:::     :::

จิตวิญญาณที่กลับคืน

วันจันทร์ที่ 07 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,415
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สถานการณ์โควิท 19 ที่ผ่านมาทำให้โลกทั้งใบนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในช่วง1 ปีที่ผ่านมาหลายอย่างไม่เว้นแม้แต่โลกของฟุตบอล เจ้าโรคนี้ทำให้เราต้องดูบอลแบบ "แห้งๆ" หรือเรียกว่า "ดูแก้ขัด" มาหลายเดือนทีเดียว แต่ตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นครับ และทำให้นัดนี้เป็นครั้งแรกที่ เสียงเชียร์ของแฟนบอลจะเป็น "ของจริง" อีกครั้ง และนั่นคือการ คืนชีวิตชีวาให้กับฟุตบอลได้เป็นอย่างดีครับ โดยเฉพาะสถานที่ที่เรียกว่า "แอนฟิลด์"




คึกคัก


          แม้ว่าจะมีแฟนบอลที่ได้รับอนุญาตเข้ามาในสนามแค่ 2,000 เท่านั้น แต่ไม่ได้อวยกันจนเกินเลยครับว่า เรื่องการเชียร์นั้นแฟนลิเวอร์พูลนั้นค่อนข้างพิเศษและไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ที่แอนฟิลด์แห่งนี้ แม้มีคนเพียงแค่ไม่ถึง 10% ของสนามแต่ก็ช่วยกันส่งเสียงและสร้างบรรยากาศให้กับทีมได้อย่างมากโขเลยจริงๆ ประกอบกับตอนนี้สถานการณ์ในทีมของลิเวอร์พูลก็เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับครับ ปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะก็เริ่มมีทยอยกลับมากันเรื่อง ทั้งเทรนท์ อาโนลด์ , นาบี เกอิต้า เกมนี้ก็กลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองได้อีกครั้ง และยิ่งกว่านั้น คือ พี่ใหญ่เฟอกิล ฟาน ไดค์ก็อาการดีขึ้นเริ่มทำกายภาพบำบัดแล้ว และมานั่งชมในเกมนี้ด้วย ปํญหาฟอร์มการเล่นของผู้เล่นตัวจริงก็ดีขึ้นมากเหมือนกัน เมื่อบรรดาผู้เล่นดาวรุ่งต่างทำผลงานได้ดีและสามารถทดแทนการขาดหายไปของผู้เล่นตัวจริงได้อย่างไม่เคอะเขินนัก  ตำแหน่งผู้รักษาประตูก็ได้ ควีวีน เคลเลเฮอร์ ทะลุขึ้นแซงอาเดรียนขึ้นมาอย่างสุดเซอร์ไพรซ์ และมีแนวโน้มว่าเขาจะสร้างความอุ่นใจได้มากกว่าโกล์จอมเก๋าชาวสเปนเสียอีก เนโก วิลเลี่ยม ก็เพิ่งสร้างผลงานที่ดีมาในนัดก่อนหน้านี้ ซึ่งก็น่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าตัวได้มากขึ้น ส่วนเคอร์ติส โจนส์นั้นแทบไม่มีอะไรต้องห่วงอยู่แล้ว แม้แต่เฮนโด้เองยังชมเจ้าหนูคนนี้ว่า เขาเล่นเหมือนเป็น 1 ในผู้เล่นชุดใหญ่ที่เล่นด้วยกันมานาน เขามีความเข้าใจเกมและเล่นกับรุ่นพี่ในทีมได้อย่างไร้รอยต่อจริงๆ  นั่นทำให้ผู้เล่นลิเวอร์พูลหายใจหายคอได้คล่องขึ้นมากพอสมควรจากผลงานของดาวรุ่งเหล่านี้  และการที่มีแฟนบอลมาชมเกมในสนามจริงเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนแบบนี้ นั่นทำให้ลิเวอร์พูลนั้นคึกคักอย่างมากจริงๆ ครับที่จะทำผลงานเป็นของขวัญต้อนรับการกลับมาให้กองเชียร์เดอะ ค๊อปแบบนี้ครับ





หมาป่า ไม่เหมือนเดิม


          วูล์ฟส์แฮมตัน วันเดอร์เรอร์ เป้นทีมที่สุดเซอร์ไพรซ์ประจำฤดูกาลที่แล้วเลยก็ว่าได้ครับ เกมรุกของพวกเขาเฉียบคม รวดเร็ว และแข็งแกร่งเป็นอันดับท๊อปๆ ของลีกเลยก็ว่าได้  แต่ในฤดูกาลนี้นั้นพวกเขาเหมือนหาฟอร์มเก่งไม่เจอครับ สาเหตุหลักๆ ก็น่าจะมาจากการฟอร์มตกขออดามา ตราโอเร่ นั่นแหละครับ ปีนี้เขาโดนประกบเป็นพิเศษจากทีมตรงข้าม และถูกศึกษารูปแบบการเล่นมาอย่างละเอียดจากคู่แข่งทีมตรงข้าม นั่นทำให้เขานั้นเล่นได้ยากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัวเลย ประกอบกับการหายไปของคู่หูอย่าง ราอูล ฆิมิเนส และ ตัวจบสกอร์ชั้นดีอย่าง ดิโอโก้ โชต้า ที่ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูล ทำให้เกมรุกของพวกเขาปีนี้นั้น ฝืดเคืองขึ้นอย่างมากจริงๆ แต่ในเกมนี้พวกเขาก็ยังพอหาโอกาสทำประตูได้เรื่อยๆ ครับ และน่าจะขึ้นนำไปก่อนด้วยซ้ำ จากดาเนี่ยล โปรเดนซ์ ทึี่บรรจงชิพจากระยะไกลหวังว่าจะให้ย้อยเสียบเสาไกล ซึ่งบอลกำลังจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่  เคลเลเฮอร์ ก็ยังไวพอที่จะถอยหลังไปปัดทิ้งไปได้อย่างยอดเยี่ยม !!! ตอนนี้เชื่อว่า ตำแหน่งโกล์มือสอง น่าจะถูกเปลี่ยนมืออย่างถาวรแน่นอนแล้วล่ะครับ เพราะจริงๆ จะว่าไปแล้ว  เคลเลเฮอร์ นั้นมีดีกว่าอาเดรียนแทบทุกอย่างจริงๆ ทั้งเรื่องการออกมาตัดบอล ที่ก็ทำได้ดีมากๆ ใน 2 เกมนี้ที่เขาได้รับโอกาสลงสนาม และที่เหนือกว่าโกล์รุ่นพี่อย่างเห็นได้ชัดคือ ไอ้หนุ่มหน้าหล่อคนนี้เป็นผู้รักษาประตูที่ใช้เท้าได้ดีกว่าอาเดรียนเยอะมากจริงๆ ครับ จะเห็นได้ว่าเพื่อนร่วมทีมกล้าที่จะส่งบอลคืนเขาได้อย่างไม่ลังเล และเจ้าตัวก็ไม่มีจังหวะเก้ๆ กังๆ ในจังหวะการใช้เท้าเล่นกับลูกบอลเลย และด้วยอายุการใช้งานที่เหลือเยอะกว่ากันมากขนาดนี้ เห็นทีอาเดรียนอาจจะต้องยอมรับสภาพมือ 3 ไม่ก็หาทีมใหม่แล้วล่ะครับ และนอกเหนือจากแนวรุกแล้ว เกมรับของวูล์ฟส์เองก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไรนัก และเป็นฝ่ายพลาดเองจากจังหวะที่คัวดี้ พักบอลห่างไปเข้าทางซาล่าห์ยิงเสียบเสาเข้าไปง่ายๆ ทำให้ลิเวอร์พูลที่ดูเหมือนยังปะติดปะต่อเกมได้ไม่เข้าที่เท่าไร ขึ้นนำไปก่อนซะอย่างนั้น






VAR ช่วยชีวิต!


          ลิเวอร์พูลเองมีปัญหากับ VAR ในฤดูกาลนี้หลายต่อหลายครั้งจริงๆ ครับ และแทบจะทุกครั้งฝ่ายที่เสียผลประโยชน์มักจะเป็นลิเวอร์พูลเสียด้วยสิ แต่เกมนี้ไม่เป็นแบบนั้นครับ เมื่อจังหวะลูกเตะมุม ที่ลิเวอร์พูลเคลียร์กันไม่ขาด ทำให้บอลลอยโด่งอยู่ในกรอบเขตโทษ นั่นทำให้มาเน่ตัดสินใจเคลียร์บอลโดยใช้ท่าจักรยานอากาศหมายจะเตะบอลทิ้งออกไป แต่ก็เป็นคัวดี้ที่โฉบมาเอาบอลตัดหน้าจังหวะของมาเน่ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะโดนมาเน่เตะในจังหวะนี้ทำให้เขาล้มในเขตโทษในจังหวะดังกล่าวและนั่นทำให้ผู้ตัดสิน เคร็ก พาวสัน ชี้ไปที่จุดโทษทันที  ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นลิเวอร์พูลที่เข้ามารุมล้อมผู้ตัดสินอย่างไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ทำให้ เคร็ก พาวสัน ต้องไปดู VAR ด้วยตัวเองอีกที นั่นทำให้เขาเห็นว่าในจังหวะดังกล่าวนั้น มาเน่ไม่ได้เตะโดนคัวดี้เลย แต่เป็นคัวดี้เองที่พุ่งล้มตบตาผู้ตัดสินเพื่อที่จะเอาจุดโทษต่างหาก นั่นทำให้เขากลับคำตัดสินและลิเวอร์พูลก็รอดตัวจากจังหวะนี้ไป ซึ่งต้องชมปฏิกริยาอันยอดเยี่ยมของมาเน่จริงๆ ครับ ที่เจ้าตัวชักเท้าทันในจังหวะค้างตัวกลางอากาศแบบนี้ ถ้าเพียงแค่เขาไปสะกิดโดนคัวดี้แม้แต่นิดเดียวในจังหวะนี้ ผลการตัดสินอาจจะไม่ใช่แบบนี้ก็ได้ นับว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ก็ได้ครับ ที่ลิเวอร์พูลได้ประโยชน์จาก VAR แบบนี้



ยิ่งเล่นยิ่งห่าง

          เมื่อวูล์ฟส์มีปัญหาในเกมรุก นั่นก็ยิ่งทำให้พวกเขาไร้พิษสงในการต่อสู้กับแชมป์เก่าจริงๆ ครับ พวกเขาทำได้เต็มที่แค่ได้ลุ้นประตูจากลูกตั้งเตะเท่านั้น แต่ก็ไม่มีผู้เล่นที่เชี่ยวชาญในจังหวะนี้มากพอที่จะทำอันตรายต่อหงส์แดงได้จริงๆ และพวกเขากลับโดนอาวุธที่พวกเขาถนัดอย่างการ “สวนกลับเร็ว” เข้ามาเล่นงานเสียเอง จากจังหวะที่เฮนโด้วางบอลยาวให้จีนี่ ไวนัลดุ้ม ควบขึ้นมายาวจากกึ่งกลางสนามโดยมีมาเน่ ทำทางหลอกให้ก่อนที่เจ้าตัวจะปั้นโค้งๆ เสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสุดสวย และนั่นทำให้เกมนี้แทบจะเป็นของลิเวอร์พูลไปทั้งหมดแล้วครับ หลังจากโดนประตูนั้นเกมของวูล์ฟส์ก็แผ่วลงไปอย่างเห็นได้ชัด และมาโดนอีก 2 ประตูติดๆ กัน จากมาติ๊ปที่โขกจ่อๆ จากลูกเปิดของซาล่าห์ ทำให้หนีห่างเป็น 3-0 และ  ประตูที่ 4 ได้จากความสามารถอันยอดเยี่ยมของเทรนท์ อาโนลด์ที่เกมนี้ได้กลับมาลงสนามและใช้เวลาในสนามเพียงแค่ 3-4 นาทีเจ้าตัวก็โชว์เครื่องหมายการค้าให้แฟนๆ หายคิดถึง โดยเจ้าตัวตบบอลโค้งเรียดๆ เข้าไปในกรอบเขตโทษแม้มาเน่จะยิงได้ไม่ได้นักแต่บอลก็ไปแฉลบขา  เนลสัน เซเมโด้ เข้าประตูไป ทำให้ลิเวอร์พูลหนีห่างวูลฟ์ไปสุดกู่ถึง 4-0 นั่นก็ทำให้วูล์ฟส์นั้นหมดกำลังใจที่จะสู้ต่อไปอีกแล้ว ทำให้เกมจบลงด้วยสกอร์นี้กลับไปมีแต้มเท่าจ่าฝูงอย่างสเปอร์สได้สำเร็จ

          ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้หรอกครับ ว่าการที่มีแฟนๆ นั้นมันส่งผลอะไรแค่ไหนกับฟอร์มการเล่นหรือผลการแข่งขันในเกมนั้นๆ หรือเปล่า แต่อย่างน้อย การมีแฟนบอลในสนามแบบนี้ มันทำให้เกมฟุตบอลนั้นมีชีวิตชีวามากกว่าการที่จะให้นักฟุตบอลเตะกันเอง เล่นกันเองแน่ๆ และเกมนี้ลิเวอร์พูลเองก็แสดงให้แฟนบอลที่มาดูพวกเขาในสนามเห็นกันชัดๆ แล้วครับ ว่าการมีแฟนบอลเดอะ ค็อปในสนามแบบนี้มันช่วยเพิ่มพลังและเป็นแรงเสริมให้พวกเขาได้มากขนาดไหน  YNWA  ครับ




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด