:::     :::

ย้อนวันวานกับสไตล์ "ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ"

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,850
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากเอ่ยถึงคำว่า "ศิลปินลูกหนัง"

ผู้คนย่อมนึกถึงนักเตะที่มีสไตล์การเล่น และลีลาที่สวยงาม โดยเป็นนักเตะมักมีแนวทางการเล่นแบบใช้มันสมองผสมผสานลงไปด้วย หนึ่งนักเตะที่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า นี่คือศิลปินลูกหนัง นั่นก็คือดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติบัลแกเรีย


นอกจากเบอร์บาตอฟ จะมีลีลาการเล่นที่สวยงามแล้ว เขายังมีจุดเด่นที่เปรียบเหมือนกับเครื่องหมายการค้าส่วนตัว นั่นคือเรื่องของการจับบอลว่ากันว่า ช่วงเวลาที่ดาวเตะบัลแกเรีย รายนี้ยังเล่นอยู่นั้น นี่คือนักเตะที่สามารถจับบอลอย่างนิ่มนวลเบอร์ต้นๆของโลกลูกหนังเลยทีเดียว


ช่วงนี้ เราไปดูกันหน่อยว่า ทำไมเบอร์บาตอฟ ถึงกลายเป็นนักฟุตบอลที่สามารถจับบอลได้อย่างนิ่มนวล ชนิดที่ยากจะเลียนแบบ ซึ่งไม่ได้มาจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่มันแฝงมาด้วยพรแสวง ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขายังเป็นเด็กเลยทีเดียว 

เบอร์บาตอฟ เกิด และเติบโตที่บลากอฟกราด เมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศบัลแกเรีย ชีวิตวัยเด็กของเขานั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ 


โดยเฉพาะเรื่องของการเล่นฟุตบอล ที่ต้องอาศัยความพยายามมากกว่าเด็กคนอื่น อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่ช่วยพัฒนาให้เขา กลายเป็นสุดยอดนักฟุตบอล


อดีตกองหน้าของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเล่าย้อนความทรงจำว่า เขาฝึกฝนมากับสภาพสนามที่ไม่ได้เอื้ออำนวย และไม่สะดวกสบาย


กระนั้น มันสอนให้เขามีพื้นฐาน และเทคนิคการเล่นฟุตบอล ที่มีความชำนาญมากยิ่งขึ้น จนมันกลายมาเป็นทักษะที่ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้


เบอร์บาตอฟ กล่าวว่าหลายคนคงคุ้นชินกับคำกล่าวที่ว่า -นักเตะบราซิเลี่ยน ฝึกการจับบอลบนชายหาด- แต่สำหรับผมแล้ว ผมฝึกฝนมันบนพื้นยางมะตอย ที่มีพื้นผิวที่ไม่เรียบ และเต็มไปด้วยความขรุขระ


นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมผมถึงต้องพยายามควบคุมบอล และจับบอลเอาไว้ เพราะไม่อย่างนั้น คู่แข่งก็จะแย่งมันไปอย่างง่ายดายนั่นเอง

เบอร์บาตอฟ เอ่ยถึงความยากลำบากต่อไปว่าย้อนเวลากลับไป ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมไม่มีสนามหญ้าเทียมให้เล่นเหมือนกับเด็กสมัยนี้หรอก


ตัดภาพกลับไปที่โรงเรียน ผมมีแค่สนามที่เป็นพื้นยางมะตอยเท่านั้น นี่คือสถานที่บ่มเพาะฝีเท้าชั้นเลิศ แน่นอนว่า ลูกบอลเด้งสูงมาก ผมต้องหาทางควบคุมมันให้ได้ จนมันกลายเป็นความคุ้นเคยที่ไม่ทันสังเกตมันด้วยซ้ำไป 


หลังจากเล่นฟุตบอลบนพื้นยางมะตอย ผมจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่คือบทเรียนในการสร้างเทคนิคให้กับผม นอกจากนี้ มันยังคอยสอนเรื่องความแข็งแกร่งของจิตใจด้วย เนื่องจากบนพื้นสนามแบบนั้น หากผมหกล้มลงแล้ว หัวเข่าของผมจะถูกอาบไปด้วยเลือด


เบอร์บาตอฟ กล่าวเสริมว่าช่วงเวลาที่หกล้มนั้น ผมอาจจะร้องไห้ออกมาก็ได้ แต่อย่างที่บอกไปแล้ว ไม่มีใครมานั่งดูแลผมหรอก 


ทุกคนจึงจำเป็นต้องตั้งหน้าตั้งตาเล่นฟุตบอล เมื่อหกล้ม ก็แค่ลุกขึ้นมา และเล่นต่อไป ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ การที่เลือดตกยางออกถือว่าเป็นเรื่องปกติ

นอกจากพื้นสนามแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เบอร์บาตอฟ จับบอลได้อย่างนุ่มนวล นั่นคือเรื่องของข้อจำกัดด้านรองเท้า ที่เป็นอีกหนึ่งบททดสอบเช่นเดียวกัน


เขาเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวดังกล่าว ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนว่าช่วงเวลานั้น ผมมีรองเท้าเพียงแค่คู่เดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นรองเท้าที่ขาดวิ่นจนเป็นรูโหว่


ด้วยความที่ไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อรองเท้าคู่ใหม่ ผมต้องหาเทปผ้ามาพันไว้ พร้อมกับสวมมันต่อไป นี่คือวิถีชีวิตของชาวยุโรปตะวันออก


ทั้งการเล่นฟุตบอลบนพื้นยางมะตอย และผ่านรองเท้าที่ไม่ได้สมประกอบนัก ช่วยสร้างให้เบอร์บาตอฟ สามารถจับบอลได้เหมือนกับคนที่มีเวทมนตร์ 


ซึ่งเขาออกมาปิดท้ายว่า สิ่งสุดท้ายคือการทำงานหนัก และอย่ายอมแพ้ต่อข้อจำกัดที่มี ไม่แน่ว่า อนาคตหลายคนอาจจะจับบอลได้นิ่มนวลมากกว่าเขาก็ได้ 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด