คนหนึ่งที่ต้องรวมเข้าไปในลิสต์ด้วยอย่างแน่นอน นั่นคือ “แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน” แบ็คจอมบุกทีมของลิเวอร์พูล นอกจากฝีเท้าที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นการเติมเกม, การสร้างโอกาส และการแอสซิสต์อย่างต่อเนื่องแล้ว เขายังประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
โดยตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา โรเบิร์ตสัน สามารถนำพาทัพ “หงส์แดง” คว้าแชมป์รายการสำคัญ อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และล่าสุดกับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเป็นรายการที่สโมสรใช้เวลารอคอยแชมป์อย่างยาวนาน
กระนั้น การก้าวมาถึงจุดนี้ของโรเบิร์ตสัน ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาต้องฝ่าฟันอะไรต่ออะไรมาอย่างมากมาย ผ่านอุปสรรคที่ท้าทายความพยายามอยู่เสมอ
ไล่จากเด็กที่เคยต้องโพสต์หางานทำ และโพสต์ว่าไม่มีเงิน แม้กระทั่งซื้อรองเท้าฟุตบอลคู่ใหม่ จนก้าวมาเป็นสตาร์ระดับโลกได้ ช่วงนี้ เราลองไปไล่ดูเส้นทางเดินบางส่วนของเขากันหน่อย
จุดเริ่มต้นของ โรเบิร์ตสัน เติบโตมากับอะคาเดมี่ ของสโมสรที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เด็กอย่างกลาสโกว์ เซลติก เส้นทางดูเหมือนจะไปได้อย่างสวยงาม เพราะเป็นการเล่นกับทีมใหญ่ ทว่าระหว่างทาง เขาต้องเจอกับแบบทดสอบมากมาย
นั่นเพราะพลพรรค “ม้าลายเขียวขาว” ตัดสินใจปล่อยตัวเขาออกจากทีมเยาวชน ด้วยเหตุผลเพียงง่ายๆว่า “ดีไม่พอ” ทำให้เขาต้องมาเริ่มต้นใหม่ ในฐานะนักเตะฝึกหัดกับทีมเล็กๆในสก็อตแลนด์ อย่างควีนส์ พาร์ค ในระดับดิวิชั่น 4 ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายที่หนักพอสมควร
การเป็นนักเตะฝึกหัด ส่งผลให้ โรเบิร์ตสัน ไม่มีเม็ดเงินรายได้ตามที่ควรจะเป็น เขาจึงต้องทำงานพิเศษในร้านเสื้อผ้าอย่าง “มาร์คส แอนด์ สเปนเซอร์” ทั้งหมดนั้น เพื่อแลกกับเงินเพียงน้อยนิด แต่นั่นเปรียบเหมือนการเก็บหอมรอมริบ และยังเป็นการฝึกความอดทนไปในตัวด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ โรเบิร์ตสัน ยังพยายามหาเงินอย่างต่อเนื่อง หากอะไรที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินมายังชีพได้แล้ว เขาพร้อมลงมือทำอย่างไม่ลังเล และไม่มีข้อแม้ ชีวิตของเขาก็เดินหน้าต่อไปให้ได้
นอกจากนี้ เขายังมีหน้าที่การทำงานในสนาม “แฮมป์เดน พาร์ค” ซึ่งเป็นรังเหย้าของ ควีนส์ พาร์ค เอฟซี โดยรับหน้าที่เป็นเด็กขายตั๋ว ถือเป็นความยากลำบากที่ต้องฝ่าฟันในช่วงเวลาเดียวกัน
โรเบิร์ตสัน ย้อนความทรงจำว่า “ผมต้องทำงานเป็นคนรับโทรศัพท์ เพื่อรับการจองตั๋วแบบพิเศษ สำหรับอีเวนท์ใหญ่”
“ผมเป็นคนรับจองตั๋ว เช่นคอนเสิร์ตของทาง ร็อบบี้ วิลเลี่ยมส์ เช่นเดียวกับฟุตบอลถ้วยรอบชิงชนะเลิศ รวมปถึงเกมที่ทีมชาติสก็อตแลนด์ ลงเตะ สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องราวที่ดี แม้ว่าสุดท้ายแล้ว ผมจะได้รับเงินค่าจ้าง 5-6 ปอนด์ต่อชั่วโมงก็ตาม”
หลังจากนั้น โรเบิร์ตสัน สามารถที่จะก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ของ ควีนส์ พาร์ค เอฟซี เป็นผลสำเร็จ กระทั่งย้ายมาอยู่ทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่างดันดี ยูไนเต็ด ตามมาด้วยทีมจากเกาะอังกฤษ อย่างฮัลล์ ซิตี้
แน่นอนว่า ทำให้คุณภาพชีวิตนอกสนามของเขาดีขึ้นตามลำดับ ทั้งหมดเกิดมาจากความพยายาม โดยเฉพาะการพิสูจน์ตัวเองซึ่งเงินค่าเหนื่อยก่อนแรกๆ ที่โรเบิร์ตสัน ได้รับจากพลพรรค "เดอะ ไทเกอร์ส" เขานำไปซื้อบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัวทันที
โดยเขาบอกว่า อยากตอบแทนครอบครัว เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะนี่คือกลุ่มคนที่สนับสนุนเขามาตลอด หรือตั้งแต่ยังไม่มีอะไร ขณะที่นอกสนาม เขายังทำความดี ด้วยการสนับสนุนโครงการธนาคารอาหารเป็นประจำด้วย
ขณะที่ผลงานในสนาม เขาต้องผ่านประสบการณ์ที่แสนเลวร้าย จากการสัมผัสกับการตกชั้น จนต้องหล่นลงไปเล่นลีกเดอะ แชมเปี้ยน ชิพ กับ ฮัลล์ ซิตี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้น กลับช่วยหล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขึ้น และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาหาในชีวิต
เหลือเชื่อมากว่า โรเบิร์ตสัน ใช้เวลาเพียงแค่ 7 ปี จัดการพลิกโชคชะตา และชีวิตของตัวเอง จากเด็กที่เคยเล่นลีกระดับล่างในบ้านเกิด พร้อมกับต้องทำงานในซูเปอร์ มาร์เก็ต และรับบทบาทเป็นเด็กขายตั๋ว ก่อนจะนำมาสู่นักเตะของสโมสรที่ได้ขึ้นชื่อว่าตกชั้นจากลีกสูงสุด
จนมาวันนี้ เขาเป็นแบ็คซ้ายระดับโลก ที่มีดีกรีเป็นถึงกัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์, แชมป์แห่งเกาะอังกฤษ และจ้าวแห่งยุโรป โดยราคาค่าตัวของเขาถูกประเมินเอาไว้สูงมาก ซึ่งเขากล่าวว่า พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวความสำเร็จต่อไป โดยมีความยากลำบากในอดีตเป็นแรงผลักดันชั้นดี
