:::     :::

"ราชันมังกร" สิ้นสุดการรอคอยในรอบทศวรรษ

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,466
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หนุ่มหน้าตี๋ ขาวใส ทรงผมรากไทร และมีความรักในเกมลูกหนัง จนอยากจะพัฒนาทีมบ้านเกิดตัวเองอย่าง จ.ราชบุรี ให้ขึ้นมาเป็นทีมแนวหน้าของเมืองไทย กระทั่งได้เข้ามาดูแลทีมนี้ที่เปรียบเสมือนเป็นลมหายใจของเขาตั้งแต่ปี 2011

“เสี่ยฟลุ๊ค”เริ่มประดิษฐ์ทีมนี้ ด้วยการมี “โค้ชเจี๊ยบ” สมชาย ไม้วิลัย คอยช่วยเหลือ โดยกุนซือคนแรกของ "ราชันมังกร" คืออดีตปรมาจารย์ลูกหนังไทยอย่าง “น้าเหม่ง”ประพล พงษ์พานิช ที่ล่วงลับไปแล้ว อีกคนที่อยู่กับทีมตั้งแต่ดิวิชั่น 2 (ชื่อเดิม) ก็คือ ประหยัด บุญญา กองหลังจอมโหด


แน่นอนว่า “กัปตันประหยัด” คือ ดาบข้างกายของ “เสี่ยฟลุ๊ค” ก็ไม่ผิดนัก เพราะเขานี่แหละที่เป็นอาวุธในการออกไปช่วยสร้างผลงานในสนาม กระตุ้นลูกทีม จนพาทีมไต่เต้ามาสู่ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2012 อย่างยิ่งใหญ่ และมีดาวยิงอย่าง พรชัย อาจจินดา เป็นกระสุนที่ทีมขาดไม่ได้

การลุยลีกพระรองของ “ราชันมังกร” พวกเขาได้ ดั๊กลาส การ์โดโซ่ เข้ามาเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในแดนหน้า และไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการซัดระเบิดระเบ้อถึง 19 ประตู จนสามารถเข้าชิง ลีก คัพ แม้จะจบแค่รองแชมป์ แต่ในลีกก็ทำผลงานยอดเยี่ยมเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 2013 ได้สำเร็จ

ใช้เวลาเพียง 3 ปี ทะยานสู่ลีกสูงสุด นี่คือความฝันที่กลายเป็นจริง แม้ปีแรกจะต้องเผชิญอุปสรรคในการหนีตกชั้น แต่พวกเขาก็ฝ่าด่านอรหันต์เข้าไปรักษาตำแหน่งรองแชมป์ ลีก คัพ สมัยที่ 2 ติดต่อกันในซีซั่นต่อมา

ต่อเนื่องมาถึงฤดูกาล 2014 ที่ขึ้นมาจบอันดับ 4 ได้ท่ามกลางเสียงแซ่ซ้อง กับพัฒนาการของสโมสรที่ก้าวกระโดดอย่างมาก

ซีซั่น 2015 ยังอยู่ในกลุ่มท็อปเท็นไทยลีก โดยจบที่อันดับ 7  แต่ปีต่อมาความฝันในการไปลุยถ้วยเอเชียอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยน์ลีก เป็นหนแรกของสโมสรก็มาถึง เพราะพวกเขาเดินเครื่องมาจนถึงรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ และท้ายที่สุดก็ได้เป็นแชมป์ร่วมกับ ชัยนาท ฮอร์นบิล, สุโขทัย เอฟซี และ ชลบุรี เอฟซี เหตุเพราะฝ่ายจัดการแข่งขันเลือกวิธีตัดจบในเวลานั้น ทำให้ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ต้องมาจับสลากเพื่อหา 1 ทีมไปเล่นในถ้วยใหญ่เอเชีย รอบเพลย์ออฟ รอบสอง ของปี 2017 แต่ต้องอกหักเพราะ “ค้างคาวไฟ” มีโชคมากกว่าในการเสี่ยงดวง

โอกาสของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี คัมแบ็คอีกครั้งในอีก 3 ปีต่อมา เมื่อชายที่ชื่อ “โค้ชเจี๊ยบ”สมชาย ไม้วิลัย สามารถพาทีมเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2019 กับ การท่าเรือ เอฟซี ก่อนชอกช้ำเป็นหนที่สองด้วยการแพ้ไป 0-1 

ไทยลีก เวอร์ชั่น 2020 กลับมาเตะหลังช่วงโควิด-19 ซึ่งทางฝ่ายจัดมีการหารือกับทุกสโมสรก่อนเตะในเกมที่ 5 ว่า จะเอา 1-4 ของตาราง ไปเล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 โดยตกลงกันที่เงื่อนไข อันดับ 1-2 ไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มทันที ส่วนอันดับ 3 ของเลกแรกไทยลีกปีนี้ จะไม่ต้องเตะ 2 นัดเหมือนที่ผ่านมา แต่จะได้สิทธิ์เตะเพลย์ออฟรอบ 3 แค่นัดเดียว โดยจะต้องไปเยือนทีมจาก เคลีก ของเกาหลีใต้ ขณะที่ทีมอันดับ 4 จะลงเล่นรอบที่ 2 ในบ้าน 2 เกมและหากผ่านไปได้ จะต้องไปเยือนทีมจากเกาหลีใต้ เช่นกัน (รออัพเดทรูปแบบการแข่งขันจากเอเอฟซี ในช่วงเดือนมกราคม)


อย่างไรก็ตามการรอคอยของพลพรรค “ราชันมังกร” ทุกคนก็ถึงคราวสิ้นสุดลงเสียที จากสกอร์ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกไปชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 12 ธ.ค. ทำให้ “แข้งเทพ” มีเพียง 20 คะแนน เหลืออีก 1 เกม ไล่ตาม 6 แต้มของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี และ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ไม่ทันแน่นอนแล้ว

แม้ในวันต่อมา “ราชันมังกร”จะออกไปแพ้ การท่าเรือ เอฟซี 1-3 ทำให้พวกเขาหมดสิทธิ์แย่งอันดับ 2 แต่ก็ยังเพียงพอต่อการเข้ารอบเพลย์ออฟครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เป็นการปิดฉาก 1 ทศวรรษที่พวกเขารอคอยกันมาอย่างเนิ่นนานกับสิ่งที่ปรารถนามาตลอด นั่นคือ ถ้วยใบใหญ่เอเชีย

ด้วยพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของทีม โดยเฉพาะในเรื่องการหาตัวผู้เล่นต่างชาติช่วง 5 ปีหลัง แม้จะหมดยุคของ “เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส” แต่ก็ยังได้แข้งนอกคนใหม่ที่มีฝีเท้าเหมาะสมกับองค์ประกอบภายในทีม ที่เห็นชัดสุดๆ ก็คงต้องยกให้ชื่อของ “สตีเวน ล็องจิล”


ด้วยเทคนิคการพาบอลเลี้ยงกระชากไปข้างหน้า สายตาคมกริบในการแอสซิสต์ และทีเด็ดจากลูกฟรีคิก รวมทั้งอานุภาพการยิงไกล ซึ่งตอบโจทย์ได้อย่างกลมกล่อมมาก ในการประสานงานกับ ยานนิค โบลี และผู้เล่นคนอื่นๆ ในทีม

ส่วนอีกคนที่สมควรได้รับเครดิตไปด้วย ก็คงจะหนีไม่พ้น “เสี่ยฟลุ๊ค”ที่ฟูมฟักทีมนี้ ตั้งแต่ลีกรากหญ้าจนก้าวมาไทยลีก และทะลุไปสู่ เอเอฟซี แชมปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ 


ยังไงก็ขอเป็นแรงใจให้พวกเขาผ่านรอบเพลย์ออฟไปให้ได้ เชื่อเลยว่าสนาม มิตรผล สเตเดี้ยม ที่สวยแบบนี้ หากได้รับการถ่ายทอดสดไปทั่วเอเชีย คงจะสร้างความประทับใจและสร้างชื่อเสียงให้กับวงการลูกหนังไทยได้อย่างแน่นอน ไว้มาคอยดูกัน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด