แม้จะได้กุนซือฝีมือดีอย่าง ดราแกน ทาลายิช แต่ก็ไม่สามารถสู้ความอำมหิตของ อเล็กซานเดร กามา และพลพรรคบราซิเลียนฝั่ง บุรีรัมย์ฯ ได้
ปราสาทสายฟ้า จบซีซั่นด้วยการทิ้งขาด กิเลนผยอง 15 คะแนน ด้วยผลงาน “ไร้พ่าย” แถมกระทืบเมืองทองฯส่งท้ายในศึกฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ
บอร์ดบริหารและ ดราแกน ทาลายิช เห็นพ้องต้องการว่า ทีมควรหากองหน้าตัวเป้าเข้ามาเพิ่มมิติในลูกกลางอากาศ และช่วยแบ่งเบาภาระ เคลตัน ซิลวา เหมือนที่บุรีรัมย์ฯ มี ดิโอโก ซานโต กับ จิลแบร์โต มาเคนา
ทำให้ต้นปี 2016 เอสซีจี เมืองทองฯ คว้าตัวดาวยิงแซมบ้ารายหนึ่งเข้ามา เป็นบราซิเลียนแท้ กินกาแฟมาแต่เกิด
หมอนี่ชื่อ จูเนียร์ เนเกรา
เวลานั้นบอร์ดสโมสรค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพมือปืนวัย 29 รายนี้ ว่าคือ “ของจริง” หลังสเก๊าท์ฟอร์มการเล่นมาหลายเดือน พร้อมชูว่า เนเกรา จะเข้ามาเติมเต็มทีมในแดนหน้าได้
เมื่อรวมกับผู้เล่นไทยที่ดึง-ยืมตัวมาในเวลานั้นอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ทริสตอง โด, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ หรือ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี น่าจะทำให้ทีมชุดนี้น่าจะทวงคืนวันดีดีได้
แต่หลังจากนั้นไม่นานบอร์ดบริหาร ตัดสินใจแยกทาง ดราแกน ทาลายิช ด้วยเหตุผลที่ไร้โทรฟี่ติดมือ พร้อมแต่งตั้ง ธชตวัน ศรีปาน เป็นเฮดโค้ชคนใหม่
ขณะที่ เนเกรา ความหวังใหม่ของชาวกิเลน กลายเป็น “ตัวตลก” ของแฟนบอล ถูกก่นด่า โดนล้อเรื่องเชื้อชาติว่าเป็น “บราซิเลียนจีนแดง” บ้าง
ทั้งที่ความเป็นจริงหลายคนทราบว่า ก่อนมาเมืองไทย เนเกรา ต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ เมื่อมาอยู่กับ เมืองทอง แน่นอนว่าสถาพร่างกายหมอนี่ยังไม่เต็มร้อย ซึ่งเจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์และ “ขอเวลาอีกไม่นาน”
แต่กลายเป็นสโมสรเลือกเข็น เนเกรา ในสภาพที่ความฟิตไม่สมบูรณ์ลงเล่นในศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก ซึ่งผลลัพธ์ก็ตามอย่างที่เห็น
ลงเล่นกับ ยะโฮร์ ดารุล ตักซิม จนถึงช่วงต่อเวลา พลาดลูกง่าย ๆ อย่างน่าเขกกะโหลก จนนัดถัดมาพ่าย เซี่ยงไฮ เอสไอพีจี เขาอยู่ในสนามเพียง 65 นาที ไม่มีอะไรช่วยทีมเป็นชิ้นอัน
นั่นคือนัดสุดท้ายของเขาในสีเสื้อกิเลน
เมืองทอง ให้เวลา เนเกรา (ที่สภาพร่างกายยังไม่พร้อม) เพียง 2 นัดในการพิสูจน์ตัวเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกปล่อยไปให้ พัทยา ยูไนเต็ด ใช้งาน
ช่วงที่มีข่าวย้ายไปร่วมทัพ “โลมามหาภัย” ใหม่ ๆ เขาเองโดนดูถูกกระทั่งจากแฟนบอลพัทยาว่า ฝีเท้าแบบนี้อย่าว่าแต่จะเล่นไทยลีกเลย เล่นไทยลีก 2 ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ก็นั่นแหละ เวลาคือ “คำตอบ” ชั่นดี เมื่อสภาพร่างกายกลับมาฟิตเต็มที่ สัญชาตญาณนักล่าประตู เนเกรา ก็คืนมา
เนเกรา ยิงกระจายให้ พัทยาฯ 20 ตุงจาก 29 นัดที่ลงสนาม คว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวลีก ขณะที่ เคลตัน ซิลวา อัดให้ เมืองทองฯ ไป 27 ตุง พร้อมพากิเลนผยองทวงคืนแชมป์
อย่างไรก็ตามโมงยามนั้นแฟนเมืองทองเอง หาใช่ใยดีหรือรู้สึก “เสียดาย” อะไรกับ เนเกรา แม้จะฟอร์มดี แต่จบแล้วก็จบไป เพราะทีมรักตัวเองก็ได้แชมป์
จนปี 2017 เนเกรา ได้รับข้อเสนอจาก “บิ๊กทีม” ในไทยลีกพร้อมประเคนเงินเดือนระดับ 7 หลักให้ ตอนนั้นแฟนบอลหลายคนยังตลกโป๊กฮาคิดว่าเป็น “เฟกนิวส์” อยู่
จนหมอนี่เลือกย้ายไปร่วมทัพ แดกู เอฟซี ในเคลีกเกาหลีใต้ หัวข้อสนทนาถึงถูกหยิบยกมาคุยอีกครั้ง แต่เป็นการล้อเลียนภาพเก่าของเขาสมัย เมืองทองฯ ที่จับบอลง่าย ๆ ลั่น ขาอ่อนขณะยิงประตูโล่ง ๆ บ้างก็แขวะว่า เคลีกถูกไทยลีก “ย้อมแมวขาย”
จากนั้นชื่อ “ตัวตลกลูกหนัง” จะค่อย ๆ เลือนหายไปจากสารบบฟุตบอลไทย
เราได้ข่าว เนเกรา กันอีกครั้งหลังเขาซัดให้กับ แดกู ไป 12 ประตูจาก 16 นัด ก่อนถูก อุลซาน ฮุนได ยักษ์ใหญ่บนลีกสูงสุดคว้าตัวไปร่วมทัพ และนี่คือผลงานของ เนเกรา จากนั้น
ปี 2018 : 40 นัด 27 ประตู 3 แอสซิสต์
ปี 2019 : 44 นัด 22 ประตู 5 แอสซิสต์
ปี 2020 : 41 นัด 35 ประตู 3 แอสซิสต์ (พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก)
นอกจากนี้ติดทีมยอดเยี่ยมเคลีก 3 ปีติดกัน
จากวันที่เป็นเพียง “ตัวตลก” ในเมืองไทย สู่การเป็น “ตัวอันตราย” ในเคลีก เนเกรา พิสูจน์ตัวเองด้วยฝีตีน จนสะสมความสำเร็จอย่างมากมาย
ใครบางคนบอกไว้ บางครั้งโลกลูกหนังก็ไม่เคยหยุดรอเรา
เมื่ออุตสาหกรรมฟุตบอลหมุนต่อเนื่อง การแข่งขันสูงขึ้น สำหรับสโมสรที่ “เดิมพันสูง” กับโทรฟี่ เขาอาจไม่มีเวลามา “รอ”
น่าสนใจว่าหากวันนั้น เมืองทอง เลือกที่จะ “ให้เวลา” กับ เนเกรา อีกสักนิดจนฟิตสมบูรณ์ เขา และ เคลตัน ซิลวา จะจับคู่ถล่มประตูกันได้สะเด่าขนาดไหน
บางทีอาถรรพ์หมายเลข 9 บ้าบอ ในถิ่น เอสซีจี สเตเดียม คงไม่ถูกหยิบมาพูดจนถึงวันนี้
