:::     :::

คุยกับ "โค้ชอั๋น" สุรพงษ์ คงเทพ : "ผมภูมิใจทุกครั้งที่น้องๆ ติดทีมชาติ"

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,036
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สัปดาห์ก่อนผมพาไปคุยกับ "เฟิร์ส" นุกูลกิจ ครุฑใหญ่ ปราการหลังของ สุโขทัย เอฟซี ที่ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทยได้แล้ว คราวนี้จะพาไปคุยกับ "โค้ชอั๋น" สุรพงษ์ คงเทพ กุนซือ "ค้างคาวไฟ" ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างผู้เล่นขึ้นมาติดทัพ "ช้างศึก" ชุดใหญ่ไปแล้วกว่า 10 คน ในช่วงการทำอาชีพกุนซือเพียงแค่ประมาณ 5 ปีเท่านั้น อะไรคือเบื้องหลังผลงานอันยอดเยี่ยม เชื่อว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้รู้จักกับกุนซือวัย 41 ปีผู้นี้ได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

แมน : สวัสดีครับพี่อั๋น สัปดาห์ก่อนผมเพิ่งเขียนคอลัมน์ที่คุยกับ "เฟิร์ส" นุกูลกิจ ไป ไม่ทราบว่าพี่อั๋นได้อ่านแล้วหรือยังครับ

สุรพงษ์ : ได้อ่านแล้วครับ เป็นบทความที่ดีเลยนะ 

แมน : ตรงรายละเอียดเรื่องราวที่เป็นข้อมูลลึกมากๆ เฟิร์สเขาช่วยเรียบเรียงส่งมาให้ผมด้วยครับ เนื้อหาก็เลยค่อนข้างครบถ้วน วันนี้ผมก็เลยอยากจะขอคุยกับพี่อั๋นเพื่อเขียนเป็นบทความสนทนาบ้างครับพี่

สุรพงษ์ : โอเคครับได้สิ

แมน : ขอถามเรื่องผลงานก่อนนะครับ 4 นัดหลังกลับมาจากโควิด สุโขทัย เก็บได้ 8 คะแนนจากการชนะ 2 เสมอ 2 ถือเป็นฟอร์มที่ตามความคาดหมายของพี่มั้ยครับ

สุรพงษ์ : เอาจริงๆ ก็ต่ำกว่าที่ตั้งใจเอาไว้นะครับ เพราะลึกๆ แล้วเราก็หวังเก็บให้ได้ทุกนัดอยุ่เหมือนกัน 

แมน : ต่ำกว่าที่คาดอีกหรอพี่ 2 นัดแรกชนะ เมืองทอง (1-0) กับ ตราด (1-0) แล้วจากนั้นมาเสมอกับ นครราชสีมา (3-3) และ โปลิศ เทโร (1-1) สองนัดหลังสุดนี่คือการเจอเพื่อนร่วมรุ่นทั้ง โค้ชโจ (ธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น) ของ โคราช และ โค้ชอ้น (รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค) ของเทโร ก่อนหรือหลังเกมพี่ได้นัดกันไปนั่งกินนั่งคุยอะไรกันมั้ยครับ

ขอบคุณภาพจากเพจ : Talungballthai

สุรพงษ์ : เกมกับโคราชไม่ได้ไปไหนเลย แต่ก็โทรหากันตลอดกับโจครับ ส่วนเกมกับ เทโร ก่อนเกม อ้น เขาก็มารับผมไปนั่งทานอาหารคุยกันอยู่ครับ กับโจนี่ผมเรียนห้องเดียวกันมาเลย รวมถึงอ้วนด้วย (วัชรพงษ์ กล้าหาญ โค้ชประตูของนครราชสีมา) เป็นเพื่อนกันมา 25 ปีแล้วครับ ไปไหนมาไหนแบบถึงไหนถึงกันสุดๆ เลยในช่วงนั้น ส่วนกับอ้น ถึงจะไม่ได้เรียนด้วยกัน แต่ตอนเด็กๆ ก็แข่งเจอกันตลอดกับพณิชยการราชดำเนิน ที่อ้นเล่นอยู่ คือในสนามเราต่างต้องเป็นมืออาชีพ บางคนอาจจะพูดว่าซูเอี๋ยกันหรือเปล่าเพราะเสมอทั้งสองนัดเลย แต่ถ้าดูเกมก็จะเห็นว่าเราใส่กันไม่ยั้ง แต่พอนอกสนามเราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมครับ

แมน : ก่อนที่สุโขทัย จะเจอกับ นครราชสีมา เห็นว่าพี่โจ ค่อนข้างจะเครียดเลยใช่มั้ยพี่กับผลงานที่แพ้มา 2 เกมติด แล้วถ้านัดเจอ สุโขทัย ยังแพ้อีก ก็มีข่าวว่าพี่โจอาจจะไม่ได้ไปต่อด้วย พี่ได้คุยกันเรื่องนี้มั้ยครับ

สุรพงษ์ : ข่าวพี่ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่โค้ชทุกคนก็ทำงานภายใต้ความกดดันทั้งนั้นแหละครับ ปกติผมจะคุยกันแลกเปลี่ยนไอเดียกันตลอดนะครับ แต่เรื่องการอยู่หรือไปของโค้ชก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่สโมสรเขาต้องการ


แมน : สไตล์แบบพี่โจ, หรือพี่อั๋น หรือพี่อ้น น่าจะต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อสร้างทีมขึ้นมานะครับ

สุรพงษ์ : โค้ชทุกคนแหละครับ ใครๆ ก็ต้องการเวลาในการทำงาน แต่มันก็อยู่ที่ข้อตกลงกับสโมสรด้วย บางทีมอาจจะต้องการผลลัพธ์ทันที เพราะเขาลงทุนไปเยอะ และมีทรัพยากรพร้อม แต่บางทีมก็อาจจะให้เวลาสร้างทีมขึ้นมา 

แมน : อย่างกับ สุโขทัย พี่อั๋น คุยไว้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนมาทำทีมแล้วใช่มั้ยครับ

สุรพงษ์ : ใช่ครับ คุณสมศักดิ์ (เทพสุทิน) เรียกผมไปคุยที่ออฟฟิศของท่านเลย ว่าผมมีแนวทางการคุมทีมอย่างไร เล่นแผนแบบไหน ผมก็อธิบายให้ท่านฟังซึ่งก็ตรงกับที่ท่านชอบพอดีกับการเล่นระบบ 3-4-3 ก่อนหน้านี้เราอาจจะเคยได้ยินว่าโค้ชคนอื่นๆ ไม่ได้อิสระในการทำทีม แต่ผมบอกเลยว่าสำหรับผมแล้วไม่ได้เจออะไรแบบนั้น ทั้งคุณสมศักดิ์, คุณอนงค์วรรณ์, หรือคุณเขต (เขตพงษ์ เขตพงศ์ กุลนาถศิริ) ผู้จัดการทีม มีแค่การปรึกษาหารือกันเท่านั้น แต่การตัดสินใจผมมีสิทธิ์ขาดทั้งหมด ไม่ว่าจะซ้อมแบบไหน เล่นแผนไหน หรือจะส่งใครลงสนามเปลี่ยนใครเข้าออก ผมเป็นคนตัดสินใจ

แมน : ผมเคยคุยกับคุณเขต แกเล่าว่านับตั้งแต่ฤดูกาลนี้ไป ไม่อยากใช้โค้ชปีละคนอีกแล้ว สุโขทัยอยากได้โค้ชที่เข้ามาวางรากฐาน และสร้างทีมขึ้นมาให้ยั่งยืน ซึ่งโค้ชอย่างพี่โจ หรือพี่อั๋น คือเป้าหมายที่เขาต้องการดึงมาคุมทีมให้ได้


สุรพงษ์ : ครับ คุยกันตั้งแต่ก่อนเข้ามาทำงานแล้ว ว่าเขาต้องการให้เราเข้ามาสร้างทีม และความต้องการเราก็ตรงกัน เพราะผมก็ต้องการสร้างทีมที่มีวิธีการเล่นเป็นของตัวเอง ให้เป็นสไตล์แบบสุโขทัย ให้ทุกคนในทีมสามารถขึ้นมาเล่นทดแทนกันได้ เราวางแผนทั้งระยะสั้น, กลาง และ ยาวครับ ซึ่งทางผู้บริหารก็เปิดโอกาสให้ผมทำงานได้อย่างเต็มที่ 

แมน : นักเตะที่ย้ายเข้ามาพี่เป็นคนเลือกเองทั้งหมดมั้ยครับ ทั้งไทยและต่างชาติ

สุรพงษ์ : เลือกเองทั้งหมด 100% ครับ แต่ก่อนจะดึงมาก็จะปรึกษากันกับผู้จัดการทีมด้วย ว่าผมสนใจคนนั้นคนนี้นะ นักเตะไทยหลายๆ คนผมก็เคยร่วมงานมาตั้งแต่สมัยคุมทีมเยาวชนของเมืองทอง อย่างเช่น โก้ (วรนาถ ทองเครือ) ก็คุมมาตั้งแต่ตอนนั้น รวมถึงตอนที่คุมพัทยา ยูไนเต็ด ด้วย หรืออย่างต่างชาติ ผมเลือก อิบสัน ที่เคยอยู่สมุทรปราการด้วยกัน เอวานโดร เปาลิสต้า ตอนแรกมีเอเจนต์เสนอนักเตะมาให้ดูเยอะมาก แต่ผมเป็นคนที่ชอบนั่งดู Instat ผมได้ดูเทปที่เขาเล่น แล้วก็มองว่าเขาตรงกับวิธีการเล่นที่ผมต้องการ ก็เลยเอาไปเสนอทางสโมสรแล้วก็ดึงมาร่วมทีม

แมน : ผู้ช่วยโค้ช พี่อั๋นก็ดึง โค้ชวอ (วรวุฒิ วังสวัสดิ์) ที่เคยร่วมงานกันตอนอยู่ สมุทรปราการ เข้ามาช่วยงานด้วย (รวมถึง บาร์ดี้ โค้ชผู้รักษาประตูชาวบราซิล จาก สมุทรปราการ เช่นกัน)


สุรพงษ์ : ครับ ก็ได้คนที่เคยร่วมงานกันเข้ามาช่วยงานกันตรงนี้ครับ

แมน : อย่าง เฟิร์ส นุกูลกิจ เขาเล่าให้ผมฟังว่า พี่อั๋น เป็นคนโทรไปชวนเขามาร่วมทีมเองเลย ตอนหมดสัญญากับ เมืองทอง หลังจากปล่อยยืมไปให้ตราด เฟิร์สบอกผมว่าพี่อั๋นน่าจะชอบผลงานตอนที่ตราดเจอกับ เชียงใหม่ เมื่อปีที่แล้ว ที่พี่อั๋นคุม

สุรพงษ์ : จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เกมที่เจอ เชียงใหม่ หรอก ผมดูเขาเล่นให้ตราดมาตั้งนานแล้ว เขาเป็นกองหลังที่ออกบอลดี อ่านทางดี ผมโทรไปคุยกับเฟิร์ส แล้วก็บอกว่าอยากให้มาอยู่ด้วยกันกับพี่ พี่อยากให้เรามาเล่นประมาณนี้ ต้องทำอะไรบ้าง จะเล่นในระบบไหน ก็อธิบายให้เขาฟังก่อน พอเขาหมดสัญญากับเมืองทอง ก็ดึงมาร่วมทีมเลย 

แมน : เฟิร์สเล่าให้ผมฟังอีกว่า พี่อั๋นจะคอยพูดกับนักเตะทุกๆ วันให้มีความเชื่อมั่นในทีม ในตัวเอง และวิธีการเล่น และไม่มีการแยกซ้อมระหว่างตัวจริง,ตัวสำรองหรือนักเตะเยาวชน ที่ผมเขียนไว้ในคอลัมน์ครั้งก่อนแล้ว พี่อั๋นอธิบายขยายความเรื่องนี้ได้มั้ยครับ

สุรพงษ์ : ทุกๆ วันในการฝึกซ้อม พี่จะไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ไม่ใช่แค่ซ้อมๆ ไป แต่พี่ต้องการให้ทุกคนซึมซับ เพราะพี่อยากสร้างฟุตบอลที่เป็นสไตล์เฉพาะตัวของ สุโขทัย เอาแบบที่ว่าใครนึกถึงสุโขทัย ก็จะนึกถึงรูปแบบการเล่นที่มีคาแร็คเตอร์ของตัวเอง ต้องสร้างขึ้นมาตั้งแต่การซ้อม สร้างความสัมพันธ์ในการเล่นร่วมกันระหว่างโซนรับ, กลาง, บน เราจะเล่นคอมแพ็คในเกมรับยังไง และพี่จะไม่ให้ประตูเราโยนยาวเลย เวลาซ้อมถ้าเกิดเผลอโยนยาว พี่ก็จะให้เริ่มใหม่หมด เพราะพี่ต้องการให้เซ็ทเกมกันขึ้นมา ทุกตำแหน่งต้องมีบทบาทหมด และนักเตะก็ตอบรับกับแนวทางที่พี่บอกได้ดีมาก เราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง, เพื่อนร่วมทีม, เชื่อมั่นในวิธีการเล่นของทีม และเวลาที่เราชนะได้เราก็จะชนะเพราะวิธีการเล่นของเราที่มันมีรูปแบบ ไม่ใช่เกิดจากความบังเอิญ สิ่งที่ต้องเพิ่มขึ้นไปก็คือการรักษาความสม่ำเสมอ จะเห็นว่าด้วยมาตรฐานของทีมในไทยลีกตอนนี้ ไม่มีเกมไหนที่มั่นใจได้ว่าจะชนะแน่นอน แม้แต่ทีมใหญ่ๆ ก็สามารถแพ้ทีมที่ถูกมองว่ารองบ่อนได้ ด้วยวิธีการเล่นที่มันมีรูปแบบชัดเจน


แมน : ปีนี้ผมรู้สึกว่าวิธีการเล่นของ จอห์น บาจโจ้ จะเปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นเดอะแบกเหมือนฤดูกาลที่แล้ว พี่ได้บอกให้เขาปรับเปลี่ยนอะไรหรือเปล่าครับ

สุรพงษ์ : บอกทุกคนแหละครับ เราจะไม่เล่นแบบทิ้งบอลไปให้กองหน้าต่างชาติ 3 คนไปทำเกมรุกกันเอง แบบนั้นผมไม่เอา เราต้องเซ็ตบอลกันขึ้นมา และทุกคนในทีมต้องมีบทบาท ทีมผมทุกคนจะต้องช่วยเกมรับด้วย ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ จะไม่มีใครเป็นเดอะแบกคนเดียว เพราะทั้งทีมจะต้องช่วยกันแบกไปด้วยกัน

แมน : สุโขทัย เป็นทีมเดียวในไทยลีก ที่แนวรับทั้งประตูและกองหลัง 5 คนเป็นผู้เล่นไทยทั้งหมด พี่อั๋นมองว่าจะเป็นข้อเสียเปรียบหรือไม่ เวลาต้องดวลกับกองหน้าต่างชาติของทีมอื่นๆ 

สุรพงษ์ : ตอนแรกก็ห่วงเหมือนกันว่าจะไหวหรือเปล่า แต่เราก็ลองผิดลองถูกในช่วงอุ่นเครื่องจนมาลงตัวที่ชุดนี้ ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าน่าพอใจนะ แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่บ้างเหมือนกัน

แมน : เห็นช่วงหลังๆ แบ็กซ้ายพี่เปลี่ยนมาใช้ เอกสิทธิ์ ฉาวบุตร หลังจากเกมที่ชนะมา 2 นัดรวดพี่ใช้ ก๊อต ศาสนพงษ์ (วัฒยุชูติกุล) ก๊อตมีปัญหาอาการบาดเจ็บอะไรหรือเปล่าครับ

สุรพงษ์ : เอกสิทธิ์เขาเป็นคนที่เล่นได้ 2 เท้า เขาเล่นได้หมดในแนวรับ ทั้งแบ็กขวา, แบ็กซ้าย, เซ็นเตอร์ก็เคยลองให้ยืนมาแล้วนะ คือก๊อตเขาจะโดดเด่นในเรื่องการเติมเกมรุกมากกว่า ส่วน เอกสิทธิ์ จะเล่นรุกรับได้ ก็อยู่ที่ความเหมาะสมในแต่ละเกมด้วย


แมน : ผู้เล่นของ สุโขทัย เข้าไปติดทีมชาติ 2 คนคือ นุกูลกิจ กับ พีระพงษ์ (เรือนนินทร์) รวมถึงก่อนหน้านี้รอบ 50 คนก็มีชื่อของ คัพฟ้า บุญมาตุ่น และ ณัฐวุฒิ เจริญบุตร ด้วย และที่ผ่านมายังไม่เคยมีนักเตะคนไทยที่ติดทีมชาติตอนเล่นให้กับ สุโขทัย มาก่อนเลย เรื่องนี้พี่รู้สึกยังไงครับ ได้พูดคุยแสดงความยินดีหรือให้คำแนะนำอะไรพวกเขาหรือเปล่าในการไปเข้าแคมป์ทีมชาติ 

สุรพงษ์ : พี่ก็รู้สึกภูมิใจกับน้องๆ ทุกคนอยู่แล้วนะครับ ที่มีโอกาสได้รับใช้ทีมชาติ ตอนสมุทรปราการก็มี 7-8 คนที่ก้าวขึ้นไปติด พี่ไม่ได้ให้คำแนะนำหรือพูดอะไรมากหรอก เพราะห่วงเหมือนกันว่าถ้าพูดเยอะไป คนที่ไม่มีชื่อติดไปจะนอยด์ๆ หรือเปล่า เราก็เป็นห่วงน้องๆ นะ พี่ก็บอกแค่ว่าให้ทำให้เต็มที่ คำว่าไปหาประสบการณ์พี่ว่าไม่ต้องไปพูดหรอก ไปเข้าแคมป์กับทีมชาติยังไงมันก็ได้ประสบการณ์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องทำก็คือพยายามทำให้เต็มที่ ไม่ต้องกดดันตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง แต่พี่อยากให้ทุกคนมองว่าคนที่ติดไปคือตัวแทนของทีมเรา มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าวิธีการที่เรากำลังเล่นอยู่นั้นมาถูกทางแล้ว เพราะนอกจากผลงานในสนามของทีมจะดีแล้ว ผลงานส่วนตัวของนักเตะก็ทำได้ดีจนไปอยู่ในสายตาของสตาฟฟ์ทีมชาติ พี่ยังรู้สึกเลยว่าพอมีชื่อติดทีมชาติแล้ว เฟิร์ส กับ เอิร์น การเล่นดูมีคลาสขึ้นไปอีก แสดงว่าเขากำลังมีความมั่นใจ และถ้าเรารักษาผลงานกันให้ดีต่อไปเรื่อยๆ คนอื่นๆ ในทีมก็อาจจะมีโอกาสติดได้เหมือนกัน ต่อไป ซัน (ปิยะราษฎร์ ลาจังหรีด), หรือ ต๋อง (นรงค์ฤทธิ์ บุญสุข) ก็อาจจะมีชื่อบ้างก็ได้ ตอนนี้เราติดทีมชาติ 2 คน ต่อไปอาจจะเป็น 3-4-5-6 คนก็เป็นได้


แมน : นักเตะสมุทรปราการในยุคที่พี่คุมก็ขึ้นมาติดทีมชาติหลายคนเลยนะครับ ผมได้ยินมาว่าวันที่ลาออกจากสมุทรปราการ มีเสียน้ำตากันเยอะเหมือนกันเลยนะพี่ นักเตะก็เล่าให้ผมฟังอยู่ว่า พี่อั๋นร้องไห้เลยในห้องแต่งตัววันนั้น

สุรพงษ์ : ครับ เพราะเรามีความผูกพันกับนักเตะและทีม อยู่ด้วยกันมานาน หลายๆ คนเราก็เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่เขายังเป็นเยาวชนอยู่เลย ความรู้สึกในวันนั้นมันก็เลยมากหน่อยครับ

แมน : ขอถามไปถึง นุ้ก ณัฐวุฒิ เจริญบุตร หน่อยว่าพี่ไปเห็นอะไรในตัวเขาตอนไหน ตอนที่เล่นกับ อุบล ยูเอ็มที ก็ยังไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ตอนนี้กลายเป็นกองกลางตัวหลักของ สุโขทัย ไปแล้ว

สุรพงษ์ : พี่เห็นเขาตอนเล่นให้ อุบลฯ คือ นุ้กมันเป็นกองกลางที่เล่นโคตรคลาสสิก ทักษะครอบครองบอลดีมาก แต่ไม่ค่อยปะทะเท่าไหร่ พี่ก็ยังสงสัยว่าเฮ้ย หน้าตาบุคลิกมันไม่น่าใช่คนเล่นบอลสไตล์นี้เลย มันน่าจะเพิ่มความดุดัน แอคเกรสซีฟในเกมเข้าไปซักหน่อย ตอนชวนมาร่วมทีมพี่ก็บอกนุ้กว่า เฮ้ยกองกลางสมัยนี้จะเล่นสไตล์คลาสสิกอย่างเดียวไม่ได้แล้วนะ มันต้องดุดันกว่านี้ พอช่วงมาซ้อมก็ลองให้เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ แล้วก็โอเคเลย เขาสามารถเปลี่ยนจังหวะรับรุกได้ดี 

แมน : ตอนนี้โค้ชที่อายุรุ่นพี่ ขึ้นมาเป็นโค้ชกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ ในไทยลีกตอนนี้ก็มี 4 คนแล้ว ทั้งพี่อั๋น, พี่อ้น, พี่โจ แล้วก็พี่อู๊ด (สระราวุฒิ ตรีพันธ์) รวมถึงพี่อ้วน (วัชระพงษ์ กล้าหาญ) ไปด้วยที่เป็นโค้ชประตูของโคราช คนอื่นๆ ก็มีพี่เปิ้ล (อภิเชษฐ์ พุฒตาล ผู้ช่วยโค้ชโปลิศ เทโร) หรืออย่าง พี่ตั้ม ศราวุธ เขยนอก ที่ไปเป็นเอเจนต์


สุรพงษ์ : ใช่ ตอนนี้ในไทยลีกก็มีเท่านี้ คนอื่นๆ บางทีก็เลิกเล่นหรือเป็นเอเจนต์บ้าง บางคนก็ไปเปิดอะคาเดมี่สอนบอลของตัวเอง

แมน : พี่อั๋นตอนนี้อายุเท่าไหร่นะครับ ทำอาชีพโค้ชมาแล้วกี่ปีครับ


สุรพงษ์ : ตอนนี้พี่ 41 ครับ เริ่มจากเป็นโค้ชเยาวชนของเมืองทอง แล้วก็ไปเป็นผู้ช่วยที่พัทยา ปี 2015 พอช่วงท้ายฤดูกาลก็ได้ขึ้นมาคุมทีม ปีต่อมาไปอยู่ โปลิศเทโร แล้วก็กลับมาคุมพัทยา 2 ปี จนมาเปลี่ยนชื่อเป็น สมุทรปราการ อีกปีนึง แล้วเลกสองก็ไปทำเชียงใหม่ ก่อนจะมาทำสุโขทัยปีนี้ เริ่มต้นเป็นโค้ชจริงๆ ครั้งแรกน่าจะตอนประมาณอายุ 36 ปีครับ 

แมน : พี่อั๋นมีโค้ชคนไทยหรือต่างประเทศที่เป็นไอดอลในการเป็นโค้ชมั้ยครับ 

สุรพงษ์ : พี่ไม่ค่อยดูใครนะ แบบการซ้อมต่างๆ พี่ก็คิดขึ้นมาเองหมดเลย แต่ถ้าเป็นโค้ชต่างประเทศพี่จะชอบโค้ชของลีดส์ (มาร์เซโล่ บิเอลซ่า)

แมน : จะคล้ายๆ สุโขทัย เหมือนกันนะพี่ ตรงที่สู้กับทีมใหญ่ได้ทุกทีม แต่พอเจอทีมระดับเดียวกัน หรือน่าจะชนะได้ กลับดันจบด้วยผลเสมอ 555

สุรพงษ์ : นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องพยายามเก็บรายละเอียดในแต่ละเกมให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ เราจะมองข้ามช็อตไม่ได้แม้แต่เกมเดียว เพราะทุกนัดมันยากหมด ไม่มีนัดไหนที่เราจะเก็บ 3 แต้มได้ง่ายๆ แน่นอน

แมน : หลังเบรกทีมชาติจะต้องเจอใครบ้างนะพี่

สุรพงษ์ : ไปเยือน แบงค็อก เสร็จแล้วกลับมาเฝ้าบ้านเจอ บีจี ปทุม ครับ

แมน : โห หนักทั้งสองเกมเลย ได้ตั้งเป้าไว้มั้ยครับว่า 2 เกมนี้ต้องเก็บให้ได้อย่างน้อยกี่แต้ม

สุรพงษ์ : พี่ไม่เคยตั้งเป้าเรื่องแต้มนะ แต่ก็หวังจะเก็บให้ได้ทั้ง 2 เกม จริงๆ แล้วทุกนัดที่ลงเล่นเราก็หวังที่จะคว้า 3 แต้มให้ได้อยู่แล้วครับ 


แมน : เอาจริงๆ พี่หวังถึงการคว้าแชมป์สักรายการในปีนี้ หรือติด 1 ใน 4 เลกแรกเพื่อไปแข่งเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยมั้ยครับ

สุรพงษ์ : ตอนนี้ขอมองไปทีละนัดก่อนครับ ถามว่าหวังแชมป์มั้ย ก็ต้องอยากได้อยู่แล้ว แต่เรามองว่ามันคือโบนัสมากกว่า ถ้าทำผลงานได้ดีไปเรื่อยๆ สุดท้ายไปจบที่ตรงไหนถ้าถึงแชมป์หรือได้อันดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นก็คือโบนัส ตอนนี้แต่ละทีมก็มีแต้มไม่ทิ้งห่างกัน ชนะหรือแพ้แค่เกมเดียวอันดับมันก็เปลี่ยนแล้ว เพราะฉะนั้นยังคาดเดาอะไรไม่ได้เลยครับ 

แมน : ถ้าวันนึงเกิดมีสโมสรใหญ่ๆ ในเมืองไทย ติดต่อให้พี่ไปคุมทีม พี่จะสนใจมั้ยครับ

สุรพงษ์ : ต้องถามก่อนว่าทีมไหน ถ้าเป็นทีมที่ให้ผมทำงานเต็มที่ ไม่มีการแทรกแซง อย่างที่ผมได้รับโอกาสจากสุโขทัย ก็เป็นไปได้ครับ แต่ถ้าไม่มีอิสระในการทำงานผมก็ไม่เอาดีกว่าครับ

แมน : วันนี้ต้องขอขอบคุณมากนะครับพี่อั๋น เดี๋ยวผมเรียบเรียงเสร็จแล้ว จะแท็กไปให้พี่อ่านด้วยนะครับ

สุรพงษ์ : ได้ครับ ขอบคุณนะครับแมน 


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด