:::     :::

Best Moment และจิตใจที่เด็ดขาด ของ "Marcus Rashford"

วันพุธที่ 30 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
4,031
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือหนึ่งในตัวแบกยุคปัจจุบันของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เป็นความภูมิใจจากเด็กปั้นท้องถิ่นของเรา และแม้การเล่นจะยังไม่สมบูรณ์พร้อม แต่สิ่งที่เขาพร้อมมาตลอดคือ "หัวจิตหัวใจ" นั่นเอง

ชัยชนะต่อวูล์ฟแฮมพ์ตัน คู่ปรับที่เป็นของแสลงแมนยูไนเต็ดในช่วงสองปีให้หลัง ถือเป็นประตูที่มีสถิติอะไรหลายๆอย่างเกิดกับลูกแฉลบนาทีสุดท้ายดอกนี้ของมาร์คัส แรชฟอร์ดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

-เป็นประตูที่ยิงได้ท้ายเกมที่สุดที่แมนยูยิงได้ในลีก(นาทีที่92:51) นับตั้งแต่ลูกสุดท้ายในปี2009 คนยิงลูกทดเจ็บในลีกแบบนี้คือ ไมเคิล โอเว่น ที่เป็นสำรองลุกลงมายิงซิตี้ในนาที 95:27 สำหรับประตูในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนในตำนานลูกนั้น

-ตั้งแต่ซีซั่นก่อนจนมาถึงตอนนี้ แรชฟอร์ดมีส่วนร่วมกับการทำประตูไปถึง35ลูก (ยิง24 แอสซิสต์11)

-expected goal (xG) ในเกมนี้ของแมนยูเท่ากับ 1.34 ซึ่งยิงได้จริง1ลูก ต่ำกว่าค่าxG บ่งบอกให้เห็นความทื่อในจังหวะจบสกอร์ของเราที่ไม่คมเอาซะเลย ในขณะเดียวกัน ประสิทธิภาพการยิงของวูล์ฟที่เป็นxGในเกมนี้คือ 0.44 มีเกมรุกที่ดีและเข้าทำได้คม อันตรายมาก แต่ว่ากลับไปตั้งรับเสียมากกว่า เพราะถ้าเปิดเกมรุกใส่แมนยูไนเต็ดเต็มตัว น่าจะพังไปแล้ว

-ประตูนี้คือประตูแรกในรอบ 845นาทีที่โอลด์แทรฟฟอร์ดของมาร์คัส แรชฟอร์ดที่ยิงได้ ลูกสุดท้ายย้อนไปเดือนกรกฎาคม ที่ทำได้กับเซาท์แธมตัน

ซึ่งในค่ำคืนหักมุมเช่นนี้ หนึ่งในนักเตะคนสำคัญของเกมนี้ก็คือ "มาร์คัส แรชฟอร์ด" ที่เป็นMatch Winnerของยูไนเต็ดที่ยิงในนาทีท้ายๆพาทีมเอาชนะในช่วงทดเจ็บในพรีเมียร์ลีกได้ถึง3เกมเข้าไปแล้ว ซึ่งเยอะที่สุดในสถิติประวัติศาสตร์ของสโมสร เรียกได้ว่าเป็นตัวตัดสินเกมอย่างแท้จริง แต่ใครจะรู้บ้างว่า ในบรรดาเกมของเขาที่ได้ลงสนาม พวกลูกยิงตัดสินเกมทั้งหลาย หรือเหตุการณ์ใดๆในเส้นทางอาชีพของเขา เรื่องไหนที่เป็นโมเมนต์สำคัญของตัวเขากันบ้าง เราไม่เคยรู้จนกระทั่งน้องมันเปิดเผย

แรชฟอร์ดเปิดเผยกับUTD Podcastเกี่ยวกับโมเมนต์ที่เขาชอบที่สุดในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งกับนักฟุตบอลที่เป็นแนวรุกของสโมสรผู้นี้ซึ่งได้ลงเล่นเกมรอบชิงบอลถ้วยสามครั้ง, ยิงแฮททริกในแชมเปี้ยนส์ลีกก็ทำมาแล้ว, ติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลก หรือแม้กระทั่งยิงเชือดลิเวอร์พูลกับแมนซิตี้ ทุกสิ่งนี้แรชทำมาหมดแล้ว แต่สิ่งที่มีความทรงจำที่ดีที่สุดของเขา คือ "การได้เริ่มต้นความเป็นนักเตะอาชีพครั้งแรก" ของเจ้าตัวนั่นเอง

มาร์คัสมีชื่อติดทีมลงเล่นยูโรป้าลีกแบบนาทีสุดท้ายมาเลยในเกมรอบ32ทีมที่ต้องเจอกับมิดทิลลันด์ ในปี2016 และลงมาซัดสองประตูในโอลด์แทรฟฟอร์ดให้ทีมถล่มไป 5-1

"คืนนั้นน่าจะเป็นค่ำคืนที่ดีที่สุดในชีวิตผม"

"ตอนที่ผมเดินออกไปในสนาม ผมเห็นคนรู้จักของผมหลายคนเลยที่ยืนอยู่ในฝูงชน มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกประหลาดมากเลยนะที่ผมเจอ เพราะในนั้นผมจำได้หลายๆคนเลย"

"ผมเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วในสนามวันนั้น"

"ยูไนเต็ดมักจะมีคำกล่าวเสมอๆว่า เมื่อคุณเติบโตขึ้น ให้แสดงตัวตนข้างในออกมา ผ่านการเล่นในสนาม นี่คือสิ่งที่พวกเขาสอนผมมาตลอดและผมก็คิดว่า ทำไมพวกเรายูไนเต็ดถึงได้มีนักเตะอายุน้อยๆขึ้นมาได้ตลอด เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้กับทางยูไนเต็ดและระบบฝึกสอนที่นี่เลย"

ในยามที่เปิดตัวกับทีมชุดใหญ่เมื่อห้าปีที่แล้ว ชื่อของแรชฟอร์ดยังไม่เป็นที่รู้จักกันในภายนอกเลยด้วยซ้ำ

แรกเริ่มสุดฮีโร่วัยรุ่นรายนี้มีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมเจอมิดทิลลันด์ แต่ว่าการที่ตัวรุกของทีมเจ็บ ทำให้มาร์คัสได้ถูกเรียกตัวกะทันหันในนาทีสุดท้ายให้ลงมามีรายชื่อเป็น 11ผู้เล่นตัวจริงในทันทีแบบคาดไม่ถึง

"เหมือนจะเป็นห้านาทีเองมั้งที่อยู่ดีๆทุกอย่างก็เกิดขึ้นเลย"

"เพราะว่าอ็องโตนี่(มาร์กซิยาล)วอร์มอัพ แล้วก็เจ็บนั่นแหละ แต่ผมไม่รู้นะว่าเขาเจ็บเพราะว่าพวกตัวจริงวอร์มอัพกันคนละจุดกับที่เราตัวสำรองวอร์มอัพกัน" 

"ผมไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาเดินกลับเข้าไปในอุโมงค์แล้ว และเหมือนจะเป็นAlbert(Stuivenberg)ที่เอาชุดเอี๊ยมมาโยนให้ใส่ซ้อม และผมก็เริ่มอุ่นเครื่องในช่วงท้ายๆ จากนั้นกลับเข้าไปในข้างใน แล้วก็เดินออกมาจากอุโมงค์นักเตะเลยทันที คือทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมากๆ"

แต่การที่ไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจในครั้งนี้อาจจะเหมาะกับมาร์คัสก็ได้ เพราะเขาได้อธิบายต่อไปว่า

"ไม่นะ ผมไม่ได้เครียดอะไรเลย ตอนที่ผมเครียดคือเกมที่นั่งสำรองตอนไปเยือนวัตฟอร์ด ช่วงนั้นเป็นเกมก่อนคริสต์มาสปี2015มั้ง แต่ว่าช่วงปีนั้นผมมีอาการบาดเจ็บอยู่ด้วย"  

"ตอนนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองเกมที่ว่านั้น ผมจำได้ว่าผมคุยกับพี่ชายวันนึงก่อนแข่งว่า ผมไม่พร้อมลงเลย สภาพจิตใจไม่พร้อมเล่นอย่างมาก"

"แล้วพอเป็นงั้น เกมนั้นมันก็เหมือนเป็นเกมที่ต้องลงเดบิวต์เลย และคุณก็อยากจะทำผลงานให้ดีๆ และจะต้องไม่ทำให้คนอื่นผิดหวัง สิ่งเหล่านี้อยู่ในหัวตลอดเวลา"

"ไม่รู้ว่าเพราะด้วยอะไรนะ แต่หลุยส์ฟานกัลจะรู้ และแม้จะมีคนเจ็บตอนต้นเกมแต่เขาก็ไม่ส่งผมลงสนาม ในสายตาผมตอนนั้นผมรอดตายยังกะโชคช่วยเลย เพราะผมไม่พร้อมลงชุดใหญ่จริงๆตอนนั้น"

"ผมก็พยายามเตรียมตัวใหม่ให้พร้อม และก็ฝึกซ้อมกับทีมอีกหลายๆครั้ง แต่ในการที่จะทำตัวให้พร้อมเพื่อจะลงเล่นนั้น ผมยังคิดว่าตัวเองยังไม่อยู่ในจุดนั้น แต่ว่าในยามที่ยังไม่พร้อม กับตอนที่ได้ลงไปเล่นจริงๆแล้วนั้น มันช่างต่างกันลิบลับเลยจริงๆ"

"ความรู้สึกมันบอกว่า นั่นแหละคือที่ของผม และผมอยากจะแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าผมคู่ควรที่จะได้ลงแล้ว นั่นคือmindsetที่ผมใช้บอกตัวเองในยามที่กำลังจะลงแข่งนั่นเอง"

ไม่ว่าแรชฟอร์ดจะเป็น Match Winner มาหลายเกมมากมายแค่ไหน แต่เชื่อว่าแฟนผีหลายๆคนน่าจะคาดเดาถูกเหมือนกันว่า โมเมนต์ไหนที่มาร์คัส แรชฟอร์ด "รักและจดจำ" มากที่สุดในชีวิตเขา ผมเชื่อว่ามันต้องเป็นเกมเดบิวต์ในตำนานเกมนั้นแน่นอน เรายังจำภาพที่แรชฟอร์ดวิ่งไปดีใจกับแฟนบอลได้ (แถมที่น่าตกใจคือ หนึ่งในคนดูบริเวณนั้นที่แรชวิ่งไปดีใจด้วย ก็คือน้องดีน เฮนเดอร์สัน ที่ยืนอยู่กับฝูงแฟนบอลนั่นแหละ)

สิ่งที่ทำให้แรชฟอร์ดทุกวันนี้อยู่ในสถานะหนึ่งใน"ตัวแบก" ที่เป็นความหวัง และสามารถตัดสินเกมให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้น สิ่งหนึ่งมันคือเรื่องของ "หัวจิตหัวใจ" ล้วนๆเลย

แรชฟอร์ดเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทุ่มเทสุดชีวิตทุกนัดเสมอๆที่ได้ลงสนาม ไม่ว่าเขาจะเล่นดี หรือทำผิดพลาดในสนามก็ตามที แต่เชื่อว่าไม่มีแฟนผีคนไหนเกลียดมันลงแน่นอน เพราะรู้ว่าน้องรักสโมสร และทุ่มเทมากแค่ไหน

แรชฟอร์ดไม่ได้เป็นนักเตะที่เก่งเลิศเลอมาจากสวรรค์ เอาจริงๆแล้วทักษะและสกิลการเล่นฟุตบอลของเขายังเป็นรองแม้กระทั่งคู่หูอย่าง มาร์กซิยาล ที่ดูทักษะและเบสิคฟุตบอลจะเนียนกว่าด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่ทำให้แรชนั้นดูจะเหนือกว่ามาร์กซิยาล มันไม่ใช่การเล่นกับลูกฟุตบอล

แต่มันคือMentalityของเขาที่เป็น "สภาพจิตใจที่เด็ดเดี่ยว"

มุ่งมั่น ทุ่มเท และไม่เคยถอดใจจนนาทีสุดท้าย ภายใต้เลือดและDNAของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแบบข้นคลั่กที่สุดคนนึงที่ได้เกิดมาจากระบบอะคาเดมี่ของปีศาจแดง

จิตใจที่เด็ดขาดและกระหายในแบบฉบับที่คล้ายๆกับรุ่นพี่ตำนานเบอร์7ที่นี่อย่าง "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" นี่ละ ที่จะเป็นเชื้อเพลิงและพลังขับ ที่จะDriveให้แรชฟอร์ด พุ่งทะยานไปข้างหน้าเรื่อยๆบนเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของเขาได้อีกไกลแน่นอน เพราะยังมีพื้นที่ให้เขาต้องปรับปรุงตัวเองอีกเยอะ

และก็ยังจะเก่งได้มากกว่านี้อีกเยอะ

ซึ่งเราเชื่อว่า ที่ว่างตรงนี้แรชฟอร์ดจะยังขึ้นไปได้อีก เพราะนักฟุตบอลบางคนมีขีดศักยภาพจะพัฒนาได้ก็จริง แต่ว่าจิตใจไม่มุ่งมั่นทุ่มเทมากพอ เขาก็ไปไม่ได้

กลับกัน บางทีแรชฟอร์ดอาจจะมีเพดานอะไรบางอย่างที่กั้นเขาอยู่ แต่ถ้าจิตใจของเขานั้นเด็ดเดี่ยว ความมุ่งมั่นก็อาจจะพาให้ตัวเขาทะลุขึ้นไปประสบความสำเร็จได้มากกว่าที่เจ้าตัวเองจะคิดไว้ด้วยซ้ำ

ตราบใดที่ยังเล่นด้วยจิตใจเช่นนี้อยู่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็จะรอเป็นว่าที่ตำนานคนต่อไปของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในอีกสิบกว่าปีข้างหน้าอย่างแน่นอน

หัวใจนายมันน่ากราบที่สุดแล้วไอ้น้อง

-ศาลาผี-

Reference

https://www.manutd.com/en/news/detail/marcus-rashford-says-his-man-utd-debut-was-the-best-night-of-his-life

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด