:::     :::

'รอม' ลูกรัก

วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2560 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
3,961
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นอีกหนึ่งเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าสามคะแนนมาครองได้สำเร็จ แต่ถ้าหากดูจากรูปเกมโดยเฉพาะครึ่งหลังต้องบอกว่า 'หืดจับ' และ 'มีเสียว'

รูปเกมมันผิดแปลกไปอย่างชัดเจนระหว่าง 2 ช่วงเวลาในเกมที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ สเตเดียม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

45 นาทีแรก ปิศาจแดง ครองเกมได้ดีกับโอกาสเข้าทำและจังหวะจบที่เด็ดขาดนำมาซึ่ง 2 ประตูให้ทีมออกนำแบบสบายๆ เจ้าถิ่นอาจจะมีโอกาสแต่ก็อย่างที่เห็น เวสต์บรอมวิช ชั่วโมงนี้ไม่ต่างอะไรกับทีมไร้เขี้ยวเล็บ แนวรุกฝืดและจังหวะเข้าทำก็ดูจะขาดๆเกินๆ ไม่มีการประสานงานกันที่ดี

จากสกอร์ 2-0 หลังผ่านครึ่งแรกไป แฟนผีแดงอาจจะนอนตีพุงเชียร์แบบสบายใจ บางท่านสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่มเพื่อรอฉลองหลังครบ 90 นาที

แต่แล้วรูปเกมในครึ่งหลัง เดอะ แบ็กกี้ส์ มาดีกว่าและดูคึกคักตั้งใจกว่าเดิม ก่อนจะมาได้ประตูตีไข่แตกจาก แกเร็ธ แบร์รี่

ยิ่งท้ายเกมที่ เวสต์บรอมวิช ดาหน้ากดดันและมีโอกาส 2-3 เชื่อว่าตอนนั้นแฟนปิศาจแดงคงนั่งไม่ติดและแอบมีเสียวปนสบถสอดแทรกมาเป็นระยะแน่นอน

นั่นคือจุดที่ต้องแก้ไขอย่างชัดเจน ขนาดเจอกับทีมระดับต่ำกว่าอย่าง เวสต์บรอมวิช ยังเกือบจะเอาตัวไม่รอด หากมาเจอทีมที่หนักกว่าและเด็ดขาดกว่าไม่อยากจะคิดสภาพเลยว่าเกมจะจบลงด้วยชัยชนะหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม มีเรื่องที่น่าสนใจกว่ารูปเกมและผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น นั่นคืออากัปกิริยาหลังโขกประตูขึ้นนำของ โรเมลู ลูกากู 

ถือเป็นนัดที่สองติดต่อกันแล้วที่หัวหอกทีมชาติเบลเยียมทำประตูให้กับ ปิศาจแดง และไม่มีทีท่าแสดงอาการดีใจออกมา

นักวิจารณ์หรือกูรูของอังกฤษทุกสำนักต่างวิเคราะห์กันไปต่างๆนานา แต่ส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นการแสดงเพื่อตอบโต้เสียงวิจารณ์ที่มีต่อตัว ลูกากู ในช่วงทีผ่านมา

ด้วยการที่ต้องแบกรับค่าตัวอันมหาศาลรวมไปถึงความคาดหวังจากแฟนบอล และยังมีนักวิจารณ์และผู้สื่อข่าวที่คอยจับตาดูฟอร์มอย่างใกล้ชิด ทำให้ทุกย่างก้าวในสนามของ ลูกากู ถูกจับตาป็นพิเศษ

เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณย้ายมายัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยค่าตัวอันมหาศาล แรงกดดันและความคาดหวังก็จะสูงตามไปด้วย ยิ่งสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันจะกลายเป็นดาบสองคมให้กับนักเตะได้เสมอ

ในวันที่เล่นดี ยิงประตูได้ เสียงยกยอปอปั้นจะลอยไปในอากาศและอบอวลไปด้วยเสียงชื่นชมแบบมิขาดสาย

แต่ถาวันไหนนักเตะเกิดฟอร์มตกและไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง สิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นคำด่าทอ และโจมตีเสียแทน

ยิ่งในยุคที่โลกหมุนรอบตัวเราชนิดแค่พลิกผ่ามือหรือใช้นิ้วสัมผัส เรื่องราวต่างๆมักจะถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็ว




ช่วงที่ผ่านมา ลูกากู โดนสับเละยิ่งกว่าหมูบะช่ออันเนื่องมาจากผลงานในสนามและฟอร์มการทำประตูที่ตกลงไป จนทำให้แฟนบอลและนักข่าวออกมาจวกกันเสียเละ 

มีบ้างที่ให้กำลังใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่จะออกมาโจมตีเสียมากกว่า

นั่นคือวิถีแห่งนักฟุตบอล อย่างที่เรียนไปนั่นแหละ ยิ่งคุณมาอยู่ทีมใหญ่แถมความคาดหวังสูงแบบนี้ บางครั้งการทำดีก็เป็นแค่เพียงเรื่องเสมอตัว แต่หากพลาดพลั้งทำไม่ดีออกมาก็มีแต่จะโดน (รุมยำ)

แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ออกมาปกป้อง ลูกากู อยู่เสมอ นั่นก็คือชายที่ชื่อ โชเซ่ มูรินโญ่

แม้ทั้งสองคนจะถูกสื่อนำเรื่องในอดีตมาเป็นตัวจุดประเด็นในช่วงที่ กองหน้าชาวเบลเยียมย้ายมายัง โรงละครแห่งความฝัน ใหม่ๆ แต่กับคำพูดและบมสัมภาษณ์ที่ผ่านมานั้นถือว่าเป็นสิ่งตรงข้าม

เราจะได้เห็นหรือได้ยินคำพูดในเชิงบวกที่ มูรินโญ่ ส่งไปยัง ลูกากู ตลอดเวลา แม้ว่าใครคนอื่นจะมองต่าง แต่สำหรับกุนซือชาวโปรตุกีส ลูกากู คือนักเตะที่ทำได้ดีเสมอมา

อย่างเช่นในนัดล่าสุดเขาก็ออกมาปกป้อง ลูกากู ที่ไม่แสดงความดีใจ แม้ว่าจะโดน แกรี่ เนวิลล์ โจมตีว่าไม่ให้ความเคารพแฟนบอลที่ดีใจอยู่หลังประตู แต่ มูรินโญ่ ก็ให้เหตุผลแทนกองหน้าลูกรักรายนี้

เขามองว่าเหตุที่ ลูกากู ไม่ดีในมาจากการที่นักเตะเคยเล่นให้กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ ก็เปรียบเสมือนที่บ่มเพาะฝีเท้าให้ ลูกากู มีอย่างทุกวันนี้

มันต่างจากไปจาก นักวิเคราะห์เกม หรือ กูรูต่างประเทศที่มองในมุมต่างกันไป แต่อะไรก็คงไม่สำคัญ เพราะหาก มูรินโญ่ คิดและเชื่อมั่นอะไรขึ้นมาสักอย่าง ก็ยากที่จะไปเปลี่ยนในจุดนั้น

เขามองว่า ลูกากู เป็นมากกว่ากองหน้า เป็นมากกว่านักเตะที่ต้องทำประตูหรือนักเตะที่ต้องคอยรอให้คนอื่นๆในทีมป้อนบอลมาให้

สิ่งที่ มูรินโญ่ พอใจไม่เพียงแค่เรื่องการผลิตสกอร์ แต่มันยังรวมไปถึงทัศนคติในการเล่น ความมุ่งมั่น รวมไปถึงการมีส่วนร่วมกับเกมที่ ลูกากู มักจะได้รับคำชมอยู่เสมอ



ตัวอย่างชัดเจนคงหนีไม่พ้นเกมที่ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ บอร์นมัธ 1-0 แม้เกมนั้นคนที่น่าจะได้รับคำชมคือ แอชลี่ย์ ยัง ที่เป็นยิงแฉลบ ลูอิส ดังค์ เข้าประตูไป แต่ มูรินโญ่ กลับมองต่างไปอีกมุม

กุนซือใหญ่แห่งรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด มองว่าคนที่จุดประกายในจังหวะนั้นคือ ลูกากู ที่ตามไปกดดัน โซลลี่ มาร์ช จนนำมาซึ่งลูกเตะมุมของทีม

หรือจะย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นในเกมที่เจอกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่ ผีแดง เอาชนะไปได้ 1-0 มูรินโญ่ ก็ออกมาปกป้อง ลูกากู ที่ตอนนั้นเริ่มโดนเสียงวิจารณ์จากแฟนบอล

เป็นช่วงที่ทั้งตัวกุนซือ (เรื่องแทคติก) และนักเตะในทีมเริ่มโดนบ่น เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากเกมเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 ต่อด้วยการบุกไปแพ้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 1-2

สถานการณ์ในตอนนั้นกำลังมาคุ แฟนบอลใจร้อนต่างออกมาตีโพยตีพายเป็นยกใหญ่ไหนจะเรื่องการเปลี่ยนตัวที่ไม่ถูกใจแฟนบอล หรือการจัดทีมที่ขัดใจวัยโจ๋ ทำเอา มูรินโญ่ ออกมาตอบโต้ด้วยท่า 'จุ๊' ปาก ในเกมเอาชนะ ไก่เดือยทอง 1-0

หลังเกมนั้นเองที่ มูรินโญ่ ออกมากล่าวถึงสถานะในทีมของ ลูกากู ว่าเป็นนักเตะที่ "ห้ามแตะ"

ที่ห้ามแตะในมุมมนี้หมายถึง นักเตะควรได้รับความเคารพ ไม่ใช่ว่าจะมาเคารพกันตอนที่นักเตะทำประตูได้เท่านั้น แต่ควรจะดูถึงผลงานในสนามและการมีส่วนร่วมกับทีม รวมไปถึงความมุ่งมั่นของนักเตะที่ส่งออกมาเกินร้อยในทุกๆนัด



"ผมคิดว่า โรเมลู คือหนึ่งในนักเตะที่ไม่ควรแตะต้องในแง่ความเคารพจากทุกคน มันไม่ใช่เรื่องแค่ว่าหนึ่งประตู หรือลูกบอลชนเสา หรือถูกเซฟโดยผู้รักษาประตูที่ทำให้ความทุ่มเทของ โรเมลู ถูกมองว่าต่ำกว่ามาตรฐาน เขาเล่นได้ดีมากๆ เพื่อเรา และผมจำเป็นต้องปกป้องนักเตะของผมเมื่อผมรู้สึกว่าพวกเขาสมควรได้รับการปกป้อง"

"โรเมลู สมควรได้รับการปกป้องเสมอเพราะว่าสิ่งที่เขาทำเพื่อทีมสุดยอดมาก การเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้าไม่ใช่เพียงเรื่องของการยิงประตูเท่านั้น ดังนั้น สำหรับผมแล้ว เขาคือคนแตะไม่ได้ในทีม"

"แต่แฟนบอลก็คือแฟนบอล พวกเขาจ่ายเงินค่าตั๋ว และทำในสิ่งที่ต้องการ แต่ในฐานะผู้จัดการทีม ผมรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องปกป้องผู้เล่นของผม"

นั่นคือบทสัมภาษณ์เมื่อประมาณเดือนเศษที่ผ่านมาของ มูรินโญ่

คงไม่ต่างอะไรกับนัดล่าสุดที่ มูรินโญ่ ยังคงชม ลูกากู ไม่ขาดปาก อย่างที่เรียนไป เรื่องของการทำประตูนั่นคืองานหลักของนักเตะร่างยักษ์รายนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่กุนซือของทีมมองก็คือการมีส่วนร่วมในเกม

"อีกครั้งหนึ่งที่เขาแสดงออกมาให้เห็น แม้ว่าจะไม่มีบอลกับตัว แต่ผลงานของเขาออกมาในทิศทางที่ดีและเป็นกองหน้าที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกทุกนาที"

"เขาไม่ใช่ผู้รักษาประตู ไม่เช่นักเตะแนวรับ สำหรับกองหน้าการที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกทุกนาทีเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์"

สิ่งที่ มูรินโญ่ สื่อออกมามันชัดเจนแล้วว่า ลูกากู คือคนสำคัญของเขา

คือคนที่ไม่ใช่เพียงแค่ 'ห้ามแตะ'

แต่เป็นเหมือนกับ 'ลูกรัก' ที่ 'พ่อจ๋า' อย่าง มูรินโญ่ พร้อมจะออกมาปกป้องเสมอ แม้ใครจะไม่เห็นด้วยก็ตาม



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด