:::     :::

เรียลปีศาจMcTominay การพัฒนาตัวระดับAในฐานะสแตนด์2ตำนาน

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
11,402
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แม็คโทมิเนย์พัฒนาฟอร์มขึ้นมาเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งล่าสุดระเบิดฟอร์มเทพระดับโลกให้ได้เห็นประหนึ่งสโคลส์และคีนรวมร่างกัน และทำท่าว่าเด็กคนนี้จะพัฒนาไปได้ไกลมากกว่าที่แฟนปีศาจแดงจะจินตนาการออกด้วยซ้ำไป

นี่คือผลการแข่งขันที่เยี่ยมยอดระดับ "โคตรอลังการ" ที่สุดนัดนึงของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในยุคของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา เมื่อปีศาจแดงเปิดบ้านถล่มลีดส์ยูไนเต็ดไป 6-2 ในสงครามดอกกุหลาบยุค2020 ดวลเดือดกับคู่อริในตำนานที่กลับมาปะทะกันแบบจริงๆจังๆอีกครั้งหลังจากห่างหายไป16ปี

สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมเมื่อวานนี้ทุกคนคงจะได้เห็นกันไปแล้ว แต่ไฮไลท์สำคัญอย่างหนึ่งที่เชื่อว่า ไม่ว่าแฟนผีคนไหนก็ต้องจดจำและกล่าวขานกันอย่างแน่นอน นั่นก็คือ การระเบิดฟอร์มของ Scott McTominay ในร่างที่แดกกาก้าป็อกบาชาบี้ปีร์โล่สโคลส์เจอร์ราร์ดแลมพาร์ดเข้าไป วิ่งเข้าโจมตีใส่ลีดส์จนคลิช กับ ฟิลิปส์หลุดตัวประกบไปโดนยิงประตู จนบิเอลซ่าต้องร้องขอชีวิต และเปลี่ยนตัวสองคนที่ว่าออกในครึ่งหลัง

อวยแล้วต้องอวยให้สุด (ฮา)

การทำ "2ประตู" ได้ภายใน"3นาที" ถือเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก ที่น้องแม็คสามารถทำได้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ไม่เคยมีใครยิงเบิ้ลตั้งแต่ต้นเกมได้เร็วกว่าเขาอีกแล้ว ในวัย24ปี ฉลองการลงรับใช้ต้นสังกัดให้เป็นนัดที่101ของเขาได้อย่างสวยงามเหมือนเขียนบทเอาไว้ เมื่อมันเกิดขึ้นกับคู่ปรับที่แฟนบอลเกลียดชังกันที่สุดคู่นึงด้วย ในเกมที่เล่นกันในสนามปิด ลองจินตนาการเล่นๆว่าถ้าเกมนัดนี้แฟนบอลอยู่กันเต็มโอลด์แทรฟฟอร์ด บรรยากาศมันจะอลังการขนาดไหน

สถิติของแม็คโทมิเนย์ในเกมนั้นมีดังนี้

ความแม่นยำในการผ่านบอล 86%

ชิงบอลกลับมาครอบครอง 7 ครั้ง

เคลียร์บอล 5 ครั้ง

สร้างสรรค์โอกาสยิง 3 ครั้ง

โอกาสยิง 3 ครั้ง

เรียกฟาล์วสำเร็จ 2 ครั้ง

ยิงได้ 2 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์

มันอลังการมากหากดูตัวเลขดังกล่าวขนาดที่่ว่า ต่อให้ตัดแอสซิสต์กับประตูที่ยิงได้ออก เขาก็ยังมีฟอร์มการเล่นระดับ"ผู้พิชิต" ในสนามของเกมนี้อยู่ดี ซึ่งฟอร์มขนาดนี้แฟนบอลหลายคนยกให้การเล่นของสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ "เฉพาะในเกมนัดนี้" อยู่ในระดับแนวหน้าของโลกเลย ซึ่งถ้าเป็นปกติเราก็คงจะด่าคนพูดแล้วว่า มึงอย่าเว่อร์ให้มาก อวยแต่พอดีๆ

แต่ของนัดนี้ผมว่าเราโม้แบบนั้นได้นะ

เพราะสิ่งที่แม็คโทมิเนย์ทำนั้น คือฟอร์มที่ลิมิตเข้าใกล้อนันต์ ไม่มีใครในสนามแม้แต่คนเดียวจะมาต่อกรได้จริงๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งข้างเดียวกันจะคนไหนๆ ต่อให้เป็นบรูโน่ ป็อกบา หรือสายเกมรับคนอื่นๆอย่างKalvin Phillips ของฝั่งลีดส์ หรือจะเฟร็ด มาติชก็ตาม

นี่ Invincibleของจริงระดับที่เรียกว่า "เรียลปีศาจ" ได้เลย

ถ้าเป็นปกติ นักเตะฟอร์มระดับท็อปขนาดนี้มักจะมีซุปเปอร์เอเย่นต์สักคนที่ดึงเข้ามาอยู่ในสังกัด และดูแลผลประโยชน์ให้แล้ว ลองจินตนาการดูเล่นว่าๆ ถ้าน้องแม็คมีเอเย่นต์รายใหญ่ๆอย่างไรโอล่าดูแลอยู่ จะเกิดอะไรขึ้น? เชื่อว่าประโยคอวยน้องเช่นนี้จะต้องออกมาจากปากไรโอล่าแน่นอน

"ลูกค้าของผมเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในสนาม ในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนัดนึงของแมนยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ เขายิงประตูระดับโลกไปสองลูก แอสซิสต์อีกหนึ่ง และที่สำคัญเขาทำให้มิดฟิลด์แชมป์โลกได้แต่มองอยู่บนม้านั่งสำรองข้างสนาม ดังนั้นผมมีแพลนว่าจะขายแม็คไปให้กับเรอัลมาดริดในเดือนมกรานี้"

ไรโอล่าคงพูดแบบนี้แน่(ฮา)

แค่จินตนาการเล่นๆก็หงุดหงิดแล้ว โวะ!!

ระหว่างเกมการแข่งขัน แม็คโทมิเนย์ได้รับคำยกย่องมากมายที่ทรงพลังยิ่งกว่าคำอวยดาดๆของแฟนบอลอย่างเราๆท่านๆซะอีก เมื่ออดีตยอดนักเตะอย่างรอย คีน กับ แกรี่ เนวิลล์ ถึงกับออกโรงยกย่องเอง โดยเฉพาะรอยคีนที่ระยะหลังไม่ค่อยจะมีทัศนคติที่ดีกับทีมเราเท่าไหร่ ถึงกับต้องออกปากชมแบบเต็มๆในการเติมเกมรุกขึ้นสูงวิ่งเข้าใส่กรอบเขตโทษของแม็คโทมิเนย์จากแนวหลัง ทั้งในลูกแรกที่เติมดันแผงกลางขึ้นมาหาแอเรียที่หลุดการป้องกันในสนามและอัดด้วยขวาบอลติดไซด์ก้อยเข้าประตูไปแบบคมกริบตั้งแต่1นาที7วิ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกที่สอง คีนบอกว่า ทั้งบาลานซ์ และเทคนิคของแม็คโทมิเนย์ในลูกนั้นในการจัดระเบียบร่างกาย วิ่งเข้าไปรับบอลในกรอบเขตโทษด้วยเท้าขวาเนียนๆ แต่งบอลเข้าซ้ายให้พร้อมยิง(ด้วยเฟิร์สทัชทีเดียวนั้น) ก่อนที่จะซัดด้วยซ้ายสวนทางเมสลิเยร์เข้ามุมไปยังกะกองหน้ามืออาชีพ

คีนชื่นชมน้องแม็คมากแม้ขนาดทรงผมยังหล่นคำพูดเอาไว้ว่า

"ผมชอบแม้กระทั่งทรงผมของเขาเลยนะ ตัดผมทรงนี้ทำให้เขาคมขึ้นเยอะเลย"

แกก็คงชื่นชมจริงๆนั่นแหละ คงไม่ได้แซะใครบางคนละมั้ง(ฮา)

ส่วนขาอวยเจ้าประจำอย่างเฮียเนฟ แกรี่ เนวิลล์ และแล้ววันนี้เสือโหยของเราก็ไม่พลาด เมื่อแกรี่ถึงกับพูดในจังหวะยิงนั้นกับSkyว่า

"สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์แปลงล่างเป็นพอล สโคลส์ กับ รอยคีน ตั้งแต่สองนาทีแรกเลย!"

แกรี่ถึงขนาดพูดแบบนี้ นี่น่าจะเป็นคำยกย่องที่สูงมากจริงๆถึงยกเอาคีนกับสโคลส์มาเช่นนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แฟนแมนยูน่าจะพอมองออกว่า ในวัย24ปีของแม็คโทมิเนย์ เค้าทำอะไรได้บ้าง อย่างแรกที่เห็นก็คือ การจบสกอร์ในวันนี้ มันคือสกิลในคลังของน้องแม็คที่ "มีในตัวอยู่แล้ว" อย่างที่เรารู้ๆกัน แต่วันนี้มันperfectและพุ่งขึ้นถึงขีดแม็กซ์จริงๆ ซึ่งการเติมเกมรุกและสามารถขึ้นมาจบสกอร์ด้วยตัวเองได้จากแดนกลางสนาม มันคือ"ส่วนหนึ่ง"ที่เป็นร่างทรงดีๆของตำนานมิดฟิลด์หัวแดงเพลิงที่มักจะสอดมายิงได้เรื่อยๆในอดีต

ครึ่งนึงของน้องแม็ค คือ "สแตนด์ของสโคลส์" จะว่างั้นก็ได้

แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่แม็คโทมิเนย์นำเสนอและมอบคุณค่าให้กับทีมได้ด้วยนั้นก็คือ การเป็นเกราะป้องกันให้กับ"แผงแนวรับ" ของทีม ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะนอกคอยสกรีนและป้องกันไม่ให้คู่แข่งไปโจมตีใส่จุดตายของทีมได้อย่างยอดเยี่ยม

นอกจากนี้การยืนคุมตำแหน่งที่แข็งแกร่งของเฟร็ดในการช่วยคอนโทรลบอลในคีย์แอเรียอยู่ด้านหน้าแมกไกวร์กับลินเดอเลิฟ(ซึ่งสำคัญและเป็นที่พึ่งของกองหลังอย่างมาก) การมีเฟร็ดคอนโทรลอยู่มันทำให้แม็คโทมิเนย์สามารถเติมเกม และทำอะไรทุกอย่างได้อย่างที่เขาต้องการจะทำ จากศักยภาพนักกีฬาของเขา

นี่คืออีกส่วนหนึ่งที่เป็นร่างรวมครึ่งนึงจากรอยคีน ที่เติมพลังงานการเล่นจากล่างสู่บน และทำหน้าที่เป็น "Guardian of The Old Trafford" คอยปกป้องทีมและสโมสรจากอริศัตรูที่จะเข้ามา

ใช่ อีกครึ่งที่เป็นพาร์ทเกมรับของแม็คนั้น มันทำให้เขาเป็น "สแตนด์ของรอยคีน" ด้วยในเวลาเดียวกัน

นอกจากสองประตูนั้น อีกหนึ่งแอสซิสต์ของเขายังเป็นลูกที่คุณภาพสุดๆอีกลูก เมื่อมันคือการเติมเกมบุกขึ้นหน้า และสัมผัสบอลแรกสุดสวยก่อนที่จะหนีแทคเกิลของโรดริโก้ แถมยังเลี้ยงหลบอีกดอกนึง ก่อนที่จะจ่ายแอสซิสต์ลูกเรียดที่คมที่สุดของวันนี้ไปให้แดเนียล เจมส์ ที่กดอัลติยิงลอดดากส์เข้าประตูไปเหมือนกัน ทั้งๆที่ปกติก็จะยิงไม่ผ่านโกล วันนี้ก็ฟอร์มพีคด้วยกันหมดทั้งทีมไปด้วย

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ให้สัมภาษณ์ถึงแม็คโทมิเนย์ในวันนี้เอาไว้ว่า

"สก็อตต์เคยเป็นตัวจบสกอร์สมัยเด็กๆอยู่แล้ว และเขามีร่างกายในเชิงกายภาพระดับปีศาจเลย บอลโด่งก็เอาอยู่ แทคเกิลก็เอาอยู่ แถมยังแข็งแกร่งและไวเป็นกรดอีกด้วย เขาแค่วิ่งเติมขึ้นไปยังที่ว่างที่เราหวังว่าเขาจะวิ่งขึ้นไป และเป็นการทำงานร่วมกับนักเตะคนอื่นที่ยอดเยี่ยมด้วยในการสร้างสรรค์พื้นที่ว่าง และมีการจบสกอร์ที่ดีเยี่ยม"

"บางทีผมต้องคอยเบรคๆสก็อตต์อยู่บ้างนะ เพราะว่าโดยพื้นฐานการเล่นนั้นเขาเป็นมิดฟิลด์ที่ชอบเล่นรุกโดยธรรมชาติ แล้วพอเขามองเห็นพื้นที่วิ่งอยู่ข้างหน้า เราจะไปห้ามไม่ให้เขาวิ่งเติมได้ไงล่ะ ไม่งั้นเกมนี้อาจจะมี 12-4 แล้ว เกมมันเป็นแบบนั้นแหละ"

คำพูดเหล่านี้ของโซลชาก็ชัดเจน ตรงตามที่ผู้เขียนมีคาดการณ์เรื่องแทคติกเอาไว้กันก่อนเกม สิ่งที่สำคัญคือการเอาชนะแมนมาร์คของลีดส์ด้วยการ ครีเอทspaceการเล่นโจมตีลีดส์ด้วยความเร็วและเชิงกายภาพเป็นจุดสำคัญ เพราะตัวรุกทีมเราทั้งแกร่งและเร็วกว่าลีดส์แบบเทียบไม่ติด ก็ตามทรัพยากรที่สโมสรมี

ประตูของแม็คโทมิเนย์ในเกมนี้ ทำให้กาแฟที่มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ชงมาจะเอาไว้จิบข้างสนาม ยังไม่ทันจะหายร้อนเลยด้วยซ้ำ

สิ่งที่แม็คโทมิเนย์ทำให้เราได้เห็นวันนี้ถือว่าเป็น "อาวุธลับ" ที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ เพราะก่อนเกมเมื่อเราดูลิสต์รายชื่อของไลน์อัพนักเตะ บอกตรงๆว่าค่อนข้างกังวลมาก เพราะแดนหน้าสามคนไม่มีนักเตะที่สามารถสร้างสรรค์เกมรุกได้เลย หมากแรชก็อย่างที่รู้ๆกันว่าบอลชายเดี่ยว เลี้ยงติดเลี้ยงติดตลอด ส่วนแดเนียลเจมส์ไม่ต้องพูดถึง เลี้ยงไม่เคยผ่าน ยิงไม่เคยจะเข้า มีมิติเดียวคือแทงให้วิ่งเท่านั้น

และแมนยูมีเพียงแค่ "บรูโน่ แฟร์นันด์ส" คนเดียวที่เป็นเพลย์เมคเกอร์ผู้สามารถปั้นสร้างสรรค์เกมรุกให้ทีมได้ และหลายๆครั้งที่มีบรูโน่ครีเอทเกมรุกแค่คนเดียว เกมบุกแมนยูหลายๆครั้งจะตื้อตันมากๆในครึ่งแรก จนสุดท้ายต้องเสียประตูก่อน หรือเปลี่ยนตัวในครึ่งหลัง อย่างที่เราเห็นไอ้การคัมแบ็คๆที่ว่านี่ ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้บ่อยครั้ง

แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย และสามารถ "ลบจุดอ่อน" ในเรื่องที่ทีมการขาดตัวสร้างสรรค์เกมรุกที่มากพอ จากนักเตะ11คนแรกนั้น มันคือการระเบิดฟอร์มของ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่เติมเกมรุกแบบบ้าคลั่งกระจุยกระจายตลอดทั้งเกมจนถึงนาทีสุดท้าย(และเจ็บไปอย่างที่เห็นเพราะใช้กล้ามเนื้อเต็มที่จนเกินรองรับไหว)

การเติมรุกของน้องแม็ค ทำให้ทีมมีคนที่เพิ่มเกมบุกให้ทีมนอกเหนือจากบรูโน่อีกคน จากการที่เติมดันแผงกลางมารับบอล และจบสกอร์ด้วยตัวเองทั้งสองลูก และเติมขึ้นในจังหวะบุก และพาบอลขึ้นหน้า แถมด้วยการสร้างสรรค์การจ่ายบอลสวยๆไปยังพื้นที่ว่างให้กับตัวจบสกอร์ของทีม จนทำให้แดเนียล เจมส์ บวกประตูที่5ให้กับทีมได้

มันทำให้เหมือนทีมเรามีป็อกบา มาเติมเกมรุกในสนาม แต่มันดีกว่าตรงที่ เราไม่จำเป็นต้องใช้ป็อกบาลงมาช่วยบรูโน่อีกแล้ว ในขณะเกมรับก็ยังมีทรงของคู่ "แม็คเฟร็ด" คุมพื้นที่หน้าแผงหลังอย่างสุดแกร่งอยู่เช่นเดิม

สิ่งที่แม็คทำให้มันเกิดในเกมนี้ ผมมองว่ามันเหมือนการ "อีโวร่าง" อัพเกรดพัฒนาตัวเองขึ้นให้เห็นระหว่างการแข่งขันนัดนี้เลย จากแค่การเป็นมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์สาย Ball-Winning Midfielder ที่เน้นเกมรับเป็นหลัก แต่คราวนี้แม็คโทมิเนย์เล่นในมิติRoleของ "Attacking Midfielder" ที่เป็นมิดฟิลด์เติมรุกจากแดนกลางอย่างชัดเจนด้วย

มันคือการอัพเกรดตัวเองครั้งยิ่งใหญ่มากๆของแม็คโทมิเนย์จริงๆ แต่ว่า "นี่ไม่ใช่ครั้งแรก" ที่น้องแม็คเริ่มแปลงร่างให้เราเห็นขึ้นเรื่อยๆว่า มันคือการพัฒนาตัวเองระดับ "A" ของแท้ในฐานะสแตนด์ของป็อกบามาก่อนหน้านี้ ในเกมก่อนๆถ้าแฟนผีจะจำได้ แม็คโทมิเนย์ในยามที่ลงสนามเป็นตัวจริง และทำหน้าที่แทนป็อกบานั้น เขาโชว์สกิลการ "วางบอลยาว" แบบแม่นๆทันทีที่มีโอกาส วางบอลยาวแบบรัวๆเลย

ผมเชื่อว่าแฟนผีเห็นสกิลนั้นของแม็คกันอย่างตื่นเต้นไปรอบนึงแล้ว

แล้วดูเอาเองว่า วันนี้มันคือการอัพเกรดตัวเองอย่างต่อเนื่อง และเดินหน้ามาไกลกว่าจุดนั้นแล้วเมื่อเติมเกมรุก สร้างสรรค์เกม และทะลวงประตูด้วยตัวเองอย่างสุดคมและแข็งแกร่ง

ผมเชื่อว่าเกมเจอลีดส์ และฟอร์มเทพเจ้าในวันนี้แหละ มันคือจุดปลดล็อคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพนักฟุตบอลของเขาอย่างแน่นอน

เพราะต่อจากนี้ น้องแม็คจะเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น จะกล้าเล่นมากกว่าเดิม เพราะทุกอย่างของน้องแม่งพร้อมอยู่แล้ว ทั้งสกิล ทักษะ เซนส์บอล และทางด้าน "กายภาพ" ที่สำคัญมากๆสำหรับฟุตบอล ไม่ว่าจะหน่วยก้าน หุ่น ความแข็งแกร่ง ความเร็ว

สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ มีทุกอย่างพร้อมมากๆที่จะส่งตัวเองขึ้นไปสู่ความเป็น "มิดฟิลด์ระดับโลก" ได้ ในขณะที่นักเตะบางคนยังไม่มีทุกอย่างพร้อมเช่นนี้เลย

หากแฟนผียังจำกันได้ สมัยที่แม็คโทมิเนย์ขึ้นมาใหม่ๆ พวกเราก็พยายามมองหาจุดเด่นของน้องมัน ก็หาไม่เจอ เพราะตอนนั้นยังเล่นแบบไม่มีอะไรเลย หลายๆครั้งในปีก่อน เขาก็มักจะเล่นได้แต่ลูกจ่ายง่ายๆ แปะกลับหลังเน้นเซฟ จ่ายบอลเป็นสี่เหลี่ยมกลับไปมาซ้ายขวาเท่านั้น

อย่าถามหาถึงบอลขึ้นหน้า ไม่มีให้เห็น

สมัยเดบิวต์

แล้วแฟนผีดูแม็คโทมิเนย์ตอนนี้เมื่อเทียบกับสมัยใหม่ๆที่เป็นมิดฟิลด์เต้าหู้จืดชืดที่ไม่มีเอกลักษณ์ใดๆในตัวเองเลยสิ แล้วจะเห็นว่าน้องมันมาไกลแค่ไหน เมื่อเทียบกับการระเบิดฟอร์มเทพเจ้าถล่มลีดส์เละ 6-2 เช่นนี้

นี่เป็นนักฟุตบอลที่พัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดดเยอะมาก ระหว่างที่กำลังดำเนินอาชีพค้าแข้งของตัวเอง น้อยเคสนักที่จะเห็นการก้าวกระโดดเช่นนี้

กรณีอื่นคล้ายๆ นึกออกเพียงแต่เคสของ Cristiano Ronaldo ตอนที่อัพเกรดขณะอยู่แมนยูต่อแรก และอัพเกรดเป็นเครื่องจักรสังหารตอนอยู่เรอัล มาดริดเป็นต่อที่สอง

มีแต่เคสพี่โด้คนเดียวเท่านั้น

ที่เหลือคือ น้องแม็คต้องอีโวตัวเองต่อไปอีก และยังมีที่ว่างให้เขาปรับปรุงฝีเท้า อัพเกรดตัวเองขึ้นไปได้อีกเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของ "ทางบอล และการออกบอลอย่างเนียนตา" ที่เป็นสกิลของเนมันย่า มาติช และรวมถึงด้าน "Mentality" ที่เป็นสภาพจิตใจ วัยวุฒิในการเล่นในสนามที่แม็คโทมิเนย์ยังต้องพัฒนาอีกมาก

ถ้ากลายร่างเป็นสแตนด์ของมาติชได้อีกคน และได้สภาวะจิตใจ ความเก๋า และประสบการณ์ของนักเตะที่แก่กล้าวิชามากกว่านี้เมื่อไหร่

เมื่อใดก็ตามที่สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ฟาร์มไอเท็มจนเต็มMax เมื่อนั้นคำนิยาม "หนึ่งในมิดฟิลด์ที่เก่งที่สุดในโลก" จะตกเป็นของเขาทันทีในอนาคตข้างหน้านี้

ชายผู้นี้คือมรดกล้ำค่าที่เป็นสายเลือดแห่งความภาคภูมิใจของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างแท้จริง

-ศาลาผี-

Reference

https://www.thetimes.co.uk/edition/sport/monster-scott-mctominay-comes-of-age-9j60fdxhf

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด