มาร์ต้า รามอน นักข่าวสาวจาก RAC1 รายงานว่ายอดทีมกาตาลันมีโอกาสโดนสั่งฟ้องล้มละลายหากว่าไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายจำนวน 190 ล้านยูโรซึ่งเป็นค่าเหนื่อยของนักเตะชุดใหญ่ภายในทีมลงได้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2021 

การ์เลส ตูสเก็ตส์ ประธานคณะกรรมการบริหารชั่วคราว ซึ่งเรียกกันในนาม comision gestora (โกมิซิออน เคโตร่า) ซึ่งเข้ามาควบคุมดูแลสโมสรแทน โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว และคณะบริหารชุดเก่าที่ลาออกไป พยายามที่จะเจราจากับนักเตะชุดใหญ่ของทีมเพื่อขอลดค่าเหนื่อยของแต่ละคนลงมา 30% ซึ่งประมาณการว่าหากทำสำเร็จจะช่วยเซฟเงินสโมสรได้ที่ 190 ล้านยูโร 

ตามรายงานของ มาร์ต้า รามอน บอกว่าตัวเลขนี้จะช่วยไม่ให้ บาร์เซโลน่า ต้องเจอกับวิกฤตการณ์ล้มละลาย ซึ่งเบื้องต้นการเจรจากับบรรดาเอเยนต์ต่างๆของกลุ่มนักเตะได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 

ทิศทางการเจราจาเป็นไปได้ด้วยดี โดยส่วนใหญ่กลุ่มนักเตะพร้อมยอมรับข้อเสนอนี้จากทางสโมสร หลังจากการเจราจาในรอบแรกเมื่อฤดูกาลที่แล้วสามารถลดเงินได้ที่ 42 ล้านยูโร และมีโอกาสที่จะลดเพิ่มได้อีก 

หลังการลาออกจากตำแหน่งของ บาร์โตเมว คณะ comision gestora ได้มีการดำเนินการบางอย่างซึ่งสำคัญอย่างต่อส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของสโมสรในสายตาของกลุ่มนักเตะ เมื่อตัดสินใจปลด เยาเม่ มาสเฟร์เรร์ ที่ปรึกษาคนสนิทของอดีตประธาน บาร์โตเมว ออกจากตำแหน่ง 

มาสเฟร์เรร์ มีภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่ในสายตาของกลุ่มนักเตะชุดใหญ่เมื่อเขาพัวพันกับคดีฉาวโฉ่ barcagate ที่มีการว่าจ้างบริษัทI3 VENTURES ให้เข้ามาดูแลและผลิตสื่อออนไลน์ให้กับสโมสร แต่กลายเป็นว่ากลับกลายเป็นเครื่องมือในการลง fake news โจมตีปรปักษ์ของ บาร์โตเมว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานสโมสร,อดีตนักเตะ,อดีตเทรนเนอร์ แม้กระทั่งกลุ่มนักเตะชุดปัจจุบัน ซึ่งมีทั้ง เคราร์ด ปีเก้ และ ลิโอเนล เมสซี่ 

กรณีนี้นอกจาก มาสเฟร์เรร์ จะถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง fake news แล้ว ยังมีความคลุมเครือเรื่องการว่าจ้างด้วยราคาที่สูงเกินจริงถึง 1 ล้านยูโร ทั้งๆที่เรตโดยทั่วไปจะอยู่ที่ราว 200,000 ถึง 300,000 ยูโร 

ไม่นานมานี้ ปีเก้ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ la vanguardia สื่อท้องถิ่นกาตาลันว่าเขารู้สึกเจ็บปวดที่ยังเห็นบุคคลอย่าง มาสเฟร์เรร์ ยังลอยหน้าลอยตาทำงานอยู่กับสโมสร แต่จากการที่ ตูสเก็ตส์ ได้จัดการเชือด มาสเฟร์เรร์ ทิ้งแล้ว จึงถูกมองว่าน่าจะทำให้สถานการณ์ที่เคยตึงเครียดคลี่คลายลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเจราจาขอลดค่าเหนื่อยกับกลุ่มนักเตะ ซึ่งไม่เพียงแค่ ปีเก้ เท่านั้น หากแต่เชื่อว่าการ take action ในครั้งนี้ยังส่งผลต่อ ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะที่ทรงอิทธิพลที่สุดของทีม 

ก่อนหน้านี้ การเจราจาขอลดค่าเหนื่อยระหว่าง บาร์โตเมว กับ เมสซี่ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ของทั้งคู่ แต่เมื่อ บาร์โตเมว ไขก๊อกลาออกไปแล้ว รวมถึงความจริงจังในการจัดการรากเน่าของ บาร์โตเมว อย่าง มาสเฟร์เรร์ ออกไป เชื่อกันว่าจะทำให้ เมสซี่ ยอมรับข้อเสนอนี้ด้วยความเต็มใจ 

ทั้งนี้การอยู่หรือไปของ เมสซี่ ในฤดูกาลหน้า มีผลสำคัญต่อความเป็นไปของสโมสรอย่างมาก ไม่ใช่แค่ผลงานในสนาม ไม่ใช่แค่การยอมลดค่าเหนื่อยมหาศาลของเขาลงมา หากแต่ยังมีเงื่อนไขสำคัญที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบรวมอยู่ด้วย นั่นคือ ‘เงินโบนัส’

ในส่วนของสัญญาที่ทำไว้กับสโมสรฉบับล่าสุดระบุเอาไว้ว่าหาก เมสซี่ อยู่กับสโมสรต่อจนครบสัญญาที่ทำไว้ และตัดสินใจไม่ต่อสัญญาออกไป สโมสรจะต้องจ่ายเงินโบนัสค่าอยู่จนครบสัญญา หรือ ค่าจงรักภักดี ให้กับเขาอีกก้อนใหญ่ 

ดังนั้นหาก เมสซี่ เลือกที่จะไม่ต่อสัญญาซึ่งจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์ปีหน้าออกไป สโมสรก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องควักเงินก้อนโตดังกล่าว ทางเดียวที่จะช่วยเซฟเงินก้อนนี้ไว้ได้ ก็คือต่องเจราจาโน้มน้าวให้ดาวเตะอาร์เจนไตร์ยอมต่อสัญญาออกไปเท่านั้น 

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ซึ่งจากที่เป็นอยู่ ก็ดูว่าทิศทางค่อนข้างจะดีอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากการไล่ มาสเฟร์เรร์ ออกจากตำแหน่งแล้ว ล่าสุด การ์เลส ทุสเก็ตส์ ยังประกาศวันและเวลาที่จะจัดให้มีการจัดการเลือกตั้งประธานสโมสรคนใหม่ขึ้นอีกด้วย 

เชื่อกันว่าข่าวนี้ จะยิ่งสร้างความมั่นใจต่อกลุ่มนักเตะทุกคน เป็นการรับประกันว่าสโมสรพร้อมที่จะก้าวสู่ยุคใหม่ แม้รายงานล่าสุดจะมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่าความตั้งใจของ comision gestora ที่อยากให้จัดการเลือกตั้งในช่วงคริสมาสต์ปีนี้จะไม่เป็นไปอย่างที่วางเอาไว้ เนื่องจากวงในรัฐบาลกาตาลุนญ่ามีข่าวออกมาว่าอยากให้ระงับไปก่อน และให้มีขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้าแทนแต่ถึงอย่างนั้น ความล่าช้าที่กินระยะเวลาเพียง 1 เดือน มันนับก็เป็นสัญญาณที่ดี เพราะมันทำให้นักเตะทุกคนสามารถคาดหวังได้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับสโมสรและเกิดขึ้นเมื่อไหร่

สำหรับสาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ทางการเงินของ บาร์เซโลน่า ในครั้งนี้ คงต้องยอมรับอย่างเป็นกลางว่าไม่ใช่แค่การบริหารงานที่ผิดพลาดของ บาร์โตเมว เพียงอย่างเดียว หากแต่การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้นมีผลกระทบอย่างยิ่งยวด 

การซื้อนักเตะราคาแพง และขายในราคาขาดทุนอย่างต่อเนื่องของ บาร์โตเมว รวมไปถึงการต่อสัญญากับนักเตะชุดปัจจุบันในทีมที่มีการให้ค่าเหนื่อยสูงมากทำให้สถานะทางการเงินของสโมสรย่ำแย่ลง ทว่าโควิด-19 คือตัวการสำคัญทำให้รายได้สำคัญของสโมสรขาดหายไป ซึ่งเปรียบเสมือนกระสุนที่พุ่งตรงเข้าสู่จุดสำคัญ 

ตูสเก็ตส์ ยอมรับความจริงว่า บาร์เซโลน่า อยู่ได้เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้จ่ายที่สโมสร ไม่ใช่เพราะส่วนแบ่งลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด 

ค่าตั๋วเข้าชมเกมการแข่งขัน,ร้านขายสินค้าที่ระลึก,อาหาร,เครื่องดื่ม,สเตเดี้ยมทัวร์ และพิพิธภัณฑ์สโมสร เหล่านี้รวมกันเป็นเส้นเลือดใหญ่แห่งรายได้ เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่ว่า บาร์ซ่า จะอยู่ในสถานการณ์ใดก่อนหน้านี้ ย่อมหลีกเลี่ยงผลกระทบใหญ่หลวงไปไม่ได้ 

แล้ว บาร์เซโลน่า จะล้มละลายจริงหรือ ? 

คงต้องบอกว่า บาร์เซโลน่า คือสถาบันใหญ่ซึ่งมีสำคัญต่อแคว้นกาตาลุนญ่า มันใหญ่เกินกว่าที่แฟนบอลทั่วไปจะจินตนาการถึง มีพวกเขามีรากฐานที่มั่งคง ทั้งในส่วนของทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองซึ่งรวมแล้วมีมูลค่าสูงกว่าหนี้สินหลายสิบเท่าตัว แบรนด์ของพวกเขยังคงแข็งแกร่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ยังขายได้  ในระยะยาวจะสามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมได้ไม่ยาก

เช่นนี้แล้วองค์กรใหญ่ที่มีมูลค่าสูงแทบจะทุกส่วน ย่อมไม่สิ้นไร้ไม้ตอก จะอย่างไรจะมีผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออยู่ดี แบงก์ใหญ่ๆพร้อมเสมอที่จะให้พวกเขากู้เงินเพื่อการลงทุน หรือมีอ๊อปชั่นในการแก้ปัญหาที่หลากหลายกว่าสโมสรอื่นๆ ยิ่งหากได้ผู้นำคนใหม่ที่มีวิสัยทัศน์เข้ามาบริหาร ก็จะยิ่งฟื้นตัวได้เร็ว

ดังนั้นโอกาสที่ บาร์เซโลน่า จะล้มละลายตามที่เป็นข่าวออกมา แม้มีโอกาสเกิดขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ยาก ถึงยากมากๆ ไม่ใช่แค่เพราะ บาร์เซโลน่า คือสถาบันใหญ่ของแคว้นกาตาลุนญ่าเท่านั้น หากแต่ยังเป็นส่วนสำคัญของฟุตบอล ลา ลีกา ที่ขายลิขสิทธิ์ไปทั่วโลกอีกด้วย 

ลองนึกดูแล้วกันครับว่าหาก บาร์ซ่า ต้องล้มไปจริงๆ ฆาเบียร์ เตบาส จะทำเงินจากการขายลิขสิทธิ์ลา ลีกา ได้อย่างไร ?? 

แพ็คเกจสุดพิเศษดูเกม เอล เดร์บี้ มาดริเลนโญ่ ระหว่าง 'เรอัล มาดริด-แอต.มาดริด' ยังงั้นหรือ ??? แน่นอน มันไม่ดึงดูดเอาซะเลย เช่นนี้แล้ว ลา ลีกา ไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นแน่ 

ต่อเงื่อนไขที่ว่าจะต้องบรรลุข้อตกลงลดเงินเดือนลง 30% ภายในวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ดูจากระยะเวลาอาจจะกระชั้นชิด ทว่าสถานการณ์ของนักเตะในเวลานี้เชื่อกันว่าสามารถที่จะเดินตามแผนงานที่วางไว้ในที่สุด 

ครับ วิกฤตการณ์ คือภัยคุกคาม แต่ขณะเดียวกันมันก็คือบทเรียนให้ทุกคนในสโมสรได้เรียนรู้และตระหนัก เพื่อที่ว่าในภายหน้าสโมสรจะสามารถรับมือกับมันได้ดีกว่าเดิม 

แต่ที่สำคัญที่สุดนอกเหนือจากผู้นำที่มีวิสัยทัศน์แล้วก็คือความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกคนภายในสโมสร อันเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนและนำพาสโมสรให้ก้าวพ้นจากทุกวิกฤตการณ์ที่ผ่านเข้ามา 

เจมส์ ลา ลีกา