นี่คือหนึ่งฟันเฟืองแนวรุกที่สำคัญของสโมสรลิเวอร์พูล โดยปัจจุบัน เขายิงในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมแล้ว 8 ประตูด้วยกัน คั่วตำแหน่งหัวแถวดาวซัลโวอย่างสนุก แถมเป็นการต่อยอด หลังจากยิงประตูให้ทีมอย่างถล่มทลายมาตลอด 3 ฤดูกาลหลังสุด
อย่างไรก็ตาม กว่าจะเดินทางมาถึงทุกวันนี้ บางเส้นทางของ ซาลาห์ ก็ไม่ได้โรยด้วยกลับกุหลาบ โดยต้องฝ่าฟันกับขวากหนามมาอย่างมากมาย จนเกือบไม่ได้เป็นดาวเตะชื่อดังเหมือนทุกวันนี้
อาจกล่าวได้ว่า ซาลาห์ เกือบเป็นนักฟุตบอลธรรมดาๆ ที่ไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำไป เพราะการเริ่มต้นของเขากับฟุตบอลต่างแดน ถือเป็นอะไรที่หนักหนามาก ..... เราลองไปย้อนความทรงจำเกี่ยวกับดาวเตะทีมชาติอียิปต์ รายนี้กัน 
ย้อนกลับไปช่วงฤดูกาล 2012-13 ซาลาห์ ย้ายออกจากบ้านเกิดที่ประเทศอียิปต์ เป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยการย้ายจากสโมสรอัล มากาวลูน มาค้าแข้งกับเอฟซี บาเซิ่ล ยอดทีมจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อย่างไรก็ตาม การย้ายทีมครั้งนั้น เปรียบแล้วก็เป็นเหมือนกับแบบทดสอบครั้งสำคัญ ที่ทำให้เขาเกือบถอดใจ และหันหลังกลับบ้านเกิดไปแล้ว เพราะเขาต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ชนิดที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทีเดียว
ซาลาห์ เล่าย้อนความทรงจำว่า “มันเป็นเรื่องที่ยากมาก กับการย้ายมาเล่นอีกทวีป โดยเฉพาะกับการที่เป็นนักเตะที่อายุน้อย ผมเติบโตมาที่อียิปต์ ทำให้ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศบ้านเกิด อย่างไรก็ตาม ผมกลับไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับสวิตเซอร์แลนด์ เลยแม้แต่น้อย”
ซาลาห์ เล่าต่อว่า “นอกจากสิ่งแวดล้อมใหม่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ที่ผมต้องคอยปรับตัวแล้ว ผมยังไม่เข้าใจในเรื่องของภาษาที่แปลกออกไป พร้อมกับไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษ หรือว่าสวิส-เยอรมัน ได้เลย”
“ช่วงแรกนั้น ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะหาอาหารรับประทานได้หรือเปล่าด้วยซ้ำไป การที่ผมเดินทางไปที่นั่นคนเดียว ช่างลำบากจริงๆ และไม่รู้ว่าต้องทำอะไรเป็นอันดับแรกด้วยซ้ำไป”
คราวนี้ เรามาถึงเรื่องของชีวิตประจำวันกันบ้าง ซึ่งซาลาห์ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า “หลังจากฝึกซ้อมฟุตบอลเสร็จ ผมจะมีเวลาว่างมากถึง 15 ชั่วโมง !!”
“เนื่องจากการปรับตัวที่สุดแสนจะยากลำบาก โดยเฉพาะกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ทำให้ 10 จาก 15 ชั่วโมงของผมนั้น หมดไปกับการนั่งๆนอนๆแบบไร้จุดหมาย โดยมีแค่การออกไปเดินเล่นตามท้องถนนบ้างเท่านั้น จากนั้นก็กลับมานอนที่โรงแรมอีกครั้ง”
เรื่องราวที่น่าเห็นใจคือ ชีวิตที่โรงแรม ซาลาห์ ไม่สามารถดูทีวีช่องไหนได้เลย แน่นอนว่า มันไม่มีช่องของอียิปต์ บนหน้าจอโทรทัศน์ ช่วงเริ่มต้นมันติดขัดมาก อย่างไรก็ตาม เขาพยายามปรับเปลี่ยนความคิด และปรับตัวให้รวดเร็ว พร้อมกับการพัฒนาตนเอง และพยายามสร้างความแตกต่างจากนักเตะคนอื่น
สอดคล้องกับ ไฮโก โฟเกล อดีตโค้ชของเอฟซี บาเซิ่ล ที่ออกมาย้อนความทรงจำบ้างว่า การซ้อมมื้อแรกของซาลาห์ กับทีมนั้น สามารถใช้คำว่า “ห่วย” ได้เลย โดยการปรับตัวถือว่างานยากกว่าที่คิด
ซึ่งการซ้อมที่ย่ำแย่นั้น เพื่อนร่วมทีม และคนภายในทีมต่างเคลือบแคลงในฝีเท้าของซาลาห์ บ้างก็กล่าวสบประมาทว่า สโมสรซื้อนักเตะมาร่วมทีมผิดคนหรือเปล่า ? และบางคนก็คิดว่า มันเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าของสโมสร
ความจริงข้อหนึ่งก็คือ ไม่มีใครคิดว่าซาลาห์ จะประสบความสำเร็จกับฟุตบอลยุโรปเลย ยิ่งการย้ายไปเล่นลีกใหญ่ไม่ต้องพูดถึง เขาไม่น่าจะก้าวไปถึงจุดหมายดังกล่าวอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ซาลาห์ รีบทำการปรับตัว และต่อสู้ในแบบที่เขาเคยลั่นวาจาเอาไว้ จนวันที่ 2 เขาสามารถซ้อมได้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ตามมาตรฐานที่ทีมตั้งเอาไว้
กระทั่งในวันที่ 3 ซาลาห์ สามารถเปล่งประกายความเก่งกาจออกมา จนไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งเขาอีกต่อไปแล้ว เขายิงประตูอย่างต่อเนื่องให้กับเอฟซี บาเซิ่ล และเป็นส่วนหนึ่งในการพาทีมคว้าแชมป์ 2 สมัยติด
ซาลาห์ ที่ปัจจุบันกลายเป็นนักเตะระดับโลก และค้าแข้งกับยักษ์ใหญ่ ที่มีเกียรติประวัติยาวนานอย่างลิเวอร์พูล กล่าวทิ้งท้ายว่า เข็มนาฬิกาที่เดินผ่านไปทุกปี, ทุกเดือน และทุกวัน เขาเฝ้าพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
โดยกล่าวว่า “ผมพยายามค้นหาจุดอ่อนของตัวเอง และปรับปรุงมันให้ดีขึ้น ทั้งในฐานะนักฟุตบอล และมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้ คือการทำทุกอย่างด้วยหัวใจ”
“ผมพยายามซื่อสัตย์ต่อตัวเอง พร้อมกับเชื่อมั่นในความสามารถ และเป้าหมาย ท้ายที่สุด อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง เมื่อมีบางคนมาบอกคุณว่า -คุณรวดเร็วมาก- ทำให้แน่ใจว่า เช้าวันรุ่งขึ้น คุณต้องโชว์ให้พวกเขาเห็นว่า คุณสามารถเร็วได้มากกว่านี้อีก” ซาลาห์ ทิ้งท้ายถึงมุมมองของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจ ที่ส่งต่อไปยังใครหลายๆคน
