:::     :::

ทำไม อาซาร์ เจ็บบ่อย ?

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แจ้งเพื่อทราบว่า เอแดน อาซาร์ เจ็บอีกแล้วนะครับ เผื่อคุณผู้อ่านยังไม่ทราบ หรือยังหลงคิดว่ายังอยู่ในช่วงรักษาตัวจากโควิด-19 อยู่ หนนี้เป็นอาการเจ็บกล้ามเนื้อซึ่งได้รับมาจากเกมกับ อลาเบส จนต้องเปลี่ยนตัวออกจากสนาม หลังผ่านไปได้แค่ 28 นาที

ผลการตรวจออกมาเรียบร้อย ไม่ใช่อาการเจ็บที่ซีเรียสมากนัก เจ้าตัวต้องพักราว 3 สัปดาห์ แต่ก็ต้องชวดเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค (คืนวันอังคาร) รวมถึงเกมสำคัญใน ลา ลีกา ทั้งกับ เซบีย่า และ ‘เอล เดร์บี้ มาดริเลนโญ่’ กับ แอต.มาดริด 


เจ็บหนนี้ นับเป็นความเสียหายต่อทีมและก็ต่อตัวของ อาซาร์ เอง เพราะเวลานี้ เรอัล มาดริด กำลังประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายต่อหลายคน การคัมแบ็กของ อาซาร์ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทำให้ทีมคาดหวังว่าอย่างน้อยๆก็ยังมีเขาช่วยเหลือทีม แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น 

นับแล้ว นี่เป็นอาการเจ็บครั้งที่ 3 ในฤดูกาลนี้ ได้ลงเล่น 6 จาก 14 เกม รวมระยะเวลารักษาตัวทั้งสิ้น 70 วัน และเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่เซ็นสัญญาย้ายมาจาก เชลซี เมื่อฤดูกาล 2019-20


ผมอ่านคอมเมนท์แฟนๆในเพจตัวเองแล้ว (เจมส์ ลา ลีกา) มีมากทีเดียวที่แสดงมุมมองในทำนองฟันธงว่า อาซาร์ นั้นล้มเหลวกับ มาดริด, สโมสรควรขายทิ้งได้แล้ว หรือบางคนเลิกคาดหวังในตัวดาวเตะเบลเยี่ยมนานแล้ว อยู่หรือไม่อยู่ก็แทบไม่มีผลอะไรต่อทีม เพราะฟอร์มก็ยังไม่ดีอะไร 

กับอาการเจ็บของ อาซาร์ คงต้องยอมรับว่ามันบ่อยเสียจนน่าหงุดหงิดจริงๆนั่นแหละ ยิ่งรวมกับตัวเลขเมื่อฤดูกาลที่แล้วยิ่งเห็นได้ชัด ซึ่งก็ตามมาด้วยคำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า ทำไม อาซาร์ ที่ มาดริด กับ อาซาร์ ที่ เชลซี ถึงได้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว 

ที่ เชลซี นั้น อาซาร์ ค้าแข้งด้วยเป็นเวลา 7 ปี เขาพลาดการลงสนามเพราะอาการบาดเจ็บเพียง 20 เกมเท่านั้น ทว่าที่ เรอัล มาดริด ระยะเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง เขาพลาดลงเล่นไปแล้วทั้งสิ้น 37 เกม !!  



เพราะอะไร ? มันเกิดอะไรขึ้น ?  อะไรคือความแตกต่าง ? 

คริส ฟาน กรอมบรูช หัวหน้าทีมแพทย์ของทีมชาติเบลเยี่ยมได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่รันต่อเนื่องเป็นซีรีส์ของเพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งซึ่งซีซั่นนี้ประเดิมด้วยอาการเจ็บข้อเท้าและมาหนล่าสุดเจ็บกล้ามเนื้อโดยชี้ว่า ‘สาเหตุนั้นมาจากความเครียด’ 

“เอแดน ต้องการดึงศักยภาพของร่างกายตัวเองออกใช้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อเรียกฟอร์มในสนามกลับคืนมา แต่มันเกินขีดจำกัดที่ร่างกายจะรับไหว” 

“มีความคาดหวังมหาศาลต่อตัวเขาที่ มาดริด และ เอแดน ก็พยายามที่จะรับมือกับมัน แม้ภายนอกจะแสดงออกอย่างสนุกสนานและเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตามไม่ว่าใคร รวมถึงตัวเขาก็ต้องเผชิญกับความเครียดด้วยเช่นกัน”

“ความเครียดสามารถส่งผ่านไปยังกล้ามเนื้อได้ เวลานี้ผมคิดว่าความตึงของกล้ามเนื้อของเขามีมากกว่าปกติ, สิ่งที่ อาซาร์ ทำในตอนนี้จะทำให้เขาเป็นนักเตะที่สามารถเจ็บได้ง่าย” 

“เอแดน พูดอยู่เสมอว่าผมต้องการทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อแฟนบอลของผม เพื่อ (โรเบร์โต้)มาร์ติเนซ, เพื่อ ซีดาน...เขาต้องการอยู่ในสภาพพร้อมลงเล่นเสมอ ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นการสร้างความกดดันให้กับตัวเขาเอง” 

“สิ่งนี้เราไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก แต่ เอแดน ก็เป็นแค่คนๆนึง เขาต้องการรีดศักยภาพจากร่างกายออกมาให้ได้สูงสุดเพื่อทุกคน” 


จากมุมมองของ ด็อกเตอร์กรอมบรูช ชี้ให้เห็นว่าสาเหตุที่มาของอาการบาดเจ็บส่วนนึงนั้นมาจากความเครียด แต่ดูเหมือน ซีดาน จะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก

“สภาพจิตใจน่ะหรือ ? ไม่, เขาแข็งแกร่งมาก อาซาร์ อาจรู้สึกแย่ แต่อาการบาดเจ็บก็เกิดขึ้นกับนักเตะส่วนใหญ่ภายในทีม เขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง ผมไม่มีความสงสัยในตัว อาซาร์ แม้แต่น้อย ผมหวังว่าเขาจะกลับมาอยู่กับเราในเร็ววัน”  ซีดาน พูดในวันแถลงข่าวก่อนเกมกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 


ครับ ซีดาน คือหนึ่งในคนที่ใกล้ชิดกับ อาซาร์ ที่สุด ทั้งคู่ทำงานร่วมกันในทุกวัน กระนั้นความเห็นของ ด็อกเตอร์กรอมบรูช ผมเองก็คิดว่ามองข้ามไม่ได้เช่นกัน เพราะเขาคือหมอประจำทีมชาติเบลเยี่ยม ทั้งยังเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้ 


จากประสบการณ์พูดคุยกับนักเตะระดับอาชีพ คนนึง (เคยเล่นลีกระดับ top 5 ของโลก) เขาบอกผมว่า นักฟุตบอลเวลาได้รับบาดเจ็บแล้ว มันมีความเครียดอยู่ในนั้น 

อันดับแรกเลย เวลาเจ็บ นักฟุตบอลทุกคนต้องทำงานหนักขึ้น 

หนักขึ้นอย่างไร ? คือนอกจากจะต้องเข้ารับการรักษาส่วนที่บาดเจ็บแล้ว ส่วนอื่นของร่างกายที่ไม่ได้เจ็บก็ต้อง maintain ด้วยเช่นกันเพื่อรักษาสภาพความฟิตเอาไว้ ซึ่งหากใครเจ็บยาว เช่นกรณีของ ฟานไดค์ ที่ต้องพัก 7-8 เดือน เขาจะต้องทำเช่นนี้ทุกวันๆ โดยไม่มีทางลัดใดๆ นอกจากอดทนสถานเดียว 


สำหรับนักฟุตบอลแล้ว การที่ตัวเองเจ็บ แล้วต้องนั่งดูเพื่อนเล่นนั้นมันสามารถเกิดความเครียดได้ง่าย ตรงส่วนนี้ ดาเนี่ยล การ์บาฆาล เองก็เคยพูดเอาไว้ว่าตอนที่เขาเจ็บและเห็นเพื่อนวิ่งในสนามมันเป็นความรู้สึกที่แย่จนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลย


เราๆท่านๆอาจจะเคยเล่นกีฬาแล้วประสบปัญหาบาดเจ็บ อาจจะรู้สึกว่ามันก็เจ็บแต่ก็ไม่ได้เครียดอะไร ก็รักษาไปตามอาการ ทว่าเราไม่ได้ใช้กีฬาหาเลี้ยงตัวเอง ซึ่งผมว่ามันเทียบที่ไม่ได้กับนักกีฬาอาชีพที่ร่างกายทุกส่วนของเขามีความสำคัญมากกว่าแค่ใช้งานตามหน้าที่ 

เวลาเจ็บ มันมีความอยากเล่น ไม่ได้เล่นมันก็เครียด เพราะลำพังแค่ลงไปเล่นแล้วทำผลงานได้ไม่ดีนี่ก็เครียดแล้ว 

เวลาเจ็บ มันจะมีความกังวล บางคนจิตตก เอาแต่ครุ่นคิดว่าเมื่อไหร่จะหาย จะทำยังไงต่อไป จะกลับมาได้เมื่อไหร่ 

ชีวิตของนักเตะบาดเจ็บมันเหมือนวนอยู่ในลูปเดิมๆที่แสนน่าเบื่อ ต้องมาเทสต์ร่างกายกับแพทย์ทุกวัน เพราะหมอก็อยากรู้ว่าวิธีการรักษาที่ใช้นั้นได้ผลหรือไม่ ต้องเทสต์ว่าส่วนที่เจ็บว่าดีขึ้นหรือเปล่า


แล้วเมื่อหายกลับมา ทุกคนย่อมอยากที่จะเล่นให้ดี หรือทำให้ได้ตามมาตราฐานเดิมที่เคยทำไว้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกนั่นแหละ มันยากที่จะกลับมาเล่นได้ดีในทันที เพราะร่างกาย รวมถึงจิตใจส่วนใหญ่ต้องการเวลาในการปรับสภาพ 

กับกรณีของ อาซาร์ เขาเคยสร้างมาตราฐานไว้สูงมากในการเล่นกับ เชลซี เมื่อบวกกับการย้ายมายัง เรอัล มาดริด ด้วยราคา 100 ล้านยูโร มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้สึกถึงความกดดัน

ยิ่งทำมาตราฐานไว้สูงแค่ไหน การกลับมาในแต่ละครั้งของ อาซาร์ มันจึงไม่ใช่แค่การกลับมาลงสนามธรรมดา ตรงนี้สามารถทำให้เกิดความเครียดได้ 


ส่วนที่ว่าจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อหรือไม่ ในทางการแพทย์นั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง 

จากบทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า เมื่อเรารู้สึกวิตกกังวลหรือมีความกลัวเกิดขึ้น ร่างกายของเราจะตกอยู่ในภาวะที่มีความเครียด ทันใดนั้นร่างกายจะมีการตอบสนองอย่างอัตโนมัติเกิดขึ้นทันที เช่น อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น อัตราการหายใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เลือดไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อมากขึ้น รวมถึงกล้ามเนื้อมีความตึงตัวเพิ่มขึ้น

หลายครั้งที่เราอาจสงสัยว่าทำไมเมื่อเราเผชิญกับความเครียด เราถึงมักมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อร่วมด้วย และยิ่งความเครียดคงอยู่เป็นระยะเวลานาน อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อก็จะรุนแรงตามเช่นเดียวกัน  


ครับ ผมว่าสิ่งที่ ด็อกเตอร์กรอมบรูช พูดนั้นมีเหตุมีผลทีเดียว มันอาจเป็นเหตุให้ อาซาร์ เจ็บง่ายกว่าเดิม เพราะตอนที่อยู่กับ เชลซี ถ้าว่ากันตามตรงแล้วเขาไม่ได้เป็นสตาร์ดังมาตั้งแต่แรก ความเครียด ความกดดัน การถูกจับตาในช่วงแรกๆ น้อยกว่า 

ส่วนเรื่องของอายุก็มีอาจมีผลอยู่บ้าง แต่กรณีนี้คงไม่มากนักเพราะ อาซาร์ เองก็ยังไม่ถึง 30 เลยด้วยซ้ำ 

อย่างไรก็ตามการเจ็บซ้ำซากของ อาซาร์ ถ้าจะมองอีกมุม ก็ไม่สามารถอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ได้เช่นกัน ของแบบนี้บางทีก็พูดยาก นักฟุตบอลไม่มีใครอยากเจ็บ แต่มันก็บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องมาเจอเหตุการณ์ซ้ำๆเดิมๆ 


บางทีเจ็บจากการปะทะ บางครั้งเจ็บขึ้นมาเอง มันเป็นส่วนนึงของจังหวะชีวิต ซึ่งผมว่าหลายคนก็คงเคยเจอ ความซวยที่อยู่ๆก็มาเยือนแบบไม่ทราบสาเหตุ แถมยังมาติดๆถี่ๆ 

ขณะที่วินัยในการใช้ชีวิตก็มีส่วนไม่น้อย ซึ่งจากภาพและข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ เราจะเห็นได้ว่ามีช่วงนึง อาซาร์ ปล่อยตัวเองจนอ้วนฉุเหมือนกัน ซึ่งนั่นคือส่วนนึงที่ทำให้เรามองว่ามันสร้างปัญหาในสนามให้กับเขาได้เหมือนกัน 


เจมส์ ลา ลีกา 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด