:::     :::

ยิ่งเดินหน้า ยิ่งหลงทาง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สภาพของ อาร์เซน่อล ชั่วโมงนี้ไม่ต่างจากคนที่กำลัง "หลงทาง" ไม่รู้ตัวว่ากำลังไปในเส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่ ยิ่งเดินหน้าผิด ยิ่งโดนขวากหนามทิ่มตำเลือดไหลไม่หยุด

ความปราชัยล่าสุดต่อ เบิร์นลี่ย์ 0-1 คือการแพ้คาบ้าน 4 นัดติดต่อกันในลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1959 หรือ 61 ปีที่แล้ว 

สถิติเลวร้ายเกิดขึ้นเพียบไม่ใช่เพียงแค่ย่อหน้าล่าสุด 

การเก็บชัยชนะได้เพียง 4 นัด และเสมอ 1 นัดจาก 12 นัดแรก เป็นการออกสตาร์ทแย่สุดของสโมสรนับตั้งแต่ฤดูกาล 1974/75 หรือ 46 ปีที่แล้ว

ขณะที่เกมรุกที่ยิงได้จุ๋มจิ๋มเพียง 10 ประตูจาก 12 นัด ก็แย่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1981/82 หรือเกือบสี่สิบปีหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน

นับจนถึงตอนนี้ อาร์เซน่อล ยิงประตูในลีกจากจังหวะ "โอเพ่นเพลย์" ไม่ได้นานติดต่อกัน 12 ชั่วโมง 32 นาที ครั้งล่าสุดที่ทำได้คือ นิโกล่าส์ เปเป้ ยิง เชฟฯ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 

สถิติที่เคยเปิดบ้านขย่ม เบิร์นลี่ย์ มาตลอดและไม่แพ้เลยนับตั้งแต่ปี 1974 เป็นต้นมา ก็ถูกหยุดลงเป็นที่เรียบร้อย

เท่านั้นไม่พอ ใบแดงของ กรานิต ชาคา ที่เหมือนเป็นอีกจุดเปลี่ยนของเกม ก็คือใบแดงที่ 6 ของ อาร์เซน่อล ในยุค มิเกล อาร์เตต้า เข้าให้แล้ว มากกว่าทีมอื่นสองเท่าในช่วงเวลาเดียวกัน

เป็นสถิติและตัวเลขที่น่าเวทนาเหลือเกินว่า อาร์เซน่อล ทีมที่เหมือนว่าน่าจะกลับสู่เส้นทางที่ดีอีกครั้งได้หลังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาลที่แล้ว ต่อด้วย คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ก่อนเริ่มฤดูกาลนี้...มาอยู่ในจุดนี้ได้อย่างไร 

ปัญหาชัดเจนสุดของ อาร์เซน่อล และ มิเกล อาร์เตต้า ในตอนนี้คือเรื่องของเกมรุก

การยิงได้เพียง 10 ประตู ถือว่าน้อยมากอย่างน่าใจหาย และมีเพียง 3 ทีมในลีกตอนนี้ที่ยิงได้น้อยกว่าคือ เบิร์นลี่ย์, เวสต์บรอมวิช และ เชฟฯ ยูไนเต็ด 

ตลอดทั้ง 12 นัดที่ผ่านมา ทีมของ อาร์เตต้า มีค่าเฉลี่ยโอกาสยิงประตูอยู่ที่เพียง 10.3 ครั้งต่อนัด น้อยสุดอันดับ 5 ของลีก และเป็นการยิงตรงกรอบแค่ 3.3 ครั้งต่อนัดเท่านั้น น้อยเป็นอันดับ 5 ของลีกอีกเช่นกัน


อาร์เตต้า เครียดกับผลงานช่วงนี้อย่างมาก

ไม่ได้น่าแปลกใจมากนักที่พวกเขาจะจมดิ่งอยู่ในอันดับ 15 ของตารางเวลานี้ ห่างจากโซนตกชั้นเพียง 5 คะแนนเท่านั้น 

จริงๆ แล้ว นัดล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ลงเล่นด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจเป็นอย่างมาก พวกเขาลุยเต็มที่และหาโอกาสยิงประตูได้ถึง 18 มากกว่าค่าเฉลี่ยในฤดูกาลนี้ถึง 7 ครั้ง

จาก 18 ครั้งเข้ากรอบไป 6 ครั้ง ทว่ายังไม่เด็ดขาดมากพอที่จะเป็นประตูเมื่อถูกปฏิเสธโดย นิค โพ๊พ นายทวาตัวเก่งของเดอะ คลาเร็ตส์ รวมไปถึงติดบล็อกผู้เล่นคนอื่น 

อาร์เซน่อล มีความพยายามมากขึ้น พาบอลบุกและจบด้วยการยิงมากขึ้น แต่สิ่งที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้คือ "ประสิทธิภาพในการจบสกอร์" 

จังหวะเกมรุกส่วนใหญ่ยังเป็นแพทเทิร์นเดิมที่คู่แข่งจับทางได้นั่นคือ ถ่ายบอลออกด้านข้างและเปิดเข้ากลาง โอกาสลุ้นจริงจังคือการเปิดบอลต่ำหรือบอลเรียดไปตามช่องว่าง แต่บอลโด่งแทบจะกิน เบิร์นลี่ย์ ไม่ได้ 

ลูกทีมของ ฌอน ไดช์ เก่งกาจในลูกกลางอากาศอยู่แล้วเพราะเขาทำทีมสไตล์นี้มาหลายปี แม้ไม่ได้มีผลงานที่ดีในฤดูกาลนี้ แต่ทรงบอลและการเล่นในสไตล์ตัวเองยังมีอยู่ 

ตรงกันข้ามกับ อาร์เซน่อล ที่ยังคงเล่นในสิ่งที่ไม่ใช่ "ทางถนัด" ของตัวเอง พวกเขาเปิดบอลจากซ้ายและขวาเข้ากลางได้ก็จริง แต่ตัวจบสกอร์ในเขตโทษทั้ง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ และ บูคาโย่ ซาก้า ไม่ได้เชี่ยวชาญในการเล่นลูกโด่งลักษณะนี้ นั่นทำให้เกมรุกของทีมไม่เกิดประโยชน์ 

ก่อนหน้านี้ในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ การเล่นในบ้านเจอ เบิร์นลี่ย์ ถือว่าเป็นงานไม่ยากเพราะด้วยสไตล์ปืนใหญ่ช่วงนั้นคือเจาะตามช่อง เคาะกันหน้าเขตโทษ และแทงตัดหลังซึ่งเป็นสิ่งที่ เบิร์นลี่ย์ หาทางรับมือไม่ได้ 

ฌอน ไดช์ เน้นผู้เล่นที่มีความสูงใหญ่ แข็งแรง ลูกอากาศเยี่ยม พอมาเจอบอลบนพื้นที่แม่นๆ ทำกันเร็ว หลายครั้งจึงจบเห่รวดเร็วเพราะขยับขาไม่ทัน พวกเขาจะสู้ได้ก็ต่อเมื่อกลับไปเล่นในรังเทิร์ฟ มัวร์ ที่เหมือนมีพลังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว 

อาร์เตต้า ปรับเปลี่ยนการเล่นในแบบที่ตัวเองคิดและมั่นใจว่าเป็นแท็กติกที่ดีสุดแล้ว แต่ความเป็นจริงคือคุณภาพของนักเตะหลายคนในทีมไม่เหมาะกับการเล่นสไตล์นี้ การยิงประตูเพื่อเอาชนะคู่แข่งจึงกลายเป็นงานที่ยากขึ้นและยากขึ้น 

กุนซือหนุ่มวัย 38 ปี บ่นหลายครั้งว่าทีมทำได้ดีทุกอย่างแล้ว เหลือเพียงส่งบอลสู่ก้นตาข่าย แต่นั่นเป็นการมองที่ไม่เห็นปัญหาที่แท้จริงของทีมเพราะการที่ผ่านมาถึงตรงนี้และยิงได้เพียงสิบประตู คงไม่ใช่แค่เรื่องยิงนกตกปลา ไร้ความแม่นยำ แต่เป็นเรื่องของรูปแบบการเล่นที่ไม่สามารถเค้นเอาศักยภาพของนักเตะออกมาได้


ภาพที่บ่งบอกความรู้สึกของแฟนปืนใหญ่ในตอนนี้ได้อย่างดี

การที่ โอบาเมย็อง ยิงได้เพียง 2 ประตูและไม่ยิงในจังหวะโอเพ่นเพลย์เลยนับตั้งแต่นัดเปิดสนาม คือเรื่องน่าห่วงในแง่ฟอร์มการเล่นส่วนตัวซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำได้

แต่เกมรุกที่ติดขัดของ อาร์เซน่อล ไม่ใช่เพียงเพราะ โอบาเมย็อง ยิงไม่ได้คนเดียว แต่คนอื่นในเกมรุกก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีด้วย และหากมองให้ลึกถึงแก่นจริงๆ ทุกคนย่อมรู้ว่าฟอร์มการเล่นส่วนตัวของนักเตะคนใดคนนึงเป็นเพียงปัญหาปลายทางที่เกิดมาจากปัญหาหลักนั่นคือ รูปแบบการเล่นที่คนเป็นโค้ชอย่าง อาร์เตต้า เลือกให้ทีม

อาร์เตต้า มองเห็นเพียงว่าปัญหาคือการยิงประตูไม่เฉียบขาด แต่เขาต้องมองให้ออกว่าในแต่ละนัด โอกาสทำประตูของทีมมีน้อยกว่าเดิม และน้อยกว่าทีมในกลุ่มท็อปซิกซ์ด้วยกัน เมื่อโอกาสน้อย และใช้รูปแบบที่ตัวเองไม่ได้ถนัด ความแม่นยำในการได้ประตูจึงน้อยตาม 

อาร์เซน่อล จึงกลายเป็นยิ่งเล่นยิ่งกดดันตัวเองเพราะมีแต่ความพยายามแต่เลือกวิธีไม่ถูกต้อง และบางครั้งเมื่อพยายามมากไป ความกดดันโถมทับมากขึ้นเรื่่อยๆ ก็เกิดเหตุการณ์สติหลุดในแบบ กรานิต ชาคา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทีมเพิ่งมีบทเรียนไปหมาดๆ ในกรณีของ นิโกล่าส์ เปเป้ ที่เล่นนอกเกมใส่คู่แข่งเช่นกัน

บทสรุปสุดท้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นนัดล่าสุดจึงมีแต่ความน่าผิดหวังไม่ว่าจะเป็นการแพ้นัดที่ 7 ทั้งที่เล่นได้เพียง 12 นัดในฤดูกาลนี้, แพ้คาบ้านให้กับทีมที่ผูกผีชนะมาตลอด และยิงประตูไม่ได้อีกนัด 

หากจะมีข้อดีที่พอมองหาได้ในวันเลวร้ายคงมี 2-3 ข้อ   

1. ไม่ต้องทนเห็น กรานิต ชาคา ในสนามอีกอีกอย่างน้อย 3 นัด 

2. เอคตอร์ เบเยริน ไม่ถูกจับทุ่มฟาวล์อีกนัด 

3. ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ยิงประตูได้แล้ว

....แม้จะเป็นประตูฝั่งตัวเองก็ตามที 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด