เด็กหนุ่มที่เติบโตในเมืองแทร็บซอนของตุรกี ก้าวมาจากทีมเยาวชนของสโมสรชั้นนำในประเทศอย่างแทร็บซอนสปอร์ ที่ที่เขาได้โอกาสแสดงผลงานก่อนจะคว้าสัญญาอาชีพในวัย 18 ปี
เส้นทางฟุตบอลของ ยาซีชี่ ทอดยาวไปด้วยความหวัง เพราะหลังจากประเดิมสนามในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 กองกลางตัวรุกรายนี้ถูกดันมาอยู่ในทีมชุดใหญ่เต็มในซีซั่นถัดมา
เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งปีในการพัฒนาฝีเท้าและกลายมาเป็นแกนหลักของ แทร็บซอนสปอร์ พร้อมกับประตูในนามทีมชาติตุรกีที่เปิดกว้างก่อนจะได้โอกาสประเดิมติดธงทีมชุดใหญ่ในปี 2017
ชื่อของ ยาซีชี่ เริ่มเป็นที่รู้จักผ่านหน้าสื่อ หลายๆ สโมสรแสดงความสนใจตัวทำเกมรายนี้ กระนั้นเขายังคงมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ให้กับต้นสังกัดอย่างแน่วแน่
ในที่สุด หน้าร้อนปี 2019 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ ยาซีชี่ หลังจาก แทร็บซอนสปอร์ ตกลงขายเขาให้กับ ลีลล์ ทีมดังจากทางตอนเหนือของฝรั่งเศส
ความคาดหวัง, แรงกดดัน และภาระหน้าที่อันหนักอึ้งถูกกดทับมาที่เด็กหนุ่มจากตุรกี แต่ฤดูกาลแรกในเวทีลีก เอิง ต้องจบลงพร้อมคราบน้ำตา เพราะ ยาซีชี่ ได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่าและปิดเทอมยาวไปในทันที
อาการบาดเจ็บคือศัตรูตัวร้ายของนักเตะทุกๆ คน และสำหรับ ยาซีชี่ มันคือความเจ็บปวดที่ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ร่างกาย แต่มันยังส่งต่อไปถึงสภาพจิตใจของเขา
การต่อสู้กับสภาพร่างกายและจิตใจตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ ยาซีชี่ แข็งแกร่งขึ้น เขาไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเรื่องราวที่ฉุดรั้งเขาให้ห่างจากสนามแข่ง และท้ายที่สุดการกลับมาลงสนามก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
นี่คือสิ่งที่ ยาซีชี่ ปรารถนา กระนั้นมันมีขึ้นตอนและลำดับเพื่อไม่ให้เขาเสี่ยงเจอกับการบาดเจ็บหนักอีกครั้ง
ที่สำคัญ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ กุนซือลีลล์ทราบดีและไม่เสี่ยงโหมใช้งาน ยาซีชี่ มากนัก แต่เมื่อไหร่ที่กองกลางชาวตุรกีได้โอกาสลงสนาม เขามักจะสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมให้กับทีม
ด้วยการเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำเกมหลังกองหน้าตัวเป้า หรือฉีกออกทางริมเส้นได้ทั้งซ้ายและขวา รวมไปถึงลูกนิ่งที่พร้อมสร้างปัญหาในคู่แข่ง ทำให้ ยาซีชี่ กลายมาเป็นทางเลือกที่ดีในแนวรุกของ ลีลล์
อย่างที่เรียนไปว่า โอกาสการลงสนามใน ลีก เอิง ของ มิดฟิลด์ตัวทำเกมรายนี้อาจจะยังน้อยนิด แต่ในเวที ยูโรปา ลีก เขากลับทำผลงานยอดเยี่ยมกดสองแฮตทริกในนัดดวลกับ สปาร์ต้า ปราก และ เอซี มิลาน
ถือเป็นการเรียกความมั่นใจให้กับแข้งวัย 23 ปี ที่ค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายหลังจากต้องพักไปนาน รวมไปถึงสภาพจิตใจให้ดีวันดีคืนก่อนที่จะเดินหน้าในการสร้างผลงานให้กับทีม
นี่คือสิ่งที่ ลีลล์ ต้องการได้จาก ยาซีชี่ เพราะการหายเจ็บและเดินหน้าสร้างผลงานของนักเตะส่งผลให้ตัว กัลติเย่ร์ มีทางเลือกมากขึ้น รวมไปถึงนักเตะที่พร้อมปรับตัวกับการเล่นไม่ว่าจะเป็นจุดไหนในแนวรุก
แน่นอนว่าโดยลึกๆ แล้ว ยาซีชี่ อยากเล่นอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขามองว่าจะสามารถรีดศักยภาพตนเองได้มากที่สุด แต่ด้วยแผนการของ ลีลล์ ที่เน้นระบบกองหน้าคู่ในรูปแบบ 4-4-2 ทำให้บ่อยครั้งที่ ยาซีชี่ ต้องถ่างไปอยู่ริมเส้น
"เขานำสิ่งที่แตกต่างมาสู่การเล่นของเราด้วยเท้าซ้ายของเขา, การยิง, วิสัยทัศน์ ผมตัดสินใจให้เขาเล่นริมเส้น และนั่นเคยเป็นการตัดสินที่ผิด และเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขโดยเร็ว
"ในตอนที่เขาอยู่ระหว่างแนว เขามีวิสัยทัศน์และคุณภาพจากเท้าซ้าย เขาชอบทำประตู มันสำคัญสำหรับเขาและทีม ผมมีความสุขกับเขา แม้ว่าเขาไม่มีความสุขกับตำแหน่ง แต่เขามีความสุขในห้องแต่งตัว"
มันเป็นสิ่งที่ ยาซีชี่ ต้องพยายามปรับตัว ในเมื่อระบบของทีมในตอนนี้ไม่อำนวยและเข้ากับสิ่งที่เขาต้องการ แต่ผลงานที่แสดงออกมากลับแสดงให้เห็นว่าเขาทำได้ดีและพร้อมแสดงความฉกาจออกมาเมื่อโอกาสมาถึง
กับสองแฮตทริกในเวทียุโรป มันยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับ ยาซีชี่ และเชื่อว่าแฟนบอล ลีลล์ คงคาดหวังสิ่งที่มากกว่านี้จากตัวทำเกมชาวตุรกีได้อย่างแน่นอน
