่มเงินตามที่กุนซือหนุ่มต้องการ ซึ่งการขาย เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ไปให้ แอสตัน วิลล่า ในราคา 20 ล้านปอนด์ ช่วยให้ อาร์เซน่อล สามารถรวบรวมเงินได้มากพอในการไปฉีกสัญญา ปาร์เตย์

การปิดดีลนี้ในวันสุดท้ายต้องแข่งกับเวลา ทุกวินาทีมีค่า นอกจากการเจรจาระหว่างสองสโมสรและนักเตะแล้ว ต้องจัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยทันเวลาด้วย  

แต่ข้อดีของการ "ฉีกสัญญา" คือไม่ต้องเจรจาระหว่างสโมสร อาร์เซน่อล จึงไม่ต้องไปเสียเวลากับ แอต.มาดริด อีกต่อไป พวกเขาส่งตัวแทนไปจ่ายค่าฉีกสัญญาที่สำนักงานใหญ่ของ ลา ลีกา ซึ่งเป็นตัวกลางในการรับ-จ่ายเงินและลงทะเบียนชื่อนักเตะทุกคนในลีก

ในช่วงบ่ายตามเวลาท้องถิ่น (ตลาดลา ลีกา ปิดเที่ยงคืน ตรงกับตลาดพรีเมียร์ลีกที่ปิด 5 ทุ่ม หรือ ตี 5 ตามเวลาประเทศไทย) แอต.มาดริด ได้ข่าวว่า อาร์เซน่อล จะปิดดีล ปาร์เตย์ ให้ได้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีเงินฉีกสัญญา จนกระทั่ง 6 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเดดไลน์ที่พวกเขาแน่ใจว่า "ปืนใหญ่" เอาจริง แต่ถึงตอนนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

ท้ายที่สุด อาร์เซน่อล สามารถวางเงินเป็นค่าฉีกสัญญา โธมัส ปาร์เตย์ ได้ทันเวลา และทาง ลา ลีกา ก็แจ้งเรื่องให้ แอต.มาดริด รับทราบในเวลา 23.28 น. หรือก่อนตลาดวายเพียง 32 นาที สัญญาของ ปาร์เตย์ กับตราหมีจึงเป็นอันยกเลิก อาร์เซน่อล จึงจับกองกลางวัย 27 ปี เซ็นสัญญาทันทีก่อนประกาศข่าวดีอย่างเป็นทางการให้แฟนบอลได้กรี๊ดในเวลา 23.13 น. (เวลาอังกฤษที่ช้ากว่าสเปน 1 ชั่วโมง) หรือตรงกับ 05.15 ตามเวลาประเทศไทย

สื่อในสเปนรายงานว่า แอต.มาดริด ไม่พอใจอย่างมากกับวิธีการและช่วงเวลาที่ อาร์เซน่อล มาลากตัว โธมัส ปาร์เตย์ ออกจากทีมเพราะฉีกสัญญาเอาในวันสุดท้ายและได้รับแจ้งจาก ลา ลีกา ในครึ่งชั่วโมงสุดท้าย แม้ตามกฎลา ลีกา แล้ว จะมีข้อยกเว้นให้เวลาตราหมีมีเวลาอีก 30 วันในการดึงนักเตะใหม่มาแทนในกรณีมีนักเตะในทีมถูกฉีกสัญญา ก็ตาม

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเขามั่นใจว่า โธมัส ปาร์เตย์ จะเป็นแกนหลักของทีมในแดนกลางต่อไป พร้อมได้ ลูคัส ตอร์เรร่า เข้ามาผนึกกำลัง แต่สุดท้ายกลับต้องเสีย ปาร์เตย์ แบบไม่ทันตั้งตัว 


ทีมงานอาร์เซน่อลที่ช่วยกันปิดดีล ปาร์เตย์ ได้สำเร็จ

อาร์เซน่อล รู้ว่าต่อจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองสโมสรไม่ดีแน่ แต่พวกเขาก็ทำตามกติกาและสิทธิ์ที่ทำได้ อีกทั้งเคยพยายามเจรจาต่อรองราคา ปาร์เตย์ มาก่อนแล้วทั้งการขอให้ แอต.มาดริด ลดค่าตัวลงพร้อมส่ง ตอร์เรร่า ให้ใช้งานหนึ่งฤดูกาล หรือกระทั่งการยื่นข้อเสนอเงินจำนวนนึงบวกกับ ตอร์เรร่า ไปด้วย แต่แอต.มาดริด ไม่สนใจข้อเสนออื่นใดนอกจากได้ค่าฉีกสัญญาเท่านั้น

การล้มโต๊ะเจรจาของ ลียง ในดีล อาอูอาร์ เป็นเหมือนการบีบทางอ้อมให้ อาร์เซน่อล ต้องกล้าตัดสินใจในดีล ปาร์เตย์ ที่หากมีเงินฉีกสัญญาก็จบ วิธีการไม่ซับซ้อน และไม่ต้องเจรจาใดๆ กับตราหมีอีก

ท้ายที่สุด ปฏิบัติการเย้ยฟ้าคว้าปาร์เตย์จึงเกิดขึ้นและสำเร็จในแบบที่หลายคนไม่เชื่อว่าจะทำได้โดยเฉพาะ แอต.มาดริด ที่มั่นใจอย่างมากว่า อาร์เซน่อล ไม่มีเงินมาฉีกสัญญาแน่ๆ 

อาร์เซน่อล ได้นักเตะเป้าหมายอันดับหนึ่งในซัมเมอร์นี้ แต่ได้มาเป็นคนสุดท้ายต่อจาก วิลเลี่ยน, กาเบรียล มากัลเญส, ดานี่ เซบายอส และ อเล็กซ์ รูนาร์สสัน รวมถึงเซ็นสัญญาถาวรกับ ปาโบล มารี และ เซดริก โซอาเรส

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ อาร์เซน่อล ปิดตลาดได้ถูกใจแฟนบอลเพราะในซัมเมอร์ 2013 ก็เคยคว้าตัว เมซุต โอซิล มาร่วมทีมได้ทันเส้นตายแบบฉิวเฉียด หรือซัมเมอร์ที่แล้วก็เสริมทัพได้น่าพอใจด้วยหลากหลายวิธีทั้งยืมและผ่อนจ่าย 

การทุ่มเงินเฮือกสุดท้ายคว้า ปาร์เตย์ มาร่วมทีมไม่ได้การันตีต้องประสบความสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่แน่นอนว่าการมาของแข้งทีมชาติกานารายนี้จะทำให้ขุมกำลังของ อาร์เซน่อล สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพราะทุกคนมองตรงกันว่าน่าจะอุดรอยรั่วในตำแหน่งกลางรับได้ 

เมื่อรวมกับโมเมนตัมของทีมที่กำลังกลับมาทั้งผลงานโดยรวมของ มิเกล อาร์เตต้า การปิดท้ายฤดูกาลก่อนด้วยตำแหน่งแชมป์เอฟเอ คัพ และการต่อสัญญาของตัวหลักอย่าง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ความรู้สึกของแฟนบอล อาร์เซน่อล ส่วนใหญ่ในตอนนี้คือ ทุกอย่างอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องแล้วและพร้อมเดินหน้าได้เต็มตัวในฤดูกาลนี้ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด