:::     :::

อองตวน กริซมันน์ : ชีวิต-ฟุตบอล และ ความสัมพันธ์กับ เมสซี่

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อองตวน กริซมันน์ ตกเป็นข่าวมาตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ว่าไม่ใช่เรื่องราวในสนาม หากเป็นการที่บุคคลรอบข้างของเขาออกมาพูดถึงเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับ บาร์เซโลน่า และความสัมพันธ์ในเชิงลบกับ ลิโอเนล เมสซี่

ที่ผ่านมา กริซมันน์ พยายามนิ่งมาตลอดกับมรสุมข่าวที่ถาโถม แต่มาวันนี้หัวหอกฝรั่งเศสรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องออกมาพูดอะไรบ้าง โดยเลือกไปออกรายการ 'UNIVERSO VALDADO' ใช้เวลา 40 นาทีเพื่ออธิบายถึงข่าวลือต่างๆ รวมถึงความรู้สึกที่เขามี พร้อมยืนยันว่าไม่ต้องการสร้างความแตกแยกให้กับใคร 


"ผมเคยพูดในงานแถลงข่าวเปิดตัวกับบาร์เซโลน่าว่าไม่ต้องการออกมาพูดอะไรข้างนอก แต่ผมจะพูดมันในสนาม แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ทุกอย่างกระจ่าง ผมอดทนกับข่าวมานานและคอมเมนท์ต่างๆมามากพอแล้ว มันสมควรพอได้แล้ว" 

"ผมต้องการที่จะแสดงออกมาในสนามมากกว่าและผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมไม่เคยมีปัญหากับใครเลย ผมแค่พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" 


กริซมันน์ เริ่มต้นด้วยการเล่าความสัมพันธ์ของเขากับ เอริค โอลฮัต อดีตเอเยนต์ที่เคยร่วมงานกันจนถึงปี 2016 

"ผมยุติความสัมพันธ์กับเขาตั้งแต่วันที่ผมแต่งงาน  ผมเชิญเขามาเป็นแขกในงาน แต่เขาไม่มา ด้วยเหตุนี้ผมจึงเลิกติดต่อกับเขา" 

"เขา (โอลฮัต) ออกมาพูดเพราะพ่อกับน้องสาวผมไม่มีใครยอมให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ด้วยเหตุนี้พวกสื่อจึงโทรหาเขา แต่ เลโอ รู้ดีว่าผมเคารพเขาและชื่นชมเขามาก" 


ทั้งนี้นอกจากอดีตเอเยนต์แล้ว ยังมีคุณลุงของเขาได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ เมสซี่ เช่นกัน ซึ่ง กริซมันน์ ยืนยันว่าคุณลุงเขาไม่เข้าใจเรื่องของฟุตบอลดีพอ 

"คุณลุงผมเขาไม่เข้าใจว่าฟุตบอลมันมีกระบวนการอย่างไร และสุดท้ายพวกนักข่าวก็เลือกตัดเอาคำพูดบางประโยคของเขาออกมาเป็นประเด็น, ผมพูดกับ เลโอ ว่าาผมไม่เคยคุยกับพวกเขาเลย ว่ากันตามความจริงแล้วผมไม่มีเบอร์ของพวกเขาด้วยซ้ำทั้งอดีตเอเยนต์และลุงของผม" 

..................................................

ในการสัมภาษณ์ กริซมันน์ ยังได้อธิบายเกี่ยวกับข่าวลือว่าสโมสรบาร์เซโลน่าไม่แฮปปี้ที่ตัวเขาได้พูดเปรียบเทียบตำแหน่งการเล่นของตัวเองในทีมชาติฝรั่งเศสกับตำแหน่งในบาร์ซ่า


"ในฝรั่งเศส ผู้คนเริ่มไม่เชื่อมั่นในตัวของ เดส์ชอง ผมเองก็ได้พูดถึงในแง่ที่ว่าเขาเป็นเทรนเนอร์ เขารู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร มันเป็นการแสดงออกถึงความรักที่มอบให้กับ เดส์ชอง เพราะตอนนั้นเขากำลังถูกโจมตีจากสื่ออย่างหนัก"

นอกจากนี้ กริซมันน์ ยังได้พูดถึงเรื่องราวต่างๆอีกมากมายระหว่างรายการ ทั้งความสัมพันธ์ของเขากับ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ และ กีเก้ เซเตียน, เหล่าแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานสโมสร,ยุคสมัยของเขากับ แอต.มาดริด,จุดเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ เรอัล โซเซียดาด รวมถึงโปรแกรมการแข่งขันในปัจจุบัน 

..................................................

จุดศูนย์กลางของมรสุมข่าว

"ผมเหนื่อยที่ต้องตื่นมาเห็นข่าวแย่ๆเกี่ยวกับตัวเองในทุกเช้า มันทำให้ผมไม่สามารถที่จะสนุกไปกับสิ่งต่างในชีวิตได้เลย แต่ละวันผมแทบต้องภาวนาว่าอย่ามีข่าวแย่ๆเกี่ยวกับผมออกมาอีกเลย"

"เราอยู่ในช่วง 2 ปีที่ยากลำบาก แต่ผมคิดว่าเรามีกลุ่มที่ดีและอยู่ในเลเวลที่จะประสบความสำเร็จในรายการใหญ่ได้ , สิ่งที่เรายังขาดคือการตอบสนองและแสดงมันออกมาในสนาม นอกจากในส่วนของทีมแล้ว ในส่วนตัวบุคคลก็เช่นกัน" 

..................................................

โปรแกรมการแข่งขัน

"เราต้องเดินทางในทุก 2-3 วัน เราไม่ได้พักกันเลย ซึ่งมันเป็นที่มาของอาการบาดเจ็บ ผมไม่คิดว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องบังเอิญหรอกนะ" 

..................................................

ความสัมพันธ์กับ เซเตียน

ผมได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับการออกบอล แต่ผมไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขาเลย พ่อแม่ของผมบอกให้ผมถามเขาว่าทำไมผมถึงไม่ได้เป็นตัวจริงกับทีม แต่ผมคิดว่ามันไม่มีความจำเป็น รวมถึงการที่จะไปถามเขาว่าเมื่อไหร่ผมถึงจะได้ลงเล่น

“ในเกมกับ บียาร์เรอัล พวกเราเล่นกันดีมาก แต่เกมต่อมากับ เรอัล บายาโดลิด ผมดันมีอาการบาดเจ็บเสียก่อน” 

…………………………………………..


ความสัมพันธ์กับ บัลเบร์เด้

“เขาขอให้ผมเล่นในตำแหน่งหน้าซ้ายเพื่อประสานงานกับ ยอร์ดี้ อัลบา ผมสัมผัสได้ถึงความมั่นใจที่เขามอบให้กับผมในทุกช่วงเวลา” 

…………………………………………..

คำวิจารณ์ผลงานการเล่น 

“ผมยอมรับเพราะผมรู้ดีว่าเรายังไม่ได้เห็น กริซมันน์ ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด แต่ผมก็เข้าใจว่าทุกครั้งที่มีประเด็นอะไรออกมา ผมจะเป็นคนแรกที่ถูกพูดถึง” 

“ในช่วงเวลา 1 ปีครึ่ง ผมต้องร่วมงานกับเทรนเนอร์ถึง 3 คน มันไม่ใช่เรื่อง่ายๆเลย ผมต้องการเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีมและให้เพื่อนร่วมทีมปรับตัวเข้ากับผม เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเรื่องของการเปลีย่นระบบการเล่น” 

“นอกจากนี้พวกแคนดิเดตประธานสโมสรก็ยังเอาผมไปพูดถึง ผมไม่คิดว่ามันเรื่องดีสำหรับผมที่พวกเขาเอาผมไปวิจารณ์ว่าผมเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีหรือแย่ของสโมสร” 

…………………………………………..

การย้ายสู่ บาร์เซโลน่า

“ผมเคยคุยกับ เลโอ ตอนที่ผมย้ายมาใหม่ๆ และเขาพูดกับผมว่าตอนที่ผมปฏิเสธย้ายมา บาร์ซ่า ในครั้งแรกนั้น เขารู้สึกไม่ชอบใจ เพราะเขาเคยพูดถึงผมผ่านสื่อ แต่เขาก็ได้บอกกับผมว่าเขาจะอยู่เคียงข้างผม ซึ่งผมก็สัมผัสถึงสิ่งนี้ได้ในทุกวัน” 

…………………………………………..

การย้ายออกจาก แอตเลติโก 

“ตอนนั้นผมต้องการเปลี่ยนแปลง เวลานั้นมีนักเตะย้ายทีมหลายรายเช่น ดีเอโก้ โกดิน และ ลูกัส เอร์นานเดซ มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมเองก็ถึงเวลาที่จะต้องไปแล้วเช่นกัน” 

“ในส่วนของสารคดีของผมนั้น ผมต้องการที่จะบอกว่าการตัดสินใจย้ายออกไปอยู่ทีมอื่นนั้นไม่ง่ายเลย ผู้คนพากันคิดว่ามันเป็นแค่เกมและผมแค่ต้องการปั่นหัวแฟนบอลเล่น”

“แต่จริงๆแล้ว ผมต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึงนักเตะคนนึงที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรและตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์นั้น, คุณอาจจะคุยกับภรรยา,คุยกับพ่อแม่,คุยกับลูกๆ แต่สุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินใจก็คือตัวคุณเอง” 

“หลังจากสารคดีนั้นถูกฉายออกอากาศ พ่อกับแม่ผมโกรธมากเพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงทำอัดวีดีโอทำสารคดี นอกจากนั้นแล้วพวกเขายังอยากเห็นผมย้ายไปเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า อีกด้วย” 

…………………………………………..

ฟุตบอลโลกที่ รัสเซีย 

“ผมรู้สึกว่าผมสามารถทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ เพียงแค่มองดูเห็นเส้นทางของมัน รวมถึงความเข้มข้นในการฝึกซ้อมของทีม” 

“เดส์ชอง สั่งให้เราเตรียมตัวให้ดีในการลงเล่นกับ อาร์เจนติน่า เขาขอให้เราตั้งรับด้วยระบบ 4-4-2 โดยใช้ กองเต้ ตามประกบ เมสซี่ แล้วพวกเพื่อนๆก็ถามผมว่านายคิดว่านี่มันคือ แอตเลติโก หรือเปล่า อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยอมที่จะฟังความคิดเห็นของผม 

…………………………………………..

ยูโร 2016 

ทัวร์นาเมนท์นั้นผมเริ่มเป็นที่รู้สึกของแฟนบอลฝรั่งเศสแล้ว เพราะที่นั่น (ฝรั่งเศส) พวกเขาดูแค่เกมของ เรอัล มาดริด กับ บาร์ซ่า ผมพลาดนัดชิง 2 นัดในช่วงเวลาไม่ห่างกัน และผมไม่มีความอยากที่จะดูฟุตบอลหลงเหลืออยู่ การได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์นั้นไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีอะไรเลย” 

…………………………………………..

นัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกที่ มิลาน (ตัวหนา) 

“ผมเหนื่อยหน่ายที่จะพูดถึงมัน, เพราะผมรู้ว่าถ้าผมยิงจุดโทษลูกนั้นเข้าไปประวัติศาสตร์ก็คงจะเปลี่ยนไปแล้ว , ผมรับหน้ายิงจุดโทษ(หลังจบเกมเสมอ 1-1) เพราะผมรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้เกมต้องลากยาวมาถึงการยิงจุดโทษ (กริซมันน์ พลาดจุดโทษในเวลาปกติโดยยิงชนคาน) และตอนที่ผมยิงจุดโทษเข้าไป ผมบอกกับตัวเองว่านี่คือสิ่งที่นายต้องทำตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว“

…………………………………………..

ยุคสมัยกับ แอตเลติโก

“ผมพบกับความยากลำบากอย่างมากในช่วงเริ่มต้น ผมย้ายมายังสโมสรที่เพิ่งจะคว้าแชมป์ ลา ลีกา และต้องพยายามแย่งชิงตำแหน่งภายในทีม ซึ่งต้องเริ่มจากการทำงานหนัก , ในความเป็นจริง ผมต้องเหนื่อยหนักในการเล่นจนถึงช่วงธันวาคมเลยทีเดียว” 

“ผมพร้อมเสมอที่จะเรียนรู้จากเทรนเนอร์ ผมเรียนรู้มาแบบนี้ และผมจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ผมจะทำทุกอย่างที่เทรนเนอร์ของ แม้โดยส่วนตัวผมจะรู้ดีว่าการทำอย่างนั้นมันจะทำลายผมก็ตาม” 

“กับ โชโล่ ในทุกๆการฝึกซ้อม มันเหมือนกับเกมแข่งขันจริงที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น ทุกคนตระโกนใส่ผม ขอให้ผมทุ่มเทกว่านี้ไม่ว่าจะเป็น โกเก้,กาบี หรือเอล โปรเฟ ออร์เตก้า” (โค้ชความฟิต) 

“ที่ แอตเลติโก ทุกคนต้องวิ่ง และกทุกคนต้องเคลื่อนที่ไปยังส่วนต่างๆ และผมก็ยังคงทำเช่นนี้เสมอมา ในห้องแต่งตัวนั้นมีความเป็นยูนิตี้สูงมาก เรากินข้าวด้วยกันในตอนที่แพ้เพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศแย่ๆ” 

…………………………………………..

การเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง

“ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโดดเด่นเลย จนกระทั่งถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดยู-19 ผมก็เริ่มเชื่อมั่นตัวเองว่าสามารถทำได้, แต่ผมก็รู้ดีว่าการทำงานหนักต่างหากที่พาผมมาสู่จุดนี้ ผมผ่านการเล่นในทุกระดับอายุ ผ่านการเคี่ยวกรำมา หลังจากนั้นผมก็เริ่มมีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่”

“ทุกคนที่ โซเซียดาด ดีกับผมมาก ที่นั่นผมยังเป็นแค่เด็กน้อย แล้วพวกสื่อก็ดีกับผมมากเช่นกัน”

…………………………………………..


ยุคสมัยกับ เรอัล โซเซียดาด 

“ตอนนั้นผมลงเล่นในทัวร์นาเมนท์มงต์เปลิเยร์ และแมวมองของ เรอัล โซเซียดาด ก็ตามดูผมตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ เขาให้นามบัตรไว้และบอกให้ผมไปที่สโมสร , ผมรับไว้แล้วก็ไปที่นั่น” 

“ในวันแรก ผมเข้าทดสอบกับทีมชุดที่อายุมากกว่าผม 1 ปี และผมต้องกลับมาทดสอบอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไปกับทีมรุ่นเดียวกับผม ตอนนั้นผมพักอยู่ที่ บาโยน่า และเดินทางไปซ้อมกับทีม” 

“ตอนั้นผมยังพูดสเปนไม่ได้ ทำให้ต้องมีการแปลทุกอย่างที่เทรนเนอร์บอกให้ผมฟัง มันค่อนข้างยุ่งยากเมื่อคุณยังเป็นแค่เด็กน้อย” 

“ผมเริ่มต้นเล่นกับทีมชุดกาเดเต้ (รุ่นอายุ14-15 ปี) ผมต้องพบกับความยากลำบากในการแย่งตำแหน่งตัวจริง ผมไม่ได้โดดเด่นอะไร สิ่งที่เรียบง่ายคือผมแค่ทำตามที่เทรนเนอร์บอก” 

“ผมเริ่มเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถเป็นนักเตะอาชีพได้ตอนที่ผมเซ็นสัญญาฉบับแรกกับ เรอัล โซเซียดาด ตอนนั้น มาร์ติน ลาซาร์เต้ เป้นคนมอบโอกาสให้ผม และจากจุดนั้นผมเริ่มต้นมีความสนิทสนมกับพวกอุรุกวัย"

…………………………………………..

การทดสอบฝีเท้าตอนเด็ก

ผมไปทดสอบฝีเท้ากับ 10 สโมสรในระดับลีกเอิง แต่ไม่มีใครเลือกผมเลย จะด้วยส่วนสูง หรือระดับฝีเท้าของผมก็ตาม แต่ไม่มีใครให้โอกาสกับผมเลย  

ในวันที่ เม็ตซ์ ไม่เลือกผมนั้นมันเป็นวันที่หนักมาก เพราะตอนแรกพวกเขาบอกว่าพวกเขาเลือกผมเข้าทีม แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาโทรหาพ่อผมและบอกว่าไม่ต้องการผม ผมนอนร้องไห้อยู่นานหลายวันในห้องตัวเอง

…………………………………………..

จุดเริ่มต้นการเล่นฟุตบอล

พ่อผมเล่นฟุตบอล แม้ว่าเขาจะไม่เคยเล่นระดับอาชีพก็ตาม จากนั้นเขาก็กลายเป้นโค้ชคนแรกของผม ผมไปซ้อมและลงแข่งในทุกๆเกมที่พ่อผมคุม แล้วผมก็เริ่มหลงรักฟุตบอลนับแต่นั้นเป็นต้นมา 

…………………………………………..

ความชื่นชมที่มีต่อ เดวิด เบ็คแฮม 

“เขาคือไอดอลทั้งในและนอกสนาม เขาคือแบบอย่าง เรื่องนี้เพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศสที่เล่นกับเขาที่ ปารีส เล่าให้ผมฟัง, เขามีเท้าขวาที่น่าทึ่ง เวลาอยู่นอกสนามเขาก็พิเศษมากเช่นกัน” 


            เจมส์ ลา ลีกา แปล&เรียบเรียง




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด