:::     :::

'เลิฟ'เปิดกว้างทุกทางเลือกเพื่อเยอรมัน

วันอังคารที่ 08 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
1,283
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมันพร้อมพิจารณาทุกทางเลือกและพลิกหินทุกก้อนเพื่อช่วยทีมอินทรีเหล็กประสบความสำเร็จในศึกยูโรรอบสุดท้ายช่วงกลางปี 2021

ผลจากการปราชัยย่อยยับต่อ สเปน 0-6 ของ เยอรมัน ส่งผลกระทบหลายด้านทั้ง ความมั่นใจของนักเตะ รวมถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อ โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์วัย 60 ปี จนถึงขั้นมีข่าวลือว่าอาจเด้งตกเก้าอี้ 

เลิฟ ตัดสินใจปฏิวัติทีมชาติเยอรมัน หลังการตกรอบแบ่งกลุ่มของศึกฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกกับทัพอินทรีเหล็กตั้งแต่ปี 1938

เทรนเนอร์วัย 60 ปีวางแผนสร้างทีมด้วยผู้เล่นสายเลือดใหม่ หลังนักเตะหลายคนประกาศอำลาการเล่นทีมชาติ แต่มีบางส่วนที่ เลิฟ เมินเรียกใช้งานโดยเฉพาะ โธมัส มุลเลอร์, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ และ เยโรม บัวเต็ง 

เลิฟ ไม่เรียกใช้งาน มุลเลอร์ กับ บัวเต็ง สองผู้เล่นประสบการณ์จาก บาเยิร์น มิวนิค ที่มีส่วนสำคัญกับการคว้า 'ทริเปิ้ลแชมป์' กับทีมเสือใต้ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ ฮุมเมิ่ลส์ หัวใจสำคัญในแนวรับ ดอร์ทมุนด์ มาตั้งแต่ความล้มเหลวในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2018


อย่างไรก็ตามนักเตะทั้ง 3 คนยังไม่ประกาศอำลาทีมชาติเยอรมันอย่างเป็นทางการเพราะยังมั่นใจว่าพวกเขามีดีพอสำหรับการเล่นกับทีมอินทรีเหล็ก แม้ว่า เลิฟ จะเคยยืนยันผ่านสื่อว่าเขาจะสร้างทีมด้วยผู้เล่นสายเลือดใหม่ก็ตาม 

ทว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปหลังทีมอินทรีเหล็กถูกทัพกระทิงของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาร์ตีเนซ ยำใหญ่ถึง 6-0 จน เลิฟ ตกอยู่ภายใต้ความกดดัน เนื่องจากแผนงานของเทรนเนอร์วัย 60 ปีอาจยังไม่สมบูรณ์หากขาดการผสมผสานระหว่างผู้เล่นสายเลือดใหม่กับนักเตะประสบการณ์ 

นั่นอาจทำให้ เลิฟ ต้องกลับมาทบทวนการตัดสินใจของตนเองอีกครั้งโดยเฉพาะการเรียกตัว มุลเลอร์, บัวเต็ง กับ ฮุมเมิ่ลส์ หวนคืนทีมชาติอีกครั้ง ล่าสุดเทรนเนอร์วัย 60 ปีออกตัวว่าเขาจะใช้ทุกทางเลือกเพื่อให้ทีมชาติเยอรมันทำผลงานดีที่สุดในศึกยูโรรอบสุดท้ายช่วงกลางปี 2021

ดังนั้นการเรียกนักเตะประสบการณ์โชกโชนอย่าง มุลเลอร์, บัวเต็ง และ ฮุมเมิ่ลส์ ที่เคยลงเล่นกับทัพอินทรีเหล็กรวมกัน 246 เกมและร่วมกันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 จึงอาจถูกปัดฝุ่นกลับมาใช้งานอีกครั้ง 


โธมัส มุลเลอร์ เคยลงเล่นกับทีมชาติเยอรมัน 100 เกม ทำ 38 ประตู เคยคว้าอันดับ 3 จากศึกฟุตบอลโลกปี 2010 พร้อมคว้ารางวัลดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ ก่อนเถลิงบัลลังก์แชมป์โลกในอีก 4 ปีถัดมา 

มุลเลอร์ อายุเพียง 31 ปี ยังมีบทบาทสำคัญในแนวรุกของ บาเยิร์น มิวนิค พร้อมนำทีมเสือใต้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา เขายิงรวมกัน 14 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 50 นัด และยังทำผลงานดีต่อเนื่องจนถึงซีซั่นนี้ด้วยการยิง 9 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 18 เกม

แนวรุกวัย 31 ปี ยังเป็นนักเตะที่มีพิษสงพร้อมเล่นงานแนวรับคู่แข่งทุกเมื่อ เขาสามารถสร้างประโยชน์ให้ทีมอินทรีเหล็กของ เลิฟ เนื่องจากมีความเข้าใจในการเล่นร่วมกับรุ่นน้องร่วมค่ายอย่าง ลีรอย ซาเน่ และ แซร์ช นาบรี้ สองแข้งอายุน้อยที่ก้าวขึ้นมาเป็นขุมกำลังหลักของ เลิฟ ในปัจจุบัน 

แน่นอนว่าหลายฝ่ายต่างสนับสนุนการตัดสินใจของ เลิฟ ถ้าหากเทรนเนอร์วัย 60 ปียอมกลืนน้ำลายเรียก มุลเลอร์ คืนทีมชาติเยอรมัน โดยเฉพาะผู้บริหารของทีมเสือใต้ที่หนุนแนวทางดังกล่าวมาตลอด 


เยโรม บัวเต็ง กองหลังวัย 32 ปีของ บาเยิร์น มิวนิค เคยลงเล่นกับทีมชาติเยอรมัน 76 เกม ทำ 1 ประตู เขาเป็นส่วนหนึ่งในขุมกำลังชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 แม้นักเตะอาจทำผลงานไม่โดดเด่นเหมือนช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

แต่ด้วยเทคนิคและประสบการณ์ของ บัวเต็ง ยังดูดีกว่าแนวรับหลายคนที่ เลิฟ เรียกมาติดโผเยอรมันในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น โจนาธาน ทาห์ ของ เลเวอร์คูเซ่น, โรบิน ค็อค ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด หรือ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่มีบทบาทเป็นเพียงตัวสำรองของ เชลซี 

ส่วน มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ เซนเตอร์วัย 31 ปีของ ดอร์ทมุนด์ เคยลงเล่นกับทีมชาติเยอรมัน 70 เกม ทำ 5 ประตูและเป็นส่วนหนึ่งของทัพอินทรีเหล็กชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 เช่นเดียวกัน

ฮุมเมิ่ลส์ ยังคงมีบทบาทสำคัญในแนวป้องกันของทีมเสือเหลืองนับตั้งแต่ย้ายกลับมาจาก บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 แม้กองหลังวัย 31 ปีอาจจะมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายอยู่บ้าง แต่เขายังมีประโยชน์กับทีมเยอรมันไม่ต่างจาก บัวเต็ง


ดังนั้นเมื่อ เลิฟ เอ่ยปากว่ายังไม่ปิดประตูตายสำหรับการเรียกตัว มุลเลอร์, บัวเต็ง กับ ฮุมเมิ่ลส์ กลับมาติดทีมชาติเยอรมันจึงได้รับแรงหนุนจากคนในวงการลูกหนังเยอรมันไม่น้อย 

เลิฟ อาจเคยเชื่อมั่นใจการตัดสินใจของตนเองด้วยการยืนหยัดว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงใดๆโดยเฉพาะการเรียก มุลเลอร์, บัวเต็ง กับ ฮุมเมิ่ลส์ หวนคืนทีมอินทรีเหล็ก แต่สถานการณ์แปรเปลี่ยนไปหลังเกมพ่ายทีมกระทิงแบบหมดสภาพในช่วงเดือนพฤศจิกายน 

แม้ว่า เดเอฟเบ จะหนุนหลัง เลิฟ ให้คุมทีมชาติเยอรมันต่อไปจนกระทั่งถึงศึกยูโรรอบสุดท้ายก็ตาม แต่เทรนเนอร์วัย 60 ปีคงต้องปรับแนวทางการทำงานของเขาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้วยไม่ใช่ยึดถือความคิดของตนเองเป็นที่้ตั้งเหมือนที่ผ่านมา 

'หลังจากปี 2018 เราเห็นว่ามันเป็นปีที่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เราบอกว่าเรากำลังทำการเปลี่ยนแปลง' เลิฟ กล่าว 'มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องให้เวลากับผู้เล่นอายุน้อยและโอกาสในการพัฒนาในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง'


'เช่นเดียวกับทัวร์นาเมนต์ในปี 2010 ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมพัฒนาขึ้นมาและเนื่องจากประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับที่นั่น เราจึงคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2014 นั่นคือความต้องการของเราในครั้งนี้เช่นเดียวกัน'

'เทรนเนอร์เป็นคนแรกเสมอที่ต้องรับผิดชอบต่อความสำเร็จ ผมเคยพูดเสมอเมื่อผมเห็นก่อนการเสนอชื่อ (ขุมกำลัง) ว่าทีมนี้ต้องการสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น จากนั้นเราจะทำแบบนั้น ณ ตอนนี้ผมยังมองไม่เห็นเหตุผลใดๆ แม้ว่าเราจะแพ้เกมก็ตาม'

'แต่ปีหน้า เราจะต้องตัดสินใจและผมจะเป็นคนแรกที่ทำสิ่งนั้น มันไม่ใช่แค่เหตุผลด้านกีฬาเท่านั้ที่จะตัดสินใจว่าทีมดีที่สุดจะเป็นอย่างไร อะไรคือพลังงานของทีม'

'แต่เมื่อผมมีความรู้สึก ผมจะทำทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรในเดือนมีนาคม ผมหวังว่าผู้เล่นทุกคนจะผ่านฤดูกาลไปด้วยดีและมีสุขภาพดี'

'เรามีปัญหาบาดเจ็บมากมาย ผมหวังว่านั่นจะไม่เกิดขึ้นอีก ลองคิดดูอีกทีเกี่ยวกับทุกอย่างและพลิกหินทุกก้อน จากนั้นเราจะตัดสินใจว่าอะไรเป็นสิ่งดีที่สุดเพื่อประสบความสำเร็จ' เลิฟ กล่าว

อย่างไรก็ดี เลิฟ ปฏิเสธว่าเขายังไม่ติดต่อกับ มุลเลอร์ และ บัวเต็ง สองแข้งประสบการณ์ของทีมเสือใต้ รวมถึง ฮุมเมิ่ลส์ ปราการหลังค่ายเสือเหลือง 'ไม่ ผมยังไม่ได้ทำ'


เลิฟ ไม่สามารถเดินทางไปดูนักเตะที่อยู่ในข่ายติดทีมชาติเยอรมันอย่างใกล้ชิดถึงขอบสนามบนเวทีบุนเดสลีกา นับตั้งแต่การมีแพร่ระบาดของเชื้อ'โควิด-19' แต่คงเป็นเพียงข้ออ้างของเทรนเนอร์วัย 60 ปีเนื่องจากกุนซือทีมชาติอื่นๆก็ไม่มีโอกาสยลฟอร์มนักเตะของพวกเขาเช่นเดียวกัน

'เราชอบที่จะเดินทางไปทุกสนามถ้าเราสามารถทำแบบนั้นได้' เลิฟ กล่าว 'มันเป็นคำสั่งชัดเจนสำหรับพวกเรา ที่มาจากแพทย์ในทีมชาติที่ไม่ต้องไปที่สนามแข่งขัน ในแง่หนึ่งเรามีการแข่งขันระดับนานาชาติและเราอยู่ในโปรโตคอล'

'เราไม่ต้องการเป็นภัยแก่ใครและเราไม่ต้องการเป็นอันตรายเช่นกัน มันคงจะแย่ถ้าพวกเราฐานะโค้ชไม่อยู่ มันชัดเจนว่าเราอยู่ในโปรโตคอลกับทีมชาติ'

'นั่นเป็นเรื่องจริงจนกระทั่งจบฤดูกาล เพราะจากข้างบน นักการเมืองยังบอกว่าให้หลีกเลี่ยงการติดต่อ มันเป็นสถานการณ์ที่อันตรายที่ตอนนี้ยังไม่ลดลง พวกเรามีหน้าที่ในการเป็นแบบอย่างที่ดี'

'เชื่อผม ผมรู้จักบุนเดสลีกาเป็นอย่างดี เรามีทีมที่ยอดเยี่ยม, เทรนเนอร์ และ สเกาต์ เราดูหมดทุกเกม เรารู้จุดแข็งและจุดอ่อนของนักเตะทุกคนของพวกเรา'

'เราดูเกม ป้อนข้อมูลลงในฐานข้อมูลของพวกเราและประเมินพวกเขา จากนั้นเรายังกำหนดเป้าหมายในการฝึกซ้อม แต่เราจะเป็นแบบอย่างที่ดีจนถึงสิ้นปีนี้และจะไม่เดินทางไปสนามแข่ง' เลิฟ กล่าว

เลิฟ ทำงานกับ เดเอฟเบ มาตั้งแต่ปี 2004 ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่ทีมชาติเยอรมันตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2006 แทน เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ปัจจุบันเทรนเนอร์วัย 60 ปี คุมทีมอินทรีเหล็กลงเล่น 189 เกม ชนะ 120 เสมอ 38 แพ้ 31 ยิง 448 ประตูและเสีย 189 ประตู 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด