:::     :::

VAR มาเพื่อช่วย ?

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,555
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้นะครับ ที่พรีเมียร์ลีกจบลงด้วยความดราม่าและปัญหาของ VAR และเกมเมื่อคืนนี้ก็เป็นอีกครั้งครับ ที่ลิเวอร์พูลทำแต้มหล่นไปเพราะการตัดสินของ VAR จนตอนนี้หลายๆ คนออกมาตั้งคำถามกันแล้วว่า พรีเมียร์ลีกนั้นควรใช้ VAR จริงหรือไม่ ? แต่ถึงอย่างไรนั้น การทำแต้มหล่นไปก็ไม่ใช่ความผิดของ VAR แต่เพียงอย่างเดียวครับ พวกเขาเองก็มีส่วนที่ทำให้เกมนี้ไม่เป็นไปอย่างที่คิดเหมือนกัน



แย่ที่ตัวเอง


          นัดนี้เป็นอีก 1 นัดครับที่ลิเวอร์พูลเล่นได้อย่างย่ำแย่และน่าอึดอัดจริงๆ ...  เนื่องจากปัญหาโปรแกรมการแข่งขันที่ออกมาถี่เหลือเกิน ทำให้เจอร์เก้น คล็อปป์ต้องมีการสลับสับเปลี่ยนนักเตะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ นั่นทำให้คล็อปป์ต้องพักผู้เล่นตัวหลักอย่างมาเน่ , เฮนเดอร์สันไว้ข้างสนาม และเข็นเอา เนโก วิลเลี่ยม นาธาเนียล ฟิลลิปส์์ , ทาคุมิ มินามิโนะ ลงสนามตั้งแต่เริ่มเกม และต้องยอมรับตามตรงครับ ว่าในผู้เล่นที่สลับสับเปลี่ยนลงมานี้ มีนาธาเนียล ฟิลลิปส์คนเดียวเท่านั้นที่สอบผ่านในเกมนี้ ทาคุมิ มินามิโนะนั้นยิ่งอยู่ไปนานๆ เขายิ่งทำให้รู้ว่า ระดับการเล่นของเขามันยังไม่ถึงชั้นของการลงเล่นเป็นตัวจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ... เขาไม่มีความแข็งแกร่ง , ไม่มีความเร็ว , ไม่มีแรงปะทะ และเกมนี้เขาเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้แดนกลางของลิเวอร์พูลทำเกมไม่ได้อย่างที่เคยทำได้จริงๆ ครับ ถ้าเขายังไม่ยกระดับตัวเองขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดละก็ เราอาจจะได้เห็นเขาในถิ่นแอนฟิลด์เป็นปีสุดท้ายแล้วจริงๆ ก็ได้ครับ เพราะเท่าที่เห็นนั้นเขายังดีไม่พอสำหรับลิเวอร์พูลจริงๆ ส่วนเจ้าหนูเนโก วิลเลี่ยมนั้น ..... นี่คือ ช่วงเวลาที่น่าเห็นอกเห็นใจเขาอย่างยิ่งครับ มันเป็นช่วงเวลาที่เขาฟอร์มตก และสภาพจิตใจก็ย่ำแย่เสียจนไม่เหมาะสมที่จะส่งลงสนามจริงๆ แต่ด้วยเหตุผลด้านตัวผู้เล่นดังกล่าวนั่นแหละครับ ทำให้คล็อปป์จำเป็นต้องเข็นดาวรุ่งคนนี้ลงสนาม แย่ยิ่งลงเล่น ผลลัพพ์กลับยิ่งเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ เนโกนั้นเล่นได้ย่ำแย่เอามากๆ เกมรุกก็ไม่กล้าเล่นไม่ดุดันเหมือนตอนขึ้นมาใหม่ๆ ในเกมรับยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก ซึ่งเขาเป็นคนทำให้ทีมเสียจุดโทษจากการเข้าสกัดบอลที่โฉ่งฉ่างมากๆ แม้ลิเวอร์พูลจะรอดพ้นจากการโดนขึ้นนำ แต่เจ้าหนูเนโก นั้นจิตใจเตลิดเปิดเปิงไปไกลแล้วครับ จนสุดท้ายคล็อปป์ต้องเปลี่ยนตัวออกไปตอนพักครึ่ง


          รูปแบบการเล่นของลิเวอร์พูลเกมนี้ก็ย่ำแย่จริงๆ ครับ แม้ว่าจะเอาเฮนโด้ และมาเน่ลงมาในครึ่งหลังแล้ว แต่ด้วยสภาพร่างกายของทั้งทีมที่ดูจะกรอบไปหมด ทำให้พวกเขาเร่งตัวเองแทบไม่ขึ้นจริงๆ  ยังดีที่ได้รับอานิสงส์มาจากฟอร์มอันร้อนแรงของดิโอโก้ โชต้ามาช่วยไว้ ทำให้ลิเวอร์พูลปลดล๊อกขึ้นนำและชิงความได้เปรียบได้ก่อน ประตูนี้ทำให้ทั้งนักเตะและกองเชียร์โล่งใจแบบสุดๆ เพราะเกมนี้รูปเกมของลิเวอร์พูลนั้นชวนอึดอัดเสียจริงๆ และพอขึ้นนำสำเร็จพวกเขาก็มีโอกาสที่จะทิ้งห่างออกไปได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ ซึ่งนั่นก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจนได้ครับ





แย่ที่การตัดสิน

  

          นัดนี้ต้องยอมรับกันจริงๆ ครับว่านอกจากลิเวอร์พูลนั้นทำผลงานได้ไม่ดีพอเองแล้ว การตัดสินของกรรมการและ VAR ก็ไม่เข้าข้างพวกเขาเอาเสียเลย ลิเวอร์พูลนั้นต้องมาโดน VAR ตัดสินให้เสียจุดโทษจากจังหวะที่แอนดี้ โรเบิร์ตสันหวังจะเคลียร์บอล แต่ในจังหวะนั้นแดนนี่เวลเบ็คถึงบอลก่อนทำให้ร๊อบโบ้หวดไปโดนฝ่าเท้าของเวลเบ็คจริงๆ  ซึ่งจริงๆ แล้วในจังหวะนี้กรรมการก็ปล่อยให้เกมดำเนินต่อไปพักใหญ่แล้วครับ แต่เป็นทางทีมงาน VAR แจ้งมาให้ผู้ตัดสินไปดูในจังหวะดังกล่าว ว่าอาจจะเป็นจุดโทษได้ และสุดท้ายกรรมการก็ตัดสินให้เป็นจุดโทษเมื่อเห็นภาพช้าดังกล่าว และเป็นปาสกาล กรอส รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาดให้ทีมตามตีเสมอ 1-1 และก็จบเกมไปด้วยสกอร์นี้เลย  นั่นทำให้เกิดประเด็นดราม่าครั้งใหญ่ในโลกลูกหนังครับ ว่ากันตามข้อเท็จจริงถ้าถามว่าจังหวะนั้นร๊อบโบ้ ได้ไปหวดเวลเบ็คจริงไหม ก็ต้องตอบแบบขัดใจกันล่ะครับ ว่ามันก็หวดโดนจริงๆ และตามกฏก็คือ มันก็ต้องเป็นจุดโทษจริงๆ นั่นแหละ แต่ในเคสนี้มันมองได้หลายมุมมากๆ ครับ ว่ามันสมควรไหมที่ VAR จะมาย้อนดูหลังเหตุการณ์ที่กรรมการเองก็ปล่อยผ่านไปแล้วไม่ได้ตัดสินว่าเป็นการฟาวล์แต่อย่างใดแบบนี้  และในจังหวะดังกล่าวถ้ามองกันจริงๆ มันก็ออกจะก้ำกึ่งเหมือนกัน ถ้าในจังหวะนี้ทางฝั่งร๊อบโบ้ เป็นคนที่ร้องโอดโอย และกลิ้งลงไปนอน กรรมการอาจจะมองว่าเวลเบ็คเป็นฝ่ายฟาวล์ในฐานที่มายันใส่ร๊อบโบ้เองก็ได้ แต่พอมาเป็นแบบนี้กลับกลายเป็นว่าลิเวอร์พูลต้องเสียผลประโยชน์จากการตัดสินจาก VAR อีกแล้ว (ไม่ต้องรับลูกที่โดนยึดประตูคืนก็ได้เพราะค่อนข้างล้ำหน้าชัดเจนจริงๆ ) ทั้งนักกีฬา  ผู้จัดการทีม และนักวิจารย์ต่างๆ เริ่มตั้งประเด็นเกี่ยวกับ VAR ที่พรีเมียร์ลีกนำมาใช้มากขึ้นว่ามันเหมาะสมมากแค่ไหน และมันทำให้เกมฟุตบอลดีขึ้นหรือแย่ลงกว่าเดิมกันแน่




  
          การมี VAR มาช่วยตัดสินนั้น เป็นเรื่องที่ดีขึ้นอยู่แล้วแน่นอนล่ะครับ เพราะยังไงความถูกต้องก็ต้องมาก่อนความถูกใจอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้อาจจะมีคำถามตัวโตๆ กับพรีเมียร์ลีกเหมือนกัน ว่าการที่พวกเขานำ VAR มาใช้ในรูปแบบดังกล่าวนั้นมันถูกต้องแล้วจริงๆ หรือ ??? ทำไมลีกอื่นๆ ทั้งบุนเดส ลีกา , กัลโช่ เซเรีย อา หรือ
กับรายการใหญ่ๆ อย่าง UCL มันก็ไม่เห็นจะมีดราม่า หรือ ประเด็นอะไรมากมายขนาดนี้ การที่มีทีมงาน VAR มานั่งจ้องจับทุกจังหวะแบบนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของพรีเมียร์ลีกหรือไม่  และถ้ามันเป็นแบบนั้นสรุปสุดท้ายตกลง VAR นั้นทำมาเพื่อช่วยผู้ตัดสิน หรือผู้ตัดสินเป็นเพียงผู้ช่วยของคนที่คุม VAR กันแน่ พวกเขาอาจจะต้องกลับมาทบทวนหรือปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างเร่งด่วนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะครับ ก่อนที่ VAR จะกลายเป็นผู้ร้ายของวงการฟุตบอลไปซะก่อน

          ผมเชื่อว่าไม่มีใครคิดว่า VAR ไม่ดีหรืออยากกลับไปเป็นยุคที่ไม่มี VAR หรอกครับ เพียงแต่เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแล้ว ก็ต้องใช้ให้มันถูกต้อง ให้มันเกิดประโยชน์สูงสุด  การมี VAR นั้นหน้าที่ของมันคือการ “ช่วยกรรมการตัดสิน” ครับ เพื่อให้ทุกคนไขข้อกระจ่างและหายสงสัยในจังหวะต่างๆ ที่เกิดในเกม ไม่ใช่ว่ายิ่งใช้ VAR ยิ่งทำให้เกิดคำถาม เกิดข้อสงสัยอย่างในปัจจุบันนี้ .....

          ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้ล่ะครับ นอกจากยอมรับ 1 คะแนนที่ได้มาพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเดินหน้าสู้กันต่อไปกับกฏ VAR ที่บ้าๆ บวมๆ ในตอนนี้นั่นแหละ  ......

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด