'เราต้องการทำผลงานในลา ลีกาให้ดีและเราจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อกลับมาสู่เส้นทางอีกครั้ง เราจะสู้เพื่อแชมเปี้ยนส์ลีกและโกปา เดล เรย์ด้วย' ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชียของ เรอัล มาดริด กล่าวก่อนเปิดรัง'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ทำศึก'เอล กลาซิโก้'กับคู่ปรับตลอดชาติอย่าง บาร์เซโลน่า ในวันเสาร์นี้
'ตอนนี้เรากำลังเล่นได้ดีและมีความสุขที่มีเกมใหญ่รออยู่ในช่วงก่อนคริสต์มาส เราต้องทุ่มกันสุดตัว'
'ความสามัคคีและการเล่นเป็นทีมคือสิ่งสำคัญสำหรับเกมนี้ เราจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันและไม่ยอมให้บาร์เซโลน่าฉีกหนีไปไกลกว่านี้'
ก่อนแมตช์'เอล กลาซิโก้'วันเสาร์นี้ เรอัล มาดริด มีคะแนนตามหลังจ่าฝูง บาร์เซโลน่า ถึง 11 แต้ม แม้จะมีโปรแกรมตกค้างกับ เลกาเนส อยู่ในมืออีกเกมก็ตาม แต่การพลาดท่าปราชัยต่อทัพอาซูลกราน่าคาถิ่น มันหมายถึงการถูกตัดออกจากสารบบการลุ้นแชมป์ลีกเมืองกระทิงซีซั่นนี้ไปโดยปริยายเพราะทีมชุุดขาวจะมีคะแนนตามหลังไกลสุดกู่ถึง 14 แต้ม!!!
แน่นอนว่าอดีตแข้งดาวดังของทีมยักษ์กาตาลุนย่าอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ ปรารถนาที่จะเห็นสถานการณ์มันเป็นแบบนั้น
'บาร์เซโลน่า แข็งแกร่งและกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่จะคว้าชัยชนะ (เอล กลาซิโก้) มันจะเป็นการตัดมาดริดออกจากเส้นทางการลุ้นแชมป์ทันที แม้ว่า เรอัล มาดริด จะเล่นกันไม่ดีนัก แต่ตอนนี้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้นกับการคว้าแชมป์สโมสรโลก'
มันจึงเป็นเกมสุดสำคัญของ เรอัล มาดริด ที่หมายถึงการ'อยู่'หรือ'ตาย'บนเส้นทางการป้องกันแชมป์ลีกาของพวกเขาก็ว่าได้
นี่นคือแมตช์'เอล กลาซิโก้'ครั้งที่ 236 จากทุกรายการที่ทั้งสองทีมพบกันและเป็นยกที่ 175 บนเวทีลีกา
เรอัล มาดริด มีสถิติเหนือกว่าเล็กน้อยหลังการเอาชนะทีมคู่ปรับสำคัญ 72 ครั้ง ขณะที่ บาร์เซโลน่า สยบคู่แข่ง 69 ครั้ง อีก 33 ครั้งลงเอยด้วยการเสมอ
ซีเนดีน ซีดาน พร้อมจะเดิมพันแบบหมดหน้าตักเพื่อสยบทีมเยือนจากแคว้นกาตาลุนย่าในวันเสาร์นี้
ซีดานเพิ่งนำทีมชุดขาวคว้าแชมป์รายการที่ 8 ในระยะเวลาการคุมทัพไม่ถึง 2 ปีหลังการสอยแชมป์'ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ'รายการล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นั่นคือการคว้าแชมป์ลีกา, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และ สโมสรโลกเวอร์ชั่น'ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ'ในปีเดียวกันครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1958
ทว่าทุกอย่างคงไร้ความหมายถ้าหากเด็กๆของซีดานพลาดท่าพ่ายทีมอาซูลกราน่าคารังในวันเสาร์นี้
เรอัล มาดริด ของซีดานเพิ่งโชว์ฟอร์มเลิศหรูต้อนตือเอาชนะ บาร์เซโลน่า ทั้งสองนัดบนเวทีสแปนิช ซูเปอร์ คัพ หรือ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังบุกสอยบาร์ซ่าถึง'คัมป์ นู'3-1 ก่อนเปิดถ้ำเบร์นาเบวย้ำชัยอีกดอกด้วยสกอร์ 2-0
แต่ตลอดช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
ทัพอาซูลกราน่าของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ปรับแต่งทีมจนมีความสมดุลทั้งรุกและรับ บาร์ซ่านั่งแท่นจ่าฝูงลีกาด้วยผลงานชนะ 13 เสมอ 3 จากการลงเล่น 16 เกมทิ้งอันดับ 2 แอตเลติโก มาดริด 6 แต้มและทิ้งมาดริดถึง 11 คะแนน
บาร์เซโลน่า ของบัลเบร์เด้ยังรักษาบริสุทธิ์ด้วยการไม่พลาดท่าปราชัยจากการลงเล่นทุกรายการ 24 เกมในฤดูกาลนี้ (16 นัดลีกา, 6 นัดแชมเปี้ยนส์ลีก, 2 นัดโกปา เดล เรย์) ยิงรวมกัน 59 ประตู เสียเพียง 8 ประตูเท่านั้น
ผลงานดังกล่าวเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าการสูญเสียดาวดังอย่างเนย์มาร์ไม่ส่งผลกระทบต่อทีมอาซูลกราน่าแม้แต่น้อย
ขณะที่ เรอัล มาดริด ของซีดานออกอาการเป๋ชัดเจนหลังการสอนเชิงทีมอาซูลกราน่าบนเวทีสแปนิช ซูเปอร์ คัพ ทีมชุดชาวพ่ายไปแล้ว 2 นัดบนเวทีลีกาต่อทีมต่ำศักดินากว่าอย่าง เรอัล เบติส คารังเบร์นาเบว 0-1 ก่อนพลิกพ่ายทีมน้องใหม่อย่าง คีโรน่า 1-2
ทีมชุดขาวของซีดานยังแพ้ สเปอร์ส บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกที่'เวมบลีย์ สเตเดี้ยม'1-3 และมีหลายเกมที่ทำผลงานน่าส่ายหัวโดยเฉพาะการเสมอทีมสมันน้อยอย่าง ฟวนลาบราด้า 2-2 บนเวทีโกปา เดล เรย์ ทั้งที่เล่นบนสังเวียนเบร์นาเบว
แต่มาดริดเริ่มฟื้นฟอร์มกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งคว้าแชมป์'ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ'เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาก่อนลงทำศึก'เอล กลาซิโก้'วันเสาร์นี้
ประเด็นสำคัญก่อนหน้าบิ๊กแมตช์ส่งท้ายปี 2017 มาจากแค้มป์ชุดขาวซึ่งมีการตั้งคำถามว่า ซีดาน จะเปิดทางให้แนวรุก'BBC'เบล-เบนเซม่า-คริสเตียโน่ ออกสตาร์ทพร้อมกันหรือไม่?
'BBC'แนวรุกระดับพระกาฬของมาดริดเคยเป็นที่หวั่นเกรงของแนวรับคู่แข่ง แต่พวกเขายังไม่มีโอกาสออกสตาร์ตพร้อมกันในซีซั่นนี้หลังสลับกันบาดเจ็บและติดโทษแบนจนยิงรวมกันเพียง 8 ประตูบนเวทีลีกาเท่านั้น
จากการเปิดเผยของสื่อเมืองกระทิงระบุว่า บัลเบร์เด้ มีขุมกำลังลงตัวสำหรับเกม'เอล กลาซิโก้'ในวันเสาร์นี้ เทรนเนอร์ชาวบาสโก้จะจัดทัพระบบ 4-4-2 โดยมี ลิโอเนล เมสซี่ ลงเล่นกองหน้าคู่ หลุยส์ ซัวเรซ ขณะที่ เปาลินโญ่ จะถูกส่งลงมาเติมความแข็งแกร่งในแดนกลางร่วมกับ อันเดรส อีเนียสต้า, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อีวาน ราคิติช
ขณะที่ เรอัล มาดริด ยังมีเครื่องหมายคำถามว่าซีดานเตรียมแผนรับมือทีมอาซูลกราน่าอย่างไร? แกเร็ธ เบล จะได้ออกสตาร์ตหรือไม่?
อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่าเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสจะปรับหมากสำหรับเกม'เอล กลาซิโก้'แน่ ทว่าอาจไม่เลือก เบล ลงตัวจริง แต่อาจเป็น มาเตโอ โควาชิช เพื่อส่งมิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชียลงประกบเมสซี่เป็นเงาตามตัวนั่นเอง
ปาโบล มาชิน เทรนเนอร์ของ คีโรน่า เคยส่ง ปาโบล มาฟเฟโอ ตามหายใจรดต้นคอเมสซี่ในเกมลีกาบนสังเวียนมอนตีลีบี ซึ่งมีส่วนทำให้ซุปตาร์อาร์เจนไตน์เล่นด้วยความยากลำบากตลอดทั้งเกม แม้มันจะไม่สามารถช่วยให้ทีมน้องใหม่รอดพ้นการปราชัยก็ตาม แต่ซีดานอาจก็อปปี้แผนดังกล่าวมาใช้งานด้วยการมอบหน้าที่ตามประกบเมสซี่ให้โควาชิช
นั่นหมายความว่าซีดานอาจต้องสละการเล่นเกมรุกด้วยการดร็อป อีสโก้ อาลาร์กอน เป็นตัวสำรอง ส่วน แกเร็ธ เบล คงต้องเริ่มต้นที่ม้านั่งข้างสนามเช่นเดียวกัน
ความหวังสูงสุดของทัพ'โลส บลังโกส'ยังคงอยู่ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แม้เขาเพิ่งยิงได้เพียง 4 ประตูบนเวทีลีกาก็ตาม แต่ซุปตาร์ชาวโปรตุกีสกระทุ้งรวมกันทุกรายการ 16 ประตูจาก 21 เกมน้อยกว่า เมสซี่ เพียง 2 ประตู หลังซุปตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ซัด 18 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 24 นัด
หากนับผลงานตลอดปี 2017 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาจดูเหลื่อมกว่าเล็กน้อย แม้สองกองหน้าดาวดังจะยิงได้ตลอดศก 53 ประตูเท่ากัน แต่ คริสเตียโน่ ลงเล่นน้อยกว่า เมสซี่ 59 กับ 63 เกม มีค่าเฉลี่ยยิง 1.05 กับ 0.91 ประตูต่อนัด
ทั้งคู่ยังมีบทบาทสำคัญต่อทีมต้นสังกัดไม่ต่างจากเดิม โรนัลโด้ มีส่วนช่วยให้มาดริดชนะ 75.3% เมื่อมีเขาลงสนาม ขณะที่เมสซี่ช่วยนำชัยชนะสู่ต้นสังกัด 75.6%
เมื่อ โรนัลโด้ ยิงประตูได้จะช่วยมาดริดชนะถึง 89.5% ขณะที่ เมสซี่ ช่วยให้บาร์ซ่าคว้าชัยเมื่อยิงประตูได้ 88.9%
แมตช์'เอล กลาซิโก้'วันเสาร์นี้จะเป็นการดวลกันระหว่าง โรนัลโด้ กับ เมสซี่ ยกที่ 34 ซึ่งฝ่ายแรกยิง 18 ประตู ขณะที่ฝ่ายหลังยิง 20 ประตู โรนัลโด้ เป็นฝ่ายชนะ 10 ครั้ง เลโอ ชนะ 15 ครั้ง ส่วนอีก 8 ครั้งลงเอยด้วยผลเสมอ
ส่วนเกมเดิมพันฤดูกาลของ เรอัล มาดริด จะลงเอยในแบบที่สาวกมาดริดิสต้าต้องการหรือไม่นั้น อีกไม่นานเราคงจะทราบกัน...
