:::     :::

การเปลี่ยนแปลงของ บาร์ซ่า และตัวตนของ คูมัน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โรนัลด์ คูมัน เคยพูดไว้ตอนรับบรรลุข้อตกลงคุม บาร์เซโลน่า ว่าแว้บความคิดแรกในหัวของเขาคือก็คือ "ทีมนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลง" เอาจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรเลยที่ความคิดนี้จะอยู่ในหัวของเทรนเนอร์คนใหม่ทุกคน เพราะถ้าทีมไม่มีปัญหา ส่วนใหญ่ใครเขาจะเปลี่ยนเทรนเนอร์กัน ?

เมื่อรับงานแล้ว เทรนเนอร์ทุกคนอยากเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ต้องการใส่ตัวตนลงไปในทีมอันสะท้อนออกมาในรูปแบบเกมการเล่น ทุกคนอยากแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นปัญหาหรือนำวิธีการอื่นที่(คิดว่า)ดีกว่ามาใช้  


แต่เมื่อถึงเวลาลงมือทำแล้ว จะด้วยข้อจำกัดบางประการ จะด้วยสถานการณ์บางอย่าง หรืออาจด้วยทักษะของตัวเอง ทำให้มีเทรนเนอร์ใหม่จำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทีมได้อย่างที่คาดหวัง 

กับ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เราเสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นที่ลดลงเรื่อยๆ, ฟุตบอลของเขาไม่มีเสน่อย่างที่ บาร์ซ่า ควรจะเป็น 

เทียบกับยุคของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ทีมเปลี่ยนแปลงจากหวือหวา เร้าใจ เป็นเน้นความแน่นอน เน้นผล จนน่าเบื่อ กระทั่งเมื่อผลไม่เป็นอย่างที่ตั้งเป้า บัลเบร์เด้ จึงต้องเก็บข้าวของออกไป 


กับ กีเก้ เซเตียน ผู้รับปากในวันแถลงข่าวว่า “ผมการันตีได้แค่ว่าทุกคนจะได้เห็นฟุตบอลที่ดี” ทว่าความจริงที่ปรากฏตรงหน้าชี้ชวนให้คิดถึงแค่ “ฟุตบอลที่เอาแต่ส่งบอลกันไปมา โดยไร้จุดหมาย”  

เปอร์เซนต์การครองบอลเหนือกว่าคู่ต่อสู้ทุกนัด แต่ขาดองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่อันตราย ไม่แหลมคม ขาดไอเดียที่ชัดเจน ขาดความลึกของเกม ขาดแม้กระทั่งความเป็นผู้นำ 

แต่กับ คูมัน การเปลี่ยนแปลงในยุคของเขา ยิ่งมายิ่งน่าดู ยิ่งน่าสนใจ 

เมื่อคืนวันอังคาร บาร์เซโลน่า กลับสู่เส้นทางแห่งชัยชนะได้อีกครั้ง หลังเปิดบ้านไล่ถล่ม เฟเรนซ์วารอส แชมเปี้ยนจาก ฮังการี ขาดลอย 5-1 ซึ่งจะถือว่าเป็นเกมเรียกความมั่นใจก็คงได้ หลังพ่าย เคตาเฟ่ มาหมาดๆ 

มองที่สกอร์บอร์ดถือว่า “น่าประทับใจมาก” มองที่รูปแบบการเล่นก็ถือว่า “อยู่ในระดับน่าพอใจ” อาจยังมีบางจุดที่ยังดูขัดๆ แต่โดยภาพรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี 


ก่อนอื่น คงต้องยอมรับก่อนว่า แม้จะเป็นรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่การเจอกับ เฟเรซ์วารอส นั้นไม่ใช่งานหนักหนาอะไรสำหรับ บาร์เซโลน่า 

แชมป์ฮังการี 2 สมัยซ้อนที่คุมโดย เซอร์เก เรบรอฟ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติยูเครนรุ่นเดียวกับ อังเดร เชฟเชนโก้ เป็นทีมที่ดีก็จริง ในระดับประเทศพวกเขาแข็งแกร่งที่สุดในรอบปีหลัง ทว่าระดับยุโรปนับว่ายังห่างไกลอยู่อีกมาก

การห่างหายจากการลงเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก ไปนานถึง 25 ปี นับว่ามีผลไม่น้อย นักเตะทั้งหมดของพวกเขาแทบไม่มีประสบการณ์ในระดับท็อปของทวีปเลย 


เทียบศักยภาพแล้ว บาร์ซ่า จึงสมควรไล่ต้อนอย่างที่ผลออกมานั่นแหละ เพียงแต่ว่าในแง่มุมที่ใครมองว่าเป็นเกมง่ายๆ คูมัน ก็แสดงให้เห็นจุดแข็งหลายๆอย่างของเขาและทีม 

กุนซือดัตช์ให้ ฟิลิเป้ กูตินโญ่ กับ อันซู ฟาติ กลับมาออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรกอีกครั้ง แต่ดร็อป อองตวน กริซมันน์ ไว้ข้างสนาม แล้วเปิดโอกาสให้ ตรินเกา ออกสตาร์ตัวจริงหนแรก 

นอกจากนี้ในแดนกลางยังเลือกดร็อป เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เป็นแค่สำรอง แล้วส่ง มิราเลม ปานิช ลงสนามตัวจริงนัดแรกเช่นกัน 

คูมัน เปลี่ยนทีมอย่างที่ต้องการ โดยไม่สนว่าจะมีเสียงวิจารณ์หรือไม่ ที่ว่าเช่นนี้ก็เพราะว่าบางครั้งบางหน การตัดสินใจดร็อป ‘ขาใหญ่’ อย่าง บุสเก็ตส์ โดยที่เจ้าตัวไม่เจ็บไม่แบน ก็กลายเป็นประเด็นได้เช่นกัน

บาร์เซโลน่า เล่นได้อย่างไหลลื่น ควบคุมทุกอย่างไว้ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ ฟุตบอลของพวกเขายังเคลื่อนที่เร็วเหมือนเกมก่อนๆ อันนับเป็นวิธีการหลักของ คูมัน จนหาช่องว่างได้มากมายในแผงรับของผู้มาเยือน


บาร์ซ่า ออกนำ 2-0 ในครึ่งแรกจากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากลุยเข้าไปในกรอบก่อนโดนอัดล้มลง 


จากนั้นนาทีที่ 41 อันซู ฟาติ  พุ่งเข้าไปยิงลูกงัดโด่งของ แฟร้งกี้ เดอ ยองก์ สวนตัวผู้รักษาประตูเฟเรซ์วารอส ให้ทีมหนีห่าง 2-0 

ครึ่งหลัง ฟิลิเป้ กูตินโญ่ รับลูกเปิดไขว้หลังจาก ฟาติ ยิงหักข้อเข้าเสาแรกหนีห่างเป็น 3-0 ก่อนที่สถานการณ์จะมารวน จากจังหวะจ่ายบอลพลาดตรงกลาง จนถูกตัดได้ และ เคราร์ด ปีเก้ ไล่ดึง  ท็อคมัก โชลเนี่ยน จนถึงในกรอบเขตโทษ จนผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ และใบแดง 

เฟเรนซ์วารอส ได้โอกาสไล่มา 1-3 แต่ บาร์ซ่า โชว์ความแกร่งให้เห็น 10 คน จัดการยิงเพิ่มอีก 2 ประตูจาก 2 ตัวสำรอง เปดรี และ  อุสมาน เดมเบเล่ 

ถ้าจะมองผ่านๆ ภาพที่เห็นก็คือ บาร์ซ่า ชนะทีมจากฮังการีที่ไม่ได้เล่นรายการแชมเปี้ยนส์ลีกมา 25 ปี อย่างขาดลอย แต่ถ้าจะมองเพื่อหาเหตุ(และผล) ลึกลงไปในเนื้อหาของเกมแล้ว นี่คือบทสะท้อนว่า คูมัน กำลังไปได้สวยกับทีมของเขา 

โอเคว่า เมสซี่ ยิง 1 จ่าย 1 และยังเป็นหัวใจสำคัญของทีมในทุกยุคไม่ว่าใครจะเป็นเทรนเนอร์ แต่การเห็น ฟาติ ทั้งยิงทั้งจ่าย เล่นอย่างโดดเด่น เป็นอิสระ เต็มไปด้วยความมั่นใจ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เกิดขึ้นเหมือนกัน 

เเม้ ฟาติ จะเป็นวันเดอร์คิด แต่ลองหลับตาจินตนาการซักหน่อย ว่าหนสุดท้ายที่ บาร์ซ่า ให้โอกาสเด็กอายุ 17 ลงเล่นอย่างต่อเนื่องในรายการที่มีความหมายนั้นเมื่อไหร่กัน 

กระทั่ง เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ผู้สร้างความฮือฮาส่ง ฟาติ ประเเดิมชุดใหญ่ครั้งแรก ก็อาจไม่กล้าให้โอกาสเขาอย่างที่ คูมัน ให้ในตอนนี้ (ตัวจริงเกือบทุกนัด) เฉกเช่นกับการทำให้ ฟิลิเป้ กูตินโญ่ กลับมาเล่นอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ก็ต้องใช้เครดิตกับกุนซือวัย 57 ด้วย 


ส่วน เปดรี ดาวรุ่งที่ประเดิมซัดประตูแรกของตัวเองด้วยวัย 17 ปี 10 เดือนกับ 25 วัน ก็นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ว่าหนึ่งในพาร์ทที่ คูมัน ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงกำลังไปได้ดี 

ก่อนหน้านี้ เราจินตนาการไม่ออกเลยว่า คูมัน คิดอะไรอยู่ในหัว ถึงได้โล๊ะ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าเวิล์ดคลาสออกจากทีมโดยที่ไม่แม้แต่จะให้โอกาสลงเล่นหรือดูเขาลงซ้อม 

แล้วยิ่งงงหนัก เมื่อเขาแจ้งให้ ริกิ ปุช ดาวรุ่งเด็กถิ่นที่ทั้งนักข่าวและแฟนเชียร์ให้ขึ้นชุดใหญ่ย้ายทีมเพื่อโอกาสลงเล่น ซึ่งเป็นอะไรที่น่าขัดใจอย่างยิ่ง 


ในทางกลับกัน คูมัน เลือกที่จะให้โอกาสเด็กอายุ 17 อย่าง เปดรี ที่เพิ่งมาปีแรกเข้ามามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่, ให้ ตรินเกา ที่เพิ่งย้ายมาปีแรกเช่นกันออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทนกองหน้าร้อยกว่าล้านอย่าง กริซมันน์ 

ให้โอกาส อุสมาน เดมเบเล่ อีกครั้ง ทั้งๆเพิ่งถูกวิจารณ์ยับเยินในเกมแพ้ เคตาเฟ่ กระทั่งปีกกระดูกยุง ลงมาทั้งจ่ายทั้งยิงในช่วง 28 นาทีท้ายของเกม 


ทั้งหมดนี้ ถ้ามองในแง่ร้าย อาจพูดได้ว่า คูมัน ก็แค่โชคดีที่เลือกถูก แต่โลกเราไม่มีใครโชคดีได้ตลอดหรอกครับ ไม่ช้าไม่นานก็จะถึงวันดวงกุด แต่หากจะมองว่านี่คือฝีมือของเขา ก็เห็นว่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว 

ทั้งการจัดการทีมที่แสนจะวุ่นวายเกือบจะแตกเป็นเสี่ยงๆหลังความพ่ายแพ้ครั้งประวัติศาสตร์ต่อ บาเยิร์น มิวนิค ให้กลับมาเข้ารูปเข้ารอย, การเลือกระบบการเล่นที่ลงตัวรวมถึงการค้นพบทีมชุดตัวจริงของตัวเองได้อย่างรวดเร็วจนเหลือเชื่อ ซึ่งกุนซือบางรายอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆในการคลำทาง 


จุดนี้แหละที่ ผมมองว่ามันคือการเปลี่ยนแปลงของ บาร์ซ่า ที่ คูมัน ได้ใส่ตัวตนของเขาลงไปในนั้น มันอาจยังไม่ลงตัวนัก แต่สิ่งที่จะช่วยพาเขาไปสู่ระดับนั้นได้ เขามีมันอยู่ในมือหมดแล้ว เพราะเขาเลือกทีมได้อย่างใจต้องการ, เขาใส่ระบบที่อยากเล่นเข้าไป เขาทำการบ้านมาอย่างดีว่าจะใช้ใครและไม่ใช้ใคร ซึ่งคนที่เขาเลือกใช้ดูเหมือนว่าจะใช่เสียด้วย 

จนถึงนาทีนี้ ก่อนลงดวล เรอัล มาดริด ใน เอล กลาซีโก้ ผมว่า คูมัน ทำได้ดี จนอดชมไม่ได้จริงๆ ทั้งๆที่ส่วนตัวผมเคยปรามาสผลงานที่ผ่านมาของแกอยู่บ่อยๆ ว่า "คูมัน นั้นโคตรจะธรรมดา" 

เจมส์ ลา ลีกา 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด