2 คะแนนจาก 17 เกมแรกพรีเมียร์ลีก ไม่เคยมีทีมใดที่มีผลงานย่ำแย่เช่นนี้มาก่อน นับตั้งแต่เปลี่ยนจากดิวิชั่น 1 มาเป็นพรีเมียร์ลีกในปี 1992
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด คงเริ่มวางแผนเตรียมทีมสู่แชมเปี้ยนชิพในฤดูกาลกันแล้ว เพราะการตามห่างพื้นที่ปลอดภัยไกลถึง 12 คะแนน หลังผ่านไป 17 เกม คงมีแค่ปาฏิหารย์เท่านั้นที่จะพา เดอะ เบลดส์ รอดตกชั้น
แต่ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไม คริส ไวล์เดอร์ ถึงยังคงไม่โดนไล่ออก แตกต่างจาก เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ที่ปลด สลาเวน บีลิช เป็นคนแรกของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ก็เพราะ ไวล์เดอร์ นี่แหละ ที่เข้ามาปลุก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จากลีกวัน ในฤดูกาล 2016-17 เลื่อนชั้นในฐานะแชมป์ และอีกสองปีต่อมา ก็ขยับจากแชมเปี้ยนชิพ สู่พรีเมียร์ลีก เป็นการกลับคืนลีกสูงสุดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ที่ตอนนั้นเลื่อนชั้นมาซีซั่นเดียวก็ร่วง
"คริส จะได้อยู่กับทีมต่อไป เพราะเขาพาเราเลื่อนชั้นสองลีกในสามปี" ส่วนหนึ่งในคำพูดจากปาก อับดูลลาห์ บิน มูซาอัด บิน อับดูลาซิซ อัล ซาอัด เจ้าของสโมสร เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นถึงเจ้าชายแห่งซาอุดิอาราเบีย และเป็นนักธุรกิจที่ชื่นชอบกีฬาเป็นอย่างมาก
อับดูลลาห์ บิน มูซาอัด บิน อับดูลาซิซ อัล ซาอัด เข้ามาถือหุ้น 50 เปอร์เซนต์ในทีม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2013 ก่อนควบคุมกิจการสโมสรแบบเต็มตัวในช่วงต้นปี 2018 จึงเห็นเส้นทาง และพัฒนาการของทีมภายใต้การสร้างทีมของ ไวล์เดอร์ เป็นอย่างดี
การเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ไวล์เดอร์ ขันน็อตให้ทีมอย่างแข็งแกร่งในระบบการเล่น 3-5-2 ที่ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงเลย (อาจปรับบ้างมาเป็น 3-4-3 หรือ 3-4-1-2 ระหว่างเกม) และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผลการแข่งขันของทีมออกมายอดเยี่ยม ไม่เคยหล่นไปอยู่ครึ่งล่างของตารางเลยนับตั้งแต่เกมที่ 9 เป็นต้นมา
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ท้าทายพื้นที่ยุโรปหลายต่อหลายครั้ง โดยที่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์แอบฝันไกลถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลยด้วย แต่ถึงแม้ว่าท้ายสุดแล้ว เดอะ เบลดส์ จบฤดูกาลอันดับ 9 นั่นก็คืออันดับที่ดีที่สุดในลีกสูงสุดเทียบเท่าหนสุดท้ายที่เคยทำได้ในฤดูกาล 1991-92 ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อดิวิชั่น 1
อย่างไรก็ตาม ไวล์เดอร์ ทราบถึงปัญหาของทีม เพราะตลอดทั้งซีซั่น ดาวซัลโวรวมทุกรายการของทีมยิงไปเพียง 6 ประตูเท่านั้นคือ โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ กับ ลีส มุสเซต์
ปัญหานี้ถูกแก้ไขด้วยการจ่ายเงินแพงสุดเป็นสถิติใหม่ของสโมสร 23.5 ล้านปอนด์ซื้อ รีอาน บรูว์สเตอร์ กองหน้าดาวรุ่งวัย 20 ปีมาจาก ลิเวอร์พูล
แต่ถึงตอนนี้ เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าเป็นการลงทุนที่น่าผิดหวัง จาก 13 เกมที่ส่วนใหญ่ลงเล่นในฐานะตัวสำรอง ยังไม่มีประตูให้เห็นเลยแม้แต่ลูกเดียว
จริงอยู่ จะไปลงที่นักเตะอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะแท็กติกของ ไวล์เดอร์ เน้นเกมรับเยอะ อาศัยลูกสวนกลับเล่นงานคู่แข่งในระบบการเล่นแบบเดิม 3-5-2 ซึ่งเผอิญว่าหลายต่อหลายครั้ง อะไรๆ ไม่ลงล็อคเหมือนฤดูกาลที่แล้ว
ผ่าน 17 เกมแรกพรีเมียร์ลีกไปแล้ว เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยืดสถิติไม่ชนะใครออกไปเรื่อยๆ และการมีเพียง 2 คะแนน หรือผลงานเสมอ 2 แพ้ 15 จึงเลิกฝันได้แล้วว่าจะมีชื่อลงเล่นในพรีเมียร์ลีกต่อไปในซีซั่น 2021-22
และควรมองเป้าหมายที่แท้จริง เป้าหมายที่เหมาะสมกับความเป็นจริงมากที่สุด นั่นคือการตกชั้นแบบไม่ทำลายสถิติเก็บคะแนนน้อยสุดในพรีเมียร์ลีกน่าจะดีกว่า
สถิติเลวร้ายนั้นยังคงเป็นของ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่ตกชั้นในฐานะทีมบ๊วยฤดูกาล 2007-08 มีแต้มเพียง 11 คะแนนเท่านั้น กลายเป็นสถิติที่ยืนยาวในพรีเมียร์ลีกมาจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้น เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ต้องการอีก 10 คะแนนจาก 21 เกมที่เหลือ เพื่อไม่ทำลายหรือทาบสถิติดังกล่าว นั่นคือเป้าหมายที่ ไวล์เดอร์ ควรทำ มากกว่าคิดเรื่องปาฏิหารย์อยู่รอด และควรสร้างทีมสำหรับฤดูกาลหน้าในแชมเปี้ยนชิพได้แล้วว่าใครควรได้อยู่ต่อ ใครควรถูกปล่อยออกจากทีม
ถึงตอนนี้ บอกได้เลยว่า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไม่กดดันกับการควานหาชัยชนะนัดแรกซีซั่นนี้ เท่ากับทีมคู่แข่งที่ตั้งเป้าหมายต้องสามคะแนนเท่านั้น เพราะที่ผ่านมามีเพียง ฟูแล่ม กับ ไบรท์ตัน สองทีมที่สะดุดเสมอ จึงไม่มีทีมใดอยากเป็นทีมที่สามที่พลาดสามแต้มเต็มจาก ดาบคู่
จากตารางพรีเมียร์ลีกที่ปรากฏ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กลายเป็นที่สุดในเรื่องแย่ๆ หลายเรื่อง คือทีมที่มีแต้มน้อยที่สุด ทีมที่ยังไม่ชนะใคร ทีมที่เสมอน้อยที่สุด (ร่วมกับอีก 5 ทีม) ทีมที่แพ้มากที่สุด ทีมที่ยิงประตูน้อยที่สุด
แต่อย่างเดียวที่ทีมของ ไวล์เดอร์ ไม่ได้แย่ที่สุด คือไม่ใช่ทีมที่เสียประตูมากที่สุด เพราะมีสองทีมที่เสียมากกว่าคือ ลีดส์ กับ เวสต์บรอม
