:::     :::

"เขี้ยวสมุทร" ยุค "เจแปนนีสสไตล์"

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,081
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปลายปี 2019 สมุทรปราการซิตี้ ตกเป็นข่าวดัง เมื่อพวกเขาบรรลุในการดึง "มาซาทาดะ อิชิอิ" เข้ามาคุมทีม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างความตื่นตะลึงอย่างยิ่งให้กับวงการลูกหนังของแดนปลาดิบ

ด้วยชื่อของ มาซาทาดะ อิชิอิ เป็นที่ยอมรับในญี่ปุ่นอย่างมากทีเดียว หลังจากเขาเองสามารถปั้นผลผลิตจาก คาชิมา แอนท์เลอร์ส ให้ก้าวมาเป็นสตาร์ของทีมชาติญี่ปุ่นในปัจจุบัน ตั้งแต่ที่เขาไปกุมบังเหียน จนเสกให้ทีมคว้าแชมป์ทุกรายการในเกาะญี่ปุ่น 

เขาใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี ในการพาทีมคว้าแชมป์เจลีก คัพ 2015, แชมป์เจลีก, แชมป์เอ็มเพอเรอร์ คัพ ปี 2016 ก่อนที่จบฤดูกาลเจ้าตัวจะคว้าตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 อีกรางวัล นอกจากนี้ยังสร้างประวัติศาสตร์พาทีมคว้ารองแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลก 2016 อีกด้วย  


นักเตะที่เขาสร้างมานั้น ทั้ง เกน โชจิ ก่อนเวลาต่อมาจะก้าวไปเป็นพาร์ทเนอร์กับ  มายะ โยชิดะ ปราการหลังรุ่นพี่ที่ลงตัวในทีมชาติญี่ปุ่น แถมยังพา "กวางเขาเหล็ก"ลงเล่น ในฟุตบอล ชิงแชมป์สโมสรโลก ถึง 2 ครั้ง 2 ครา พร้อมพาทีมเข้าชิงได้ 1 ครั้ง ซึ่งได้รองแชมป์ปี 2016 โดยแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด 

หรือแม้กระทั่ง กาคุ ชิบาซากิ ที่ถูกยกย่องเป็นอย่างมากกับฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น โดยช็อตการเลี้ยงหลบกองหลัง เรอัล มาดริด 4 คนก่อนยิงประตูให้ทีมนำ 2-1 ก่อนถูกตีเสมอและไปพ่ายในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-4 

หลังเกมดังกล่าวทำให้ กาคุ ชิบาซากิ ถูกยกย่องให้เป็น อันเดรียส อิเนียสตา ของญี่ปุ่นเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอล หรืออิทธิพลในเกมรุกที่ทำได้ดีอย่างน่าทึ่ง

ตลอดจน นาโอมิจิ อูเอดะ ที่ถูก อากิระ นิชิโนะ อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติญี่ปุ่น เลือกเขาไปเป็นขุนพล "ซามูไร บลูส์" ลุยฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ก่อนย้ายไปเล่นในต่างแดนกับ เซอร์เคิล บรูช ที่เบลเยียม 

รวมทั้ง ยูมะ ซูซูกิ ที่ถูก มาซาทาดะ อิชิอิ ดันชึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2015 ก่อนผลิตสกอร์จากนั้นเป็นต้นมา  27 ประตูจาก 97 เกม และตอนนี้โยกไปอยู่กับ แซงต์-ทรุยด็อง ในลีกเบลเยียมเช่นกัน

สิ่งที่พูดมาข้างต้น บ่งบอกได้ถึงความยอดเยี่ยมของ “อิชิอิ” ซึ่งได้รับการถูกจับตามองจากสื่อญี่ปุ่นกับการออกมารับงานนอกประเทศเวลานี้ ขณะเดียวกันเกจิของเมืองไทยหลายสำนัก ยกให้ สมุทรปราการ ซิตี้ เป็นหนึ่งในม้ามืดที่มีโอกาสสอดแทรกแย่งแชมป์ไทยลีก


อีกอย่างด้วยคุณภาพของผู้เล่นที่มีอยู่ก่อนเปิดลีก ทั้ง พิชา อุทรา, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ธีระพล เยาะเย้ย, ชญาวัต ศรีนาวงษ์, นพพล พลคำ, อริส ซาฟิโรวิช รวมทั้งกองหน้ารายใหม่ที่เพิ่งยืมมาจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด นามว่า บาร์รอส ทาร์เดลี่

สถานการณ์ 4 เกมแรกกลับพลิกตาลปัตร เพราะพลพรรค “เขี้ยวสมุทร” กลับเก็บได้เพียงแค่ 1 แต้มเท่านั้น ด้วยผลงาน เสมอ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 1-1 (ห), แพ้ การท่าเรือ เอฟซี 1-4 (ย), แพ้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-2 (ห) และแพ้ โปลิศ เทโร เอฟซี 0-1 (ย) ก่อนหยุดลีกเพราะโควิด-19 ระบาดอย่างหนัก  

ช่วงนั้นมีหลายกระแสที่เล็งว่า “อิชิอิ” น่าจะถึงเวลาเก็บกระเป๋าออกจากทีมไปแล้ว แต่ด้วยความเชื่อมั่นของบอร์ดบริหาร ที่ยังไว้ใจในตัวอดีตเทรนเนอร์ คาชิมา แอนท์เลอร์ส ทำให้ยังปักหลักสร้างความเข้าใจกับผู้เล่น และเปิดใจรับฟังทุกๆคนให้มากขึ้น

ระหว่างนั้นเองก็ต้องเสีย 2 ดาวเตะไทยอย่าง พิชา อุทรา และ ภูมินทร์ แก้วตา กลับไปสู่อ้อมอกของ “กิเลนผยอง” แต่มันไม่ได้ทำให้พวกเขาเกิดความระส่ำในทีม เพราะได้ จักรกฤษ ลาภตระกูล มาเสริมริมเส้นแบบทันควัน

การกลับมาหวดไทยลีกอีกครั้ง ปรากฏว่า ทุกอย่างได้ผลหลังหายไป 5 เดือน สมุทรปราการซิตี้ เริ่มปลดล็อก ชนะ ระยอง เอฟซี 1-0 (ย), เสมอ เอสซีจี เมืองทองฯ 0–0 (ย), ชนะ พีที ประจวบ เอฟซี 3-0 (ย)

ทว่า 5 เกมจากนั้นเก็บได้ 5 คะแนน ด้วยผลงาน เสมอ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 2-2 (ห), เสมอ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 2-2 (ย), แพ้ สุพรรณบุรี เอฟซี 2-1 (ห), ชนะ สุโขทัย เอฟซี 3-2 (ย) และ แพ้ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 1-3 (ย) จนกระทั่งฟอร์มพีคสุดๆในช่วง 4 แมตช์ที่ผ่านมา

พวกเขาอาละวาดด้วยผลงาน ชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3-1 (ย), ชนะ ชลบุรี เอฟซี 4-1 (ห), ชนะ ตราด เอฟซี 4-0 (ย) และ ชนะ การท่าเรือ เอฟซี 6-3 (ห) ซึ่งยิงไปถึง 17 ประตู เก็บ 12 แต้ม มี 25 คะแนน อยู่อันดับ 6 ของตาราง เรียกว่าเป็นของขวัญก่อนปีใหม่ให้กับสาวก "เขี้ยวสมุทร" เป็นอย่างดี


จุดแรกที่ต้องชมเลย นั่นคือ บรรดานักเตะต่างเริ่มเข้าในใจแท็คติกที่ “อิชิอิ” บรรจงละเมียดลงไปทุกๆขั้นตอน ซึ่งเห็นได้ชัดในการเล่นเกมสวนกลับ การท่าเรือฯ ซึ่ง 6 เม็ดที่กระซวกไปนั้น มาจากการแผนที่วางเอาไว้อย่างชัดเจน แถมยังได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก

ต่อมา คือ การเสริมทัพในเลกสองที่ยืม ดาเนียล การ์เซีย โรดริเกวซ “โตติ” มาจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งก็ใช้งานได้ทันที เพราะดาวเตะรายนี้สามารถเล่นหลากหลายตำแหล่งในเกมรุก รวมถึง ซุลฟะห์มี อารีฟิน ตัวรับทีมชาติสิงคโปร์ ที่เข้ามาเป็นอะไหล่ในโควตาอาเซียน


อีกจุดที่เห็นผลอย่างมากก็คือ การที่ทีมให้เวลากับเทรนเนอร์แดนปลาดิบรายนี้ในการปรับแต่งทีมให้กลมกล่อมยิ่งขึ้นในรูปแบบ "เจแปนนีส สไตล์" เพราะหากในช่วงพักลีกเกิดตัดสินใจแยกทางกับ “อิชิอิ” คงจะไม่เห็น “ฟุตบอล เอ็นเตอร์เทน” ในรูปที่เป็นเอกลักษณ์ของทีมเหมือนวันนี้

การเล่นด้วยระบบทีมแท็กติก, สปีดบอลที่เพิ่มมากขึ้น, มีคอมแพ็คเพลย์ทั้งรับและรุก, ความฟิตของนักเตะที่พร้อมสำหรับการเล่นเพรสซิ่ง และสิ่งสำคัญคือการเล่นด้วยระบบ ไม่ได้พึ่งซูเปอร์สตาร์ ทุกคนมีบทบาทหน้าที่ในการรับผิดชอบในตำแหน่งของตัวเอง

สิ่งเหล่านี้นี่แหละที่หล่อหลอม “หอคอยปราการ” ให้แข็งแกร่ง ดุดัน และน่าสะพรึงสำหรับคู่ต่อสู้ทุกทีมในไทยลีกนับจากนี้ไป

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด