:::     :::

กุญแจของชัยชนะคือรากที่ชื่อว่า "ระบบ"

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,005
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บนคำถามลูกใหญ่ที่สื่อและแฟนบอลโยนเข้าไปในรั้วแอนฟิลด์เมื่อตอนรู้ว่าทีมขาดตัวหลักไปเกือบยกชุด เจอร์เก้น คล็อปป์ และลูกน้องของเขายืนจังก้าตอบข้อสงสัยเหล่านั้นได้หมดจดไปเรียบร้อยแล้ว บนเกมที่เอาชนะจ่าฝูงก่อนเบรคทีมชาติอย่าง เลสเตอร์ ไปขาดลอย 3-0

ไม่มี เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค...

แต่เรายังมี ฟาบินโญ่

 

ไม่มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์...

แต่เรามี เจมส์ มิลเนอร์

 

ไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน...

เรามี เคอร์ติส โจนส์

 

ไม่มี ติอาโก้ อัลคันทาร่า...

เรายังมี นาบี เกอิต้า

 

และถึงแม้จะไม่มีดาวซัลโวตัวท็อป โม ซาล่าห์...

แต่เรายังมี ดิโอโก้ โชต้า กับ บ๊อบบี้ ฟิร์มิโน่



 

ลิเวอร์พูลในตอนนี้กำลังตอกหน้านักวิจารณ์ทั้งหลายที่พร่ำพูดเรื่องขุมกำลังเชิงลึก ด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ทีมเวิร์ค" ครับ แน่นอนว่าหากหยิบนักเตะสำรองออกมาวัดกับทีมอย่าง ซิตี้ หรือ เชลซี นั้น หงส์แดงเป็นรองในเรื่องชื่อชั้นอย่างเถียงไม่ออก แต่ถ้าถกกันด้วยคุณภาพและความมุ่งมั่นแล้ว ผมก็เชื่อว่าเด็กๆ ของคล็อปป์ไม่เป็นรองใครที่ไหนเลย

 

เกมที่ดวลกับ เลสเตอร์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมชอบการวางหมากของคล็อปป์ในหลายๆ จุด โดยเฉพาะการเลือกใช้ เคอร์ติส โจนส์

 

เด็กหนุ่มคนนี้ในครึ่งแรกคอยเก็บบอลจังหวะสอง ช่วยทีมเพรสซิ่งได้ดีมากๆ แต่พอครึ่งหลังเราเห็นเขาถูกปรับไปยืนสูง คอยเชื่อมเกม คอยปั้นเกมบุกเยอะขึ้น บางวาบความคิดผมแอบคิดถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ขึ้นมากลายๆ เหมือนกัน ขณะที่จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม เอง ก็ทำหน้าที่พี่ใหญ่ในแดนกลางได้สมบูรณ์แบบ สถิติการตัดบอลได้ถึง 4 ครั้ง แย่งบอลคืนกลับมาได้อีก 3 ครั้ง คือหลักฐานยืนยันว่าจินี่เป็นหัวใจในการคุมเกมตรงกลางของทีมได้เป็นอย่างดี ที่น่าเสียดายที่สุดคงเป็นนาบี เกอิต้า ซึ่งกำลังเล่นได้ดีก็มาเจ็บอีกแล้ว ทำให้ตัวเขาเองขาดความต่อเนื่องสำหรับการเล่นให้ลิเวอร์พูลไปเยอะเลย

 

ในเกมรับ ฟาบินโญ่ก็สามารถทดแทน ฟาน ไดจ์ค ได้แบบไร้ที่ติ เจมี่ คาราเกอร์ วิเคราะห์ว่าในคราวแรกผู้คนคงคิดว่าพอไม่มี ฟาน ไดจ์ค กองหลังจะไม่กล้าดันขึ้นสูง ทว่า เอาจริงๆ แล้ว เกมกับเลสเตอร์นักเตะหงส์ก็ยังกล้าดันขึ้นสูงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะฟาบินโญ่ที่ทำหน้าที่ได้ดีจนทุกคนไม่ต้องกังวลอะไร แต่อีกส่วนหนึ่งมันคงมาจากความมั่นใจในแนวทางการเล่นต่างๆ ของนักเตะหงส์เองที่ถูกโปรแกรมเอาไว้จนไม่จำเป็นต้องยึดติดกับนักเตะคนไหนเป็นพิเศษ

 

เช่นเดียวกับเกมรุก แม้ไม่มี โม ซาล่าห์ แต่ดิโอโก้ โชต้า ก็ทำหน้าที่ทดแทนการขาดหายไปตรงนั้นได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของตัวรุกริมเส้นหรือกระทั่งตัวจบสกอร์ก็ตาม

 

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงเป็น บ๊อบบี้ ฟิร์มิโน่



 

บ๊อบบี้ คือนักเตะที่เชื่อมต่อความต่างของผู้เล่นคนอื่นให้ไหลลื่นเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ว่าจะทั้งตอนเล่นให้สโมสรหรือยามรับใช้ทีมชาติบราซิล แน่นอนว่าสถิติที่ผ่านมา เขาอาจไม่ได้เป็นกองหน้าที่ถล่มประตูมากมายก่ายกอง แต่เขาคือตัวกลางที่ทำให้ทีมได้ประตูมากมายก่ายกองต่างหาก วิธีการเคลื่อนที่ของเขาทั้งยามมีบอลและไม่มีบอล ล้วนเต็มไปด้วยประโยชน์ต่อทีมในทุกๆ ครั้ง สถิติจากเกมล่าสุดที่ทุบจิ้งจอกสยาม 3-0 นั้น ระบุว่าฟิร์มิโน่จ่ายบอลสำเร็จถึง 41 ครั้ง วางบอลยาวแม่นยำ 100% และเลี้ยงผ่านคู่แข่ง 4 จาก 5 ครั้ง คือหลักฐานสำคัญที่บอกกับเราว่าบ๊อบบี้นั้นสำคัญกับทีมมากขนาดไหน

 

"เขาคือนักเตะที่สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้หลายต่อหลายครั้ง บางเกมยิงประตูไม่ได้แต่เขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะของทีมเสมอมา ผมคงรู้สึกอายนะถ้าต้องมาสาธยายคุณภาพที่มีเพียบล้นในตัวของฟีร์มิโน" ยอดกุนซือชาวเยอรมันพูดถึงกองหน้าเบอร์ 9 ของทีม

 

"ตอนที่ผมเดินเข้าไปเพื่อจะกอดเขาหลังจบเกม เขาหยุดพูดกับผมว่า -​ขอโทษนะครับบอส ผมน่าจะยิงได้มากกว่านี้- ผมยิ้มให้เขา และรู้ดีว่าเขามีประโยชน์มากกว่าแค่เรื่องยิงประตู"

 

เรื่องเล็กๆ แบบนี้ แต่มันก็เป็นจุดที่ทำให้เราพอจะมองออกแล้วนะครับว่าบรรยากาศในทีมตอนนี้กลมเกลียวขนาดไหน แม้ทีมจะเต็มไปด้วยนักเตะเจ็บมากมาย แต่ทุกคนที่เหลือก็ดูกระตือรือร้นที่จะช่วยทีมกันอย่างสุดความสามารถ

 

ในเวลานี้ ลิเวอร์พูลกำลังพิสูจน์​ให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่พวกเขาเพียรพยายามทำมาในช่วงหลายปี มันกำลังผลิดอกออกผลมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาใช้สิ่งที่เป็น "ระบบ" วางไว้ตรงราก ก่อนจะค่อยๆ มองหาปุ๋ย หาต้นไม้เอามาปลูก ซึ่งพอรากที่วางไว้หยั่งลึกจนแข็งแรงแล้ว ไม่ว่าจะมีลม มีฝน มีพายุ โหมกระหน่ำมามากแค่ไหน ต้นไม้ต้นนั้นก็จะยังคงยืนอยู่ได้โดยไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

 

ผู้คนเคยปรามาสเอาไว้ว่าหากวันนึงลิเวอร์พูลไม่มี ฟาน ไดจ์ค หรือ ซาล่าห์ ทีมน่าจะเอาตัวไม่รอดในระยะยาว ทว่า คล็อปป์ แอนด์โค ก็ทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่าคำปรามาสนั้นไม่มีอยู่จริง

 

ตราบใดที่ ระบบ และ ทีมเวิร์ค ยังคงเป็นกุญแจสำคัญของการทำทีมฟุตบอล ลิเวอร์พูลของคล็อปป์ จะไม่ล้มครืนง่ายๆ อย่างแน่นอน




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด