1. แชมป์เอฟเอ คัพ
แม้อันดับในลีกจะน่าผิดหวังไม่ติดพื้นที่ยุโรเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบกว่าปี แต่ อาร์เซน่อล ก็ยังจบฤดูกาล 2019/20 ด้วยการแชมป์เอฟเอ คัพ มาครอง
มิเกล อาร์เตต้า พาทีมทำผลงานได้ดีในฟุตบอลถ้วยรายการเก่าแก่ที่สุดในโลกโดยเฉพาะรอบตัดเชือกที่ชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-0 และรอบชิงชนะเลิศที่ชนะ เชลซี 2-1 คว้าแชมป์สมัย 14 มาครอง มากกว่าทุกทีม
นอกจากนี้ การคว้าแชมป์มาครองยังเป็นเรื่องดีสุดที่ อาร์เซน่อล จะช่วยปลอบประโลมจิตใจของแฟนบอลได้ในช่วงเวลาที่เกิดการระบาดของไวรัส "โควิด-19"
2. การเสริมทัพยอดเยี่ยม : กาเบรียล มากัลเญส
กาเบรียล มากัลเญส ไม่ได้ถูกคาดหวังมากนักในตอนแรกที่ย้ายจาก ลีลล์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ เพราะหลายคนจับจ้องไปที่ วิลเลี่ยม ซาลีบา อีกหนึ่งผลผลิตจากลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่กลับมาจากปล่อยให้ แซงต์-เอเตียน ยืมตัว มากกว่า
ทว่าเป็น กาเบรียล ที่ได้ลงตัวจริงตั้งแต่นัดเปิดสนามที่บุกชนะ ฟูแล่ม 3-0 พร้อมยิงประตูได้ด้วย จากนั้นเขาก็กลายเป็นตัวหลักในเกมรับที่ฝากผีฝากไข้ได้มากที่สุด การันตีด้วยรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรใน 2 เดือนแรก
นอกจากไม่เสียเวลาในการปรับตัวแล้ว ปราการหลังบราซิเลียนวัย 23 ปี ยังเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง คุมเกมรับได้เยี่ยม และสามารถเปิดบอลขึ้นหน้าได้แม่นยำ หนักแน่น
กาเบรียล มากัลเญส คือการเสริมทัพที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ และหากว่ากันเฉพาะผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังด้วยแล้วก็น่าจะ "ดีสุด" ในรอบทศวรรษของทีมเลยทีเดียว
3. ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ต่อสัญญาใหม่
ในช่วงคาบเกี่ยวกับการลุ้นนักเตะใหม่ในตลาดซัมเมอร์ การต่อสัญญาฉบับใหม่ของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง คือข่าวดีที่เหมือนได้นักเตะใหม่อีกคนมาร่วมทีม
ผลงานของ โอบาเมย็อง นับตั้งแต่ย้าย ดอร์ทมุนด์ มาเล่นให้ อาร์เซน่อล ในต้นปี 2018 ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำถึง 70 ประตู จาก 109 นัดที่ลงสนามในทุกรายการ
หัวหอกทีมชาติกาบอง เหมายิงทั้ง 5 ประตูใน 3 นัดที่ อาร์เซน่อล ลงเล่นใน เวมบลีย์ ทั้งนัดตัดเชือกและนัดชิงฯ เอฟเอ คัพ ต่อด้วยแมตช์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่พาทีมคว้าแชมป์จากการชนะจุดโทษ ลิเวอร์พูล
แต่น่าเสียดายที่หลังต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป ฟอร์มการเล่นของ โอบาเมย็อง ไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควรและเพิ่งยิงได้เพียง 5 ประตูเท่านั้นในฤดูกาลนี้
4. บูคาโย่ ซาก้า พัฒนาฝีเท้าต่อเนื่อง
ในขณะที่หลายคนมีฟอร์มการเล่นไม่สม่ำเสมอ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย หนึ่งในคนที่รักษาฟอร์มการเล่นที่ดีไว้ได้และมีพัฒนาต่อเนื่องคือ บูคาโย่ ซาก้า แข้งดาวรุ่งที่เติบโตขึ้นมาจากทีมเยาวชนสโมสร
ซาก้า ก้าวขึ้นมาเล่นให้ อาร์เซน่อล ชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2018 ในยุคของ อูไน เอเมรี่ พอเปลี่ยนมาเป็น มิเกล อาร์เตต้า เขาก็ยังเป็นแกนหลักของทีมที่ได้ลงสนามเกือบทุกนัดและเล่นเกือบทุกตำแหน่งตั้งแต่แดนหลังยันแดนหน้า เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์แท้จริง
ฤดูกาลนี้ ซาก้า เปลี่ยนมาสวมเสื้อหมายเลข 7 ของทีมซึ่งบ่งบอกถึงความสำคัญและความเชื่อมั่นที่โค้ชมีให้ ซึ่งเขาก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง แถมก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
แข้งดาวโรจน์วัย 19 ปี ปิดท้ายปี 2020 ได้ยอดเยี่ยมด้วยประตูสุดสวยในเกมพาทีมไล่อัด เชลซี 3-1 และแอสซิสต์ประตูชัยให้ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ยิงชนะ ไบรท์ตัน 1-0 คว้าชัยชนะเป็นสองนัดสำคัญส่งท้ายปีที่ทำให้ทีมหายโจโล่งขึ้นอย่างมากหลังผลงานดิ่งเหวก่อนหน้านี้
5. กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ คัมแบ็ก
ก่อนที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จะได้รับบาดเจ็บระหว่างซ้อมในเดือนมิถุนายนจนต้องพักยาว เขาคืออีกหนึ่งความหวังในเกมรุกหลังแจ้งเกิดเต็มตัวตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมาร่วมทีม
หัวหอกบราซิเลียนไม่ได้ถูกคาดหวังมากนักในช่วงแรกด้วยเพราะอายุเพียง 18 ปี และย้ายมาจากทีมในระดับดิวิชั่น 4 ของบราซิล ทุกคนต่างเข้าใจว่าคงต้องใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีก 1-2 ปีถึงจะได้เห็นผลงานจริงจัง
ทว่า มาร์ติเนลลี่ ก็ทำได้ดีเกินคาดตั้งแต่นัดแรกๆ ที่ลงสนามจนกระทั่งยิงได้ถึง 10 ประตู เป็นรองเพียง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมญ็อง เพียงคนเดียว และทุกคนก็ไม่ลืมประตูแห่งความทรงจำกระชากที่เขาตั้งแต่หน้าเขตโทษตัวเองจนถึงเขตโทษ เชลซี ก่อนยิงประตูสุดเฉียบขาดให้แฟนบอลได้ตะลึงทั้งสนาม
หลังจากเจ็บไปนาน 6 เดือน มาร์ติเนลลี่ กลับมาลงเล่นอีกครั้งในเดือนธันวาคม และทำผลงานได้ราวกับว่าเขาไม่ได้หายหน้าไปไหน ทั้งที่ปกติแล้วต้องใช้เวลา 3-4 นัดในการเคาะสนิมและเรียกจังหวะการเล่นกลับมา
สไตล์การเล่นที่ขยันขันแข็ง ความฟิตเป็นเลิศ และมุ่งมั่นเกินร้อยคือสิ่งที่ยังมีเหมือนเดิม แถมทำให้เพื่อนร่วมทีมตื่นตัวตามไปด้วยจนกระทั่งช่วยกันกลับมาทำผลงานได้ดีใน 2 นัดส่งท้ายปี
การคัมแบ็กกลับมาลงเล่นอีกครั้งของหัวหอกบราซิเลียนจึงเป็นหนึ่งในเรื่องดีที่เกิดขึ้นกับ อาร์เซน่อล ในปี 2020 ที่ผ่านพ้นไป และคงจะได้เห็นอะไรดีๆ อีกเพียบจากเจ้าตัวอีกแน่นอนในปี 2021 นี้
