:::     :::

ถึงเวลาที่ปืนใหญ่และแมนยู ต้องกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,546
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การเจอกันของแมนยูไนเต็ดและอาร์เซนอลครั้งนี้ มันมีนัยอะไรต่างๆซับซ้อนอยู่เป็นเลเยอร์ต่างๆมากมาย ทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์การต่อสู้ และสถานะของทั้งคู่ที่ต้องรีบกู้กลับมาให้ได้

นี่คือการลงฟาดแข้งในฐานะเจ้าบ้านอีกครั้งในพรีเมียร์ลีก และได้เปิดบ้านต้อนรับอาร์เซนอลมาเยือน"โอลด์แทรฟฟอร์ด" ที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะเป็นรีสอร์ท หรือจะเป็นนรกกันแน่

"สมัยที่ผมยังค้าแข้งอยู่ ระหว่างเรากับอาร์เซนอลนั้นเป็นคู่แข่งที่แย่งแชมป์ลีกกัน ดังนั้นมันจึงเป็นการต่อสู้ที่เดือดมากๆ มีครบทุกรสชาติเลยที่มันเกิดขึ้น เกมมันเต็มไปด้วยทั้งPassion ทั้งความตื่นเต้น และความสำคัญของแมตช์เหล่านี้"

History and Legends

ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้หล่นคำพูดเอาไว้ ซึ่งเขาพูดถูกในตลอด9ซีซั่นระหว่างฤดูกาล 1995/96 จนถึง 2003/04 ในตำแหน่ง"ผู้ครองบัลลังก์แชมป์ลีก" 9ซีซั่นนี้เป็นแมนยูไนเต็ดเสีย6ครั้ง และอาร์เซนอล3ครั้ง

แชร์ถ้วยร่วมกันอยู่สองทีม สลับๆกันชู(ฮา)

น้องหมู : ถ้วยพรีเมียร์หนักจังเลยฮับ / เฮียแหนม : พี่ก็ถือจนเมื่อยมือเหมือนกัน / เฮียเบ็ค : เรา2ทีมได้กันบ่อยๆก็เมื่อยนะเนี่ย ครุคริ

เป็นการครองลีกอย่างเบ็ดเสร็จด้วยการต่อสู้ที่ยืดเยื้อและยาวนาน แถมมีเรื่องราวที่ซับซ้อน ทั้งช่วง5ปีระหว่าง1997ถึง2001 และอีกครั้งในช่วง2002-03 ทั้งสองทีมต่อสู้และสุดท้ายต้องจบกันด้วยตำแหน่งอันดับที่1และ2เท่านั้น เมื่อนึกย้อนไปมันเต็มไปด้วยเรื่องของความแค้นและความเป็นอริส่วนตัว จนทำให้รอยคีนกล่าวถึงเรื่องราวในตอนนั้นว่า

"ผมนึกคำอื่นไม่ออกเลยนะในหัวเวลาที่ต้องลงไปสู้กับอาร์เซนอล แม่งมีแต่คำว่า 'เกลียดขี้หน้ากัน' คำเดียวเท่านั้น"

(“I can’t think of any other word that springs to mind when I was going into battle with Arsenal. Hatred was the word.” ประมาณนี้เลย แปลกันเอาเอง)

พูดถึงแมนยูอาร์เซนอล ยุคนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังเดือดที่สุด เดือดยิ่งกว่าเกมแดงเดือดซะอีก และรอยคีน วิเอร่า คือตำนานการต่อสู้หฤห่ามที่มันส์สุดๆ

การเจอกันสุดสัปดาห์นี้กำลังจะเป็นการคุมทีม "เกมที่100" พอดีในฐานะผู้จัดการทีมแมนยูไนเต็ดของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ซึ่งต้องปะทะกับกุนซือหนุ่มไฟแรงเหมือนกันอย่าง มิเกล อาร์เตต้า ที่ถูกใจผู้บริหารของสโมสร และอัพเกรดเฟิร์มแวร์ขึ้นมาจากตำแหน่งเฮดโค้ช กลายเป็นผู้จัดการทีมเต็มตัวเมื่อปีก่อน และกำลังจะคุมทีมเป็นนัดที่39 ทั้งสองคนต่างก็ต้องต่อสู้เพื่อสโมสรที่ตัวเองเคยลงเล่น และ"เจ็บกันมาเยอะ" สโมสรเจอบาดแผลมาเยอะทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดสมัยที่โจเซ่ มูรินโญ่คุมทีมอยู่ยูไนเต็ด ส่วนอาร์เซนอลเองก็บอบช้ำจากการสูญเสียจิตวิญญาณอะไรบางอย่างภายใต้เงาของอูไน เอเมอรี่

ทั้งสองคนต่างต้องกอบกู้สถานะของสโมสรตัวเองทั้งคู่ในฐานะรุกกี้ในวงการ แม้อาจจะฟังดูขัดๆหน่อยสำหรับโซลชาเพราะว่าพี่แกเป็นผู้จัดการทีมมา9ปีแล้ว(ดาวรุ่งตลอดกาล?) แต่ก็ต้องยอมรับว่าการคุมทีมอย่างโมลด์หรือคาร์ดิฟฟ์ซิตี้มันยังไม่เข้มข้นพอจะเตรียมพร้อมให้เขาขึ้นมาคุมทีมใหญ่ที่มีความคาดหวังสูงจัดๆในเลเวลนี้ได้

ดังนั้นก็เหมือนกับว่าทั้งคู่ก็เพิ่งจะได้จับงานใหญ่กันมาไม่นานทั้งคู่นั่นเอง

ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากและห่างไกลความเป็นจริงเหลือเกินที่พวกเขาจะพาทีมกลับมายิ่งใหญ่ได้ แต่อย่างที่ทราบกันว่าธรรมชาติของลีกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนทั้งนั้น ไม่ว่าทีมไหนก็อาจจะขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ได้ไม่มีจำกัด หากนึกไม่ออกก็ลองย้อนไปดูเลสเตอร์ซิตี้เมื่อปีก่อนนั้น หรือไม่ก็ขณะนี้ที่ทีมของอันเชล็อตติกำลังเดินหน้าตะกรุยความสำเร็จอยู่ แม้ว่าช่องว่างระหว่างทีมอื่นๆในลีก กับโคตรทีมอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้และลิเวอร์พูลมันจะยังค่อนข้างห่างไกลอยู่มากๆ แต่ทุกทีมก็มีโอกาสเช่นกัน (หากพิจารณาฟอร์มลุ่มๆดอนๆของซิตี้ และการเสียนักเตะคนสำคัญของลิเวอร์พูลไปในปีนี้)

เหมือนประตูนรกที่เปิดอ้าออก บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่ยักษ์คู่อย่าง "แมนยูกับอาร์เซนอล" จะถูก"ปลุกผี" ขึ้นมา

แมนยูไนเต็ดนั้นยังไม่ชนะในลีกเลยตอนที่เล่นทีมเหย้าปีนี้ เสียไป9ประตูก่อนที่เพิ่งจะมาหยุดเสมอกับเชลซี 0-0 ฟังดูก็เลวร้ายพอควรเลย แต่หากมองในแง่มุมอีกด้านที่คนไม่ค่อยจะนึกถึงแล้วนั้น มันคือการที่ยูไนเต็ดถือความได้เปรียบในมือ1เกม และตามจ่าฝูงแค่6แต้มเท่านั้น

ในทางเดียวกันอาร์เซนอลเองก็แพ้ไป3จาก4เกมในลีกแล้วก็จริง แต่ก็ตามจ่าฝูงแค่4แต้มเท่านั้น

นี่เพิ่งต้นซีซั่น ฤดูกาลเพิ่งเริ่มจริงๆอย่างที่โซลชาบอก ดังนั้นแมนยูกับอาร์เซนอลจึงยังไม่ได้ตกอยู่ในสถานะลำบากขนาดนั้น (แค่อันดับ15มันดูน่าตกใจไปหน่อยแค่นั้นเอง แต่เอาจริงๆคือคะแนนยังเกาะกลุ่มทีมด้านบนๆอยู่เลย)

เปรียบเทียบผลงาน ณ เวลานี้ อาร์เตต้านั้นคว้าถ้วยแชมป์ไปแล้วเรียบร้อยในถ้วย FA Cup ส่วนโซลชานั้นพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศสามรายการในซีซั่นที่แล้ว และคว้ากระป๋องสีพ่นท้ายรถบรรทุกเขียนเอาไว้ว่า "กูแมนยู พวกกูกลับมาแล้วโว้ยยยย" พาทีมกลับมาสู่ชั้นบรรยากาศของบอลแชมเปี้ยนส์ลีกสำเร็จ ตอนนี้มันจึงรู้สึกเหมือนกับว่า ใกล้ได้เวลาที่จะกลับมาเป็นผู้ท้าชิงที่ลดช่องว่างเข้าใกล้ระดับท็อปขึ้นไปทุกทีๆแล้ว

ซึ่งในความเป็นจริงมันยังคงเป็นงานยากอยู่สำหรับทั้งสองผู้จัดการทีมที่จำต้องใช้เม็ดเงินลงทุนอีกอย่างมากสำหรับทีมของพวกเขา ด้านอาร์เตต้านนั้นอาจจะต้องการงบประมาณมากกว่านี้ และต้องทำทีมแบบจำกัดจำเขี่ยกับมรดกทีมที่ยุ่งเหยิงของอาร์เซนอล อันตกทอดมาถึงมือเขา (ในด้านtransfer budgetของทีมที่ต้องรัดเข็มขัดสุดๆ เพราะตัวใหม่ๆอย่าง มากาลเญสก็ไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้น เพราะmarket valueอยู่ที่20ล้านปอนด์ และอาร์เซนอลซื้อมาได้ในราคา26ล้านยูโร ซึ่งก็ยังถูกมากอยู่ดี ส่วนWillian เป็นfree transfer จ้าาาาาา )

"รีวิวแทบตายสุดท้ายไปอาร์เซนอล" Gabriel Magalhaes ของโคตรดีเลย เสียดาย

ถึงจะมีการเซ็นสัญญาเป็นสถิติของ Nicolas Pepe ก็ตามที แต่นั่นก็ยังไม่ใช่"เป้าหมายแรก" ที่ทีมอยากได้ ในขณะที่เสี่ยประจำทีมอาร์เซนอล(ที่ไม่ใช่เสี่ยไนล์นะ 555) อย่างเมซุต โอซิล มหาเศรษฐีผู้ได้รับเงิน350,000ปอนด์ต่อสัปดาห์นั้น อาร์เตต้าพยายามแก้ปัญหา อดทน และให้โอกาสอย่างเต็มที่ สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถเอานักบอลค่าเหนื่อยแพงสุดๆคนนี้มาใช้งานในทีมได้อยู่ดี

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วโอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีตัวที่อยู่บนม้านั่งสำรองในระดับชื่อ "ปอล ป็อกบา" รวมถึง ดอนนี่ ฟานเดอเบค, เอดินสัน คาวานี่ รวมถึงเมสัน กรีนวู้ด นักเตะระดับฝีตีนนรกแตกพวกนี้ ยังต้องนั่งดูข้างสนามในแมนยูชุด2020ของโซลชาในเกมเจอเชลซี ส่วนอเล็กซ์ เตลีสนั้นมีอาการป่วย

ส่วนกลางสัปดาห์อันน่าประทับใจในการไล่อัดไลป์ซิกคาโอลด์แทรฟฟอร์ดในยามที่สุ่มSpawnออกมาเป็น"นรกทีมเยือน" ระเบิดถังขี้พวกเขาไป 5-0 ก็ยังเป็นชัยชนะที่ตัวท็อปแบกทีมอย่างบรูโน่ กับ แรชฟอร์ด ลงมาในฐานะตัวสำรองทั้งคู่ด้วย (บ้าไปแล้ว) ถึงกระนั้นแล้วทีมเราก็ยังอยู่ในสภาวะกระสันต์ที่ต้องการจะเสริมทีมเพิ่มอีกในจุดของแบ็คโฟร์ ที่เป็นมรดกตัวเก่ามาสาม และเสริมเพิ่มมาอีกสองด้วยงบ107ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นเงินที่มหาศาลกว่าการเสริมของลิเวอร์พูลเสียอีก

ผู้จัดการทั้งสองทีมนั้นต้องพยายามหาวิถีทางในการแก้ปัญหาของตนเองให้เจอ ด้านของโซลชานั้นมีปัญหาคือต้องนำเอาฟอร์มในบอลยุโรปที่เป็นการตั้งรับลึกและเค้าท์เตอร์แอทแท็คเหล่านี้ กลับมาใช้กับเกมลีกให้ได้

ส่วนอาร์เตต้านั้นมีปัญหาในเรื่องนักเตะอายุเยอะ การขันแนวรับให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม ไม่ใช่จะเล่นเกมบุกกันอย่างเดียว หลังจากที่แพ้ต่อเนื่องในเกมเจอแมนเชสเตอร์ซิตี้และเลสเตอร์ซิตี้ โดยที่ทำประตูไม่ได้เลย และยังยิงได้ไม่เกิน2ลูกมานาน8นัดติดต่อกันแล้วในทุกๆรายการ (ก็คือทั้งเกมรับเกมรุกเลย อาร์เซนอลมีปัญหาพอๆกันตอนนี้)

ก่อนเกมยูโรปาลีกกับDundalk FC พวกเขามีattemptsของโอกาสทำประตูเฉลี่ยเพียงแค่ 8.8ครั้งต่อเกมเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยจริงๆ น้อยสุดนับตั้งแต่ซีซั่น 1997/98 ของพวกเขาเลย นอกจากนี้การทำประตูเฉลี่ยที่ทำได้ก็คือ 1.3ลูกต่อเกม ก็เป็นสถิติที่แย่ที่สุดในรอบ25ปีด้วย โดยที่Pierre-Emerick Aubameyang ที่เพิ่งเซ็นสัญญากันหมาดๆนั้นยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียวในเกมลีกมา5นัดแล้ว เป็นครั้งแรกของเขาเลยนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี2014ที่เป็นแบบนี้

อาร์เตต้าที่เพิ่งได้รับคำชมขึ้นมาบ้างไม่นาน ก็ต้องเผชิญอุปสรรคบนเส้นทางที่ขรุขระเข้าแล้ว

"มันยังคงมีความเป็นปรปักษ์กันอยู่ และยังคงเป็นตำนานประวัติศาสตร์อยู่เหมือนเดิมนะ แต่ว่าตอนนี้พวกเราไม่ได้นึกถึงเรื่องเหล่านั้นแล้ว ไม่ว่าจะนึกถึงใคร หรือความเป็นคู่แข่งยังไง พวกเราต่างก็ต้องการแค่คะแนนในตารางลีกเท่านั้น"

โซลชาตอกย้ำความเป็นจริงของบทความนี้ ซึ่งน้าแกก็พูดถูกนั่นแหละ บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่ยูไนเต็ดกับอาร์เซนอลจะต้อง"ระลึก"กันให้ได้ทั้งคู่แล้วว่า พวกเราเคยยิ่งใหญ่กันมายังไง และก้าวขึ้นมาเพื่อเป็นผู้ท้าชิงกันอีกครั้ง

ในวันที่ประตูกั้นอเวจีเปิดออก ปืนใหญ่พิฆาตโลกันตร์และปีศาจสีแดงแห่งฝันร้ายตัวเขื่อง กำลังค่อยๆย่างเท้าออกมาจากเงามืดเบื้องล่างทีละช้าๆ จิตสังหารของทั้งคู่เสียดผ่านอณูอากาศแสนเย็นยะเยือก ที่พายุลูกสุดท้ายของฤดูกำลังสาดซัดเข้ามาในยามนี้

มองขึ้นไปยังบัลลังก์ราชาที่พวกเขาทั้งสองเคยเป็นเจ้าของ และกำลังค่อยๆกลับมาจากนรกอย่างเงียบงัน

-ศาลาผี-

References

https://www.telegraph.co.uk/football/2020/10/30/time-excuses-manchester-united-arsenal-need-get-back-challenging/?WT.mc_id=tmgliveapp_iosshare_AwKrj0QrH1s4

https://www.transfermarkt.com/gabriel/profil/spieler/435338

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด