:::     :::

ชิงจ่าฝูง

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
3,128
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้คู่คี่สูสีกันมากจริงๆ นะครับ แต่ละแต้มล้วนมีความหมายมากมายอย่างยิ่ง เพราะดูเหมือนว่าปีนี้กว่าจะได้แต่ละแต้มมานั้นจะยากเย็นกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาพอสมควรเลย และการที่ลิเวอร์พูลต้องมาเจอกับสเปอร์สในมือของกุนซือที่ชื่อว่า โชเซ่ มูริญโญ่แบบนั้น ไม่เคยเป็นเกมที่ง่ายอยู่แล้วล่ะครับ



รู้ทัน แต่กันไม่ได้


          ทั้งสองทีมนั้นมีจุดแข็งของแต่ละทีมในแบบที่ต่างกันแบบสุดขั้วจริงๆ ครับ ทางด้านลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล็อปป์นั้นมี “เฮฟวี่ เมทัล ฟุตบอล” ที่เน้นเกมรุก การเพรสซิ่งที่บ้าระห่ำ การรุกริมเส้นที่ความเร็วจัดจ้านและเฉียบคม การเล่นเกมรุกริมเส้นของแบ็คทั้งสองข้าง และเพิ่มเติมความเหนียวแน่นและรัดกุมเข้าไปอีกในช่วงหลัง ส่วนทางด้านสเปอร์สของน้ามูนั้น พวกเขาสลัดภาพทีมที่เล่นเกมรุกสวยงามทิ้งไป แต่กลับกลายเป็นทีมที่เน้นประสิทธิภาพไปแทนครับ พวกเขากลายเป็นทีมที่คาดเดาไม่ได้ ในแต่ละเกมแท็กติกจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ที่รู้กันและโดดเด่นเอามากๆ ในซีซั่นนี้คือ เกมโต้กลับที่ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ในซีซั่นนี้ โดยเฉพาะคู่หู เคน - ซน ที่กลายเป็นคู่หูนรกแตกของปีนี้ไปเลย ภาพการเล่นที่เคนส่งทะลุช่องให้ซน เฮือง มิน หลุดเข้าไปยิง ถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฤดูกาลนี้ ทั้งสองทีมต่างมีข้อดีกันคนละอย่างครับ และเป็นโชคดีของแฟนบอลจริงๆ ที่เกมนี้ทั้งสองฝั่งต่างงัดเอาของดี (อย่าคิดลึกนะ) ออกมาโชว์กันอย่างสนุกสนาน


          ลิเวอร์พูลนั้นกลับมามีชีวิตชีวาและมีสมาธิตั้งแต่ต้นเกมเลยทีเดียวครับ พวกเขาครองเกม ไล่เพรสซิ่ง ทางฝั่งผู้มาเยือนอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าผิดหูผิดตาจากเกมกับฟูแล่ม ที่คล็อปป์ต้องคอยตะโกน “Wake up (ตื่นได้แล้วโว้ย)” เพื่อกระตุ้นลูกทีมอยู่ตลอดเวลา พลพรรคหงส์แดงบุกใส่ผู้มาเยือนได้อยู่คลอดเวลาและหาโอกาสยิงได้เรื่อยๆ เรียกว่านวดอยู่ตลอด แต่นั่นก็เป็นแผนของสเปอร์สอยู่แล้วครับ พวกเขาปล่อยให้คู่ต่อสู้บุกใส่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเผลอเมื่อไรอาจจะโดนลงโทษจากความเฉียบคมของพวกเขาได้ตลอดเวลา แต่ก็เป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลครับที่ชิงความได้เปรียบไปก่อน จากจังหวะที่โจนส์เลี้ยงจี้เข้าหากองหลังสเปอร์สในบริเวณเส้นเขตโทษและโดนจิ้มออกมาแล้วไปเข้าทางโม ซาล่าห์จัดการยิงสวนทันที และต้องบอกว่าลูกนี้โชคช่วยเต็มๆ ล่ะครับจากการที่ลูกยิงของซาล่าห์ไปแฉลบขาเอริก ดายเออร์ บอลลอยโด่งเบียดเสาเข้าไป อูโก้ โยริสหมดสิทธิ์เซฟ และหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ผ่อนเกมแต่อย่างใดครับ พวกเขายังเดินหน้าเปิดเกมรุกใส่ผู้มาเยือนอย่างไม่ผ่อนเกียร์แม้แต่นิด ผู้เล่นของลิเวอร์พูลหลายๆ คนโชว์ฟอร์มได้ดีมากไม่เว้นแม้แต่เด็กน้อยที่เล่นเกมใหญ่ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกอย่าง รีส วิลเลี่ยม ที่ถูกส่งมาแทน โชเอล มาทิป ก็สามารถทดแทนได้อย่างไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นจุดอ่อนแต่อย่างใด ส่วนเด็กมหัศจรรย์อย่างเคอร์ติส โจนส์นั้นยิ่งแล้วใหญ่ครับ เกมนี้เขาโดดเด่นเอามากๆ และเล่นได้กับรุ่นพี่อย่างไวนัลดุ้ม และเฮนโด้ได้อย่างเนียนกริ๊บบบ เหมือนเล่นด้วยกันมาเป็นร้อยๆ นัด ลิเวอร์พูลปูพรมบุกใส่สเปอร์อยู่ดีๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นครับ เมื่อสเปอร์สอาศัยช่องว่างที่ลิเวอร์พูลเปิดให้เห็นเพียงนิดเดียว วางบอลยาวให้ซอน เฮือง มิน หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงสวนอลิสซงทางเสาแรกอย่างเฉีียบขาด กลายเป็นว่าทั้งสองทีมต่างใช้จุดแข็งของตัวเองเล่นงานคู่แข่งอย่างได้ผล แต่ในทางกลับกันก็ไม่สามารถหยุดอาวุธของคู่ต่อสู้ทั้งๆ ที่พวกเขารู้อยู่แล้วได้เช่นกัน จบครึ่งแรกไปอย่างสนุกสนาน 1-1 ที่เรียกได้ว่า คู่ควรแก่การรอคอยจริงๆ



VAR ไม้เบื่อไม้เมา


          ไม่คิดไม่ฝันเลยนะครับ ว่าต้องจะต้องมาคุยกันเรื่องนี้เร็วขนาดนี้ ฤดูกาลนี้นั้นลิเวอร์พูลเสียผลประโยชน์จาก VAR มากมายหลายครั้งจริงๆ และไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่ถ้าให้พูดตามความรู้สึกจริงๆ  ผม(และแฟนๆ ลิเวอร์พูลหลายๆ คน) คงคิดเหมือนกันว่าการตัดสินของ VAR นั้นดูจะไม่เป็นธรรมกับลิเวอร์พูลอย่างค่อนข้างโจ่งแจ้งเสียเหลือเกิน ..... อย่างในเกมนี้ก็เช่นกันครับ  จังหวะที่ซน เฮือง มิน หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงประตูตีเสมอนั้น จังหวะมันค่อนข้างก้ำกึ่งกับการล้ำหน้าเหลือเกิน สารภาพตามตรงเลยว่าตอนผมดูภาพรีเพลย์เสร็จแล้วถึงกับบอกกับรุ่นน้องที่ดูด้วยกันว่า “ไม่เป็นไร แบบนี้ยังไงก็ล้ำหน้า”  แต่ !!!! ผลการตัดสินของกรรมการและทีมงาน VAR กลับเห็นเป็นตรงกันข้ามครับ พวกเขาตัดสินให้ลูกนี้เป็นประตู นั่นก็เรียกได้ว่าเซ็งแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้แฟนลิเวอร์พูลเซ็งมากๆ และเกิดคำถามขึ้นตัวโตๆ (อีกครั้ง) คือ วิธีการพิสูจน์การตัดสินของทีมงาน VAR ครับ .... ถ้าใครยังพอจำได้เมื่อนัดที่แล้วฟาบินโญ่ถูกรีเพลย์ในจังหวะเข้าสกัดเกือบ 1 นาที หรือย้อนไปยิ่งกว่านั้นกับเกมดาร์บี้แมชต์กับเอฟเวอร์ตันที่ถูกตัดสินว่า “ล้ำหน้าจากแขนเสื้อ” นั่นก็รีเพลย์กันซ้ำไปซ้ำมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ในจังหวะของซนในจังหวะนี้ ทีมงาน VAR กลับแทบไม่พิสูจน์อะไรเลย แม้แต่เส้นเทียบซ้อนกันก็ไม่มี ยิ่งกว่านั้นคือใช้เวลาการพิสูจน์ตัดสินแค่ไม่ถึง 30 วินาทีเลยด้วยซ้ำ ก็รีบตัดสินและรีบเขี่ยเริ่มเกมอย่างรวดเร็วจนเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้จริงๆ  จริงๆ แล้วถ้าการพิสูจน์มันยุติธรรมและเห็นชัดว่าลูกนี้ไม่ล้ำจริงๆ แบบเคลียร์ๆ กันจะๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกใจ แต่มันจะไม่ค้างคาใจกันแบบนี้แน่ๆ ครับ  จริงอยู่ครับที่การมี VAR มาช่วยในการตัดสินย่อมดีกว่าไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้มาตรฐานการตัดสินของพรีเมียร์ลีกนั้นย่ำแย่เอามากๆ  มันเหมือนกับว่าพวกเขาอยากจะตัดสินแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งมันกลายเป็นว่ามีปัญหาเยอะกว่าตอนที่ไม่มี VAR เสียอีก ....






ชัยชนะของเกมรุก


          ในครึ่งหลังทั้งสองทีมไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นแต่อย่างใดครับ แต่ดูเหมือนว่าน้ามูจะเห็นจุดอ่อนในแผงหลังของลิเวอร์พูลอย่างเด่นชัดขึ้น นั่นคือพื้นที่ระหว่างเทรนท์ กับ รีส วิลเลี่ยมครับ นั่นทำให้เขามุ่งมั่นไปเจาะตรงพื้นที่นั้นทันทีเหมือนฉลามได้กลิ่นคาวเลือด และเกือบได้ประตูหนีไปหลายต่อหลายครั้งจากสตีเว่น เบิร์กไวจ์น แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จทั้งจากการป้องกันอันยอดเยี่ยมของอลิสซง และความไม่คมของเจ้าตัวเองที่ซัดออกมั่งหรือไปชนเสามั่ง ทำให้ลิเวอร์พูลรอดตัวจากการโดนนำไปได้ แต่นั่นก็ทำให้ลิเวอร์พูลรู้ว่าพวกเขาจะดาหน้าบุกตลอดแบบครึ่งแรกนั้นเป็นไปได้ยากแน่นอน นั่นทำให้ลิเวอร์พูลเองก็เปิดเกมรุกได้ไม่เต็มที่นัก ประกอบกับน้ามูก็สั่งให้ลูกทีมเน้นเกมรับเต็มที่เหมือนเดิม เพราะดูเหมือนว่าแค่ 1 แต้มกับการมาเยือนสนามยากๆ อย่างแอนฟิลด์แบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าพอใจสำหรับเขาแล้ว ซึ่งนั่นทำให้รูปเกมของทั้งสองทีมกลับมาชวนอึดอัดอีกครั้ง เพราะรสบัสต้นตำหรับยี่ห้อโชเซ่ มูริญโญ่นั้นขึ้นชื่อลือชาในความเหนียวแน่นอยู่แล้ว ลิเวอร์พูลพยายามหาวิธีการเจาะหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ทำได้แค่เฉียดๆ ทั้งจากซาล่าห์และมาเน่ เวลายิ่งผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งสร้างความอึดอัดและหงุดหงิดให้ทั้งผู้เล่นและแฟนบอลลิเวอร์พูล แต่กระนั้นนักเตะลิเวอร์พูลก็ยังไม่ย่อท้อยังพยายามหาทางบุกอยู่ตลอดเวลา เพราะฟุตบอลของเจอร์เก้น คล็อปป์นั้นปลูกฝังใน DNA ของพวกเขาแล้วว่าต้องการ 3 แต้มเท่านั้น และสุดท้ายความพยายามของพวกเขาก็มาสัมฤทธิ์ผลจนได้จากลูกเซ็ทพีช อาวุธสำคัญของพวกเขาอีกชิ้นหนึ่งที่ห่างหายไปนาน แต่มาได้ผลเอาตอนนี้และมันคุ้มค่าเสียเหลือเกิน เมื่อโรเบิร์ตสันเปิดลูกเตะมุมมาเข้าหัวฟิร์มิโน่โขกย้อนเข้าไปเต็มๆ และเป็นประตูชัยของลิเวอร์พูลในท้ายที่สุด


          เกมนี้เป็นเกมคุณภาพระดับ 5 ดาวจริงๆ ครับ สมแล้วที่เป็นการพบกันของสองทีมหัวตาราง แม้ตอนจบเกมน้ามูจะออกมาบอกว่า "ทีมที่ดีกว่าเป็นฝ่ายแพ้" แต่ก็อย่างที่น้ามูเคยบอกไว้ตอนเจอแมนฯ ซิตี้ล่ะครับ “ให้คุณเป็นทีมที่ดีกว่าในเกมนี้ไปเลย แต่ขอ 3 แต้มให้ผมละกันนะ”   อิอิ....






          ขอมอบชัยชนะนี้แด่เฮียโปน เชราร์ อุลลิเยร์  ผู้ล่วงลับนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้กับสโมสรลิเวอร์พูล และทำให้แฟนๆ มีความสุข  หลับให้สบายครับ คุณจะอยู่ในใจของเดอะค็อปทุกคนตลอดไป RIP    




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด