พายุโหมกระหน่ำ
    

          ฤดูกาลนี้นับว่าเป็นฤดูกาลแห่งปัญหาอย่างแท้จริงเลยนะครับ เริ่มจากปัญหาที่ส่งผลกระทบกับทุกทีมโดยรวม อย่างเรื่องปัญหาจากเชื้อโควิท 19 ที่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถจะควบคุมหรือหยุดมันได้เลย และมันส่งผลกระทบต่อโลกฟุตบอลเต็มๆ เลยก็ว่าได้ครับ การดูบอล การแข่งขัน และอะไรหลายๆ อย่างได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และสุดท้ายมันก็ส่งผลกระทบโดยตรงกับทีมอย่างลิเวอร์พูลเช่นเดียวกัน เมื่อโปรแกรมการแข่งขันต้องขยับให้กระชับขึ้นเพื่อรองรับการแข่งขันรายการต่างๆ ทำให้เวลาพักผ่อน การฟื้นตัวของนักเตะนั้นไม่เหมือนเดิม นั่นส่งผลต่อความฟิตของนักเตะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ครับ นั่นทำให้เราเห็นว่านักเตะนั่นมีปัญหาอาการบาดเจ็บกันระนาวเลยทีเดียว เทรนท์ อาโนลด์ , เฮนเดอร์สัน , รีส วิลเลี่ยม , โจ โกเมส นั้นอยู่ในข่ายนี้ครับ รวมกับพวกที่ถูกตรวจว่าติดเชื้อโควิทอย่างโม ซาล่าห์ และคนที่โชคร้ายที่มีอาการบาดเจ็บจากเกมการแข่งขันอย่าง ฟาน ไดค์ , ติอาโก้อีก นั่นทำให้ลิเวอร์พูลตอนนี้นั้นเรียกได้ว่า “ทีมพิการ” ก็ว่าได้ครับ ลิเวอร์พูลนั้นต้องสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้เล่นจนเหลือทีมตัวจริงอยู่ไม่ถึงครึ่งทีมด้วยซ้ำ แต่คล็อปป์นั้นพัฒนาทีมชุดนี้มาได้ไกลจริงๆ ครับ ทำให้ผู้เล่นชุดผสมของลิเวอร์พูลที่ลงสนามในวันนี้นั้น “ดูดี” กว่าที่คิดไว้เหมือนกัน

มุ่งมั่น

          เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนผมครับ ว่านี่เป็น 1 ในเกมที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้เลย และมันเกิดมากจากผู้เล่นชุดที่มีตัวจริงไม่ถึงครึ่งทีมด้วยซ้ำ ลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ทุกคนต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าพวกเขาเองนั้นก็มีดีและพร้อมจะช่วยทีมเมื่อโอกาส มาถึงพวกเขาเหมือนกัน สมาธิและความตั้งใจของทุกคนในเกมนี้นั้น อยู่ในระดับที่สูงสุดเพดานเลยทีเดียว ผู้เล่นหลายๆ คนยกระดับการเล่นของตัวเองได้เกินจากมาตรฐานเดิมของตัวเองไปเสียอีก เช่น แผงกลางที่ดูผิวเผินอาจจะเรียกได้ว่ากองกลางชุดนี้น่าจะเป็นจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้เล่นงานด้วยซ้ำ แต่ทั้ง เคอร์ติส โจนส์ , นาบี้ เกอิต้า และ ไวนัลดุ้ม ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ ไวนัลดุ้มผู้รับบทบาทเป็นกระดูกสันหลังของทีม คอยปัดกวาดและเล่นเกมรับให้ทีมได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ตำแหน่งธรรมชาติของตัวเอง นาบี เกอิต้า ที่เกมนี้โชว์ความสามารถได้โดดเด่นเหลือเกิน ทั้งจังหวะเลี้ยงและแทงทะลุช่องสวยๆ หลายต่อหลายครั้ง น่าเสียดายที่มีอาการบาดเจ็บเล่นงานเสียก่อน และเคอร์ติส โจนส์อีกคนที่น่าปรบมือให้ดังในเกมนี้ เขาแสดงให้เห็นพัฒนาการในเกมนี้ได้อย่างก้าวกระโดด ช่วยทีมได้ทั้งรุกและรับ กล้าเล่นกล้าลุย ตัดลูกเล่นที่ไม่จำเป็นออกไป และที่สำคัญคือเขาทำบอลเสียน้อยมากๆ แถมยังเล่นเข้าขากับรุ่นพี่ที่ลงเล่นร่วมกันในเกมนี้ได้อย่างดีเยี่ยม กองกลางของลิเวอร์พูลในวันนี้ถือว่าทำผลงานได้อย่างสุดเซอร์ไพรซ์จริงๆ ครับ

          แผงหลังจำเป็น ในเกมนี้ก็ทำผลงานได้อย่างดีเกินคาดจริงๆ ครับ โชคดีอย่างนึงของลิเวอร์พูลด้วย ที่เกมนี้พวกเขาได้แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ ฟาบินโญ่กลับมาประจำการทำให้แนวรับของทีมแม้จะไม่มีผู้เล่นที่เป็นตัวจริงและมีความเร็วเลย แต่ก็ได้ความเก๋ามาทดแทนครับ ทีแรกหลายๆ คนน่าจะเป็นห่วงว่าแผงหลังชุดนี้จะเอาแนวรุกที่เปี่ยมไปด้วยความเร็วของเลสเตอร์ไหวไหม เพราะสปีดของผู้เล่นทั้งสองทีมนั้นต่างกันมากเหลือเกิน แต่แผงหลังลิเวอร์พูลนั้นก็ได้ความเก๋าและการอ่านเกมที่เรียกได้ว่าขาดกระจุยในเกมนี้ช่วยไว้ได้ตลอดทั้งเกมเลยครับ โดยเฉพาะเจมส์ มิลเนอร์ที่ดูจะตกเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของเลสเตอร์แต่กลายเป็นว่า ผู้เล่นเลสเตอร์นั้นมาทำให้มิลเนอร์ยิ่งโดดเด่นไปเสียอย่างนั้น มิลเนอร์ทำหน้าที่แบ็กขวาได้อย่างยอดเยี่ยม ดักจังหวะลูกจ่ายได้หลายต่อหลายครั้งและไม่มีเสียเปรียบเลยในการดวล 1-1 กับผู้เล่นเลสเตอร์ ฟาบินโญ่กับมาทิปนั้นก็ดักเก็บบอลยาวของจิ้งจอกสยามได้ทั้งเกมจริงๆ จนเราแทบไม่เห็นวาร์ดี้อยู่ในจอเลยด้วยซ้ำ กับโรเบิร์ตสันยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ เกมนี้เขาโดดเด่นสุดๆ ความอึดที่วิ่งได้ตลอดทั้งเกมที่เป็นจุดเด่นของเขาก็โชว์ออกมาให้เห็นตลอดทั้งเกม และยังสามารถทำแอสซิสต์ได้อีกในเกมนี้ ถ้ากองหลังยังเล่นได้มาตฐานนี้ต่อไป กองเชียร์ของลิเวอร์พูลเองก็น่าจะคลายความกังวลลงไปได้ล่ะครับ

หนึ่งเดียวกัน

          แนวรุกของลิเวอร์พูล ณ เวลานี้กลับเป็นเรืองแปลกที่แฟนๆ ลิเวอร์พูลนั้นไม่คุ้นเคยครับ จากที่เคยตามหาตัวแทนของ 3 ประสานมานานแต่ไม่สำเร็จซักที แต่ตอนนี้แนวรุกของพวกเขากลายเป็นว่า มีตัวเลือกเยอะเกินไปจนกลายเป็นว่าต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งกันลงสนาม และมีดราม่าหนักๆ เมื่อเจ้าของตำแหน่งอย่างฟีร์มิโน่นั้นเกิดการฟอร์มหลุดขั้นรุนแรงพอสมควรเหมือนกัน ทำให้กระแสต่างๆ ออกมาโจมตีเขาพอสมควรว่าควรจะดรอปและให้นักเตะหน้าใหม่แต่ฟอร์มแรงอย่างดีโอโก้ โชวต้าลงสนามมาแทนได้แล้ว แต่เจอร์เก้น คล็อปป์ก็ออกมาเตือนสติและปรามทุกคนไว้ครับ พร้อมกับบอกว่าทุกคนต้องไม่ลืมว่าการที่ลิเวอร์พูลมาได้จนถึงทุกวันนี้นั้น ฟิร์มิโน่มีส่วนสำคัญต่อการก้าวกระโดดของทีมอย่างยิ่งยวด และเจ้าตัวเองก็พยายามพิสูจน์ตัวเองในเกมนี้อย่างเต็มที่จริงๆ และถ้าลองสังเกตดูให้ดีครับ เราจะเห็นได้ว่าทุกคนในทีมนั้นพยายามอย่างยิ่งที่จะปั้นบอลให้ฟิร์มิโน่เป็นพิเศษ แต่เกมนี้ก็เหมือนว่าเจ้าตัวเองออกจะโชคร้ายเกินไปเสียหน่อย ที่ยังหาประตูของตัวเองไม่เจอซักที นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ก่อกวนหัวใจแฟนบอลลิเวอร์พูลอย่างเดียวในเกมนี้ก็ได้ครับ เพราะนอกนั้นทั้งเกมนี้ลิเวอร์พูลทำได้ดีเหลือเกิน ดิโอโก้ โชวต้านั้นก็ดีวันดีคืน และทำประตูเพิ่มให้ตัวเองได้อีกแล้ว จนเขากลายเป็นเจ้าของสถิติที่ยิงประตู 4 นัดแรกที่ลงสนามในแอนฟิลด์จนได้ และกับมาเน่เองถึงเกมนี้เขาจะไม่มีประตูก็ตามแต่เจ้าตัวก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเคยและเป็นตัวป่วนของแผงหลังเลสเตอร์ได้ตลอดทั้งเกมจริงๆ เหลือแต่ฟิร์มิโน่คนเดียวนี่แหละครับ ที่ทุกคนเอาใจช่วยให้เขาได้ “ปลดล๊อก” ได้เสียที จนกระทั่งเขามาทำได้สำเร็จในการโหม่งลูกเตะมุมเสียบเสาเข้าไปอย่างสุดสวย และนั่นทำให้ทั้งเพื่อนร่วมทีม  ผู้จัดการทีมอย่างเจอร์เก้นคล็อปป์ และแฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วโลกยิ้มได้อย่างเต็มที่ในเกมนี้จริงๆ 

          ในวันที่ทุกๆ คนเป็นกังวลกับปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเขามาสู่ลิเวอร์พูลไม่หยุดหย่อน แต่ลิเวอร์พูลก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้กับพายุปัญหาที่โหมกระหน่ำเข้ามาได้อย่างสวยงามและสง่าผ่าเผย  ปรัชญาและการฝึกสอนของเจอร์เก้น คล็อปป์นั้นมันได้ฝังรากลึกให้กับต้นไม้ใหญ่ที่ชื่อลิเวอร์พูลต้นนี้ไว้อย่างแน่นหนาจริงๆ ครับ ถึงตรงนี้ผมเชื่อว่า เดอะ ค็อปทุกคนคงจะไม่สน ไม่กลัวอะไรแล้วกับปัญหาต่างๆ ในอนาคตที่อาจจะโหมเข้ามาอีกระรอก เพราะลิเวอร์พูลนั้นแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าพวกเขานั้น แข็งแกร่งเพียงใด  YNWA ครับ .....