:::     :::

5 จุดน่าสนใจพรีเมียร์ลีกสัปดาห์นี้

วันจันทร์ที่ 04 มกราคม 2564 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
2,235
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผ่านไปอีกเกมของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยที่เหลืออีกเกมระหว่าง เซาธ์แอมป์ตัน กับ ลิเวอร์พูล ที่จะเล่นกันในช่วงค่ำคืนนี้

ผลการแข่งขันแต่ละคู่จะว่าไปไม่มีอะไรพลิกโผ ทีมที่ควรก็ชนะ อาจจะมีแค่ เอฟเวอร์ตัน ที่ไปพ่ายคาบ้านให้ เวสต์แฮม ทั้งที่น่าจะเก็บสามคะแนนไปได้มากกว่า

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ล้วนเก็บสามแต้มสำคัญในการทำอันดับในตารางคะแนน

สำนักข่าวดังอย่างพีเอพิจารณา 5 สิ่งที่น่าสนใจสำหรับฟุตบอลลีกสูงสุดแดนผู้ดีในช่วงสุดสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านไป

การแย่งแชมป์ที่เข้มข้น


ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งฤดูกาลแล้วสำหรับการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษซีซั่นนี้ ต้องบอกว่านี่ถือเป็นปีที่การแข่งขันสูสีมากที่สุดในช่วงหลังปีที่ผ่านมา

แต่ละทีมคะแนนไม่ห่างกันมากนัก ลิเวอร์พูล ทีมนำมี 33 คะแนนเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้ตามส่วนอันดับ 3 มี 32 คะแนนตามหลังแค่แต้มเดียว หรือทีมตามที่เหลือทั้ง สเปอร์ส, แมนเชสเตอร์ ซิอตี้ และ เอฟเวอร์ตัน มีอยู่ 29 คะแนน ซึ่งล้วนมีโอกาสด้วยกันทั้งสิ้น

เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันนี้ "หงส์แดง" ก็นั่งอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง แต่มีแต้มนำ "สุนัขจิ้งจอก" ผู้ตามในเวลานั้นอยู่ 7 คะแนนด้วยกัน

นี่คือสิ่งที่บ่งชี้ถึงความแตกต่างระหว่างซีซั่นที่แล้วกับซีซั่นนี้จากที่นำโด่งและเข้าป้ายคว้าแชมป์ แต่ในปีนี้แต้มไม่ขาดอย่างเคย แถมไม่ได้ดีแค่ 1-2 ทีมที่ก้าวขึ้นมา แต่มีหลายทีม

ถือเป็นกำไรของแฟนบอลที่จะได้ดูบอลกับแบบตื่นเต้นและได้ลุ้นไปจนกระทั่งจบฤดูกาล

เชลซี กับผลงานที่เป๋ต่อเนื่อง


แฟร้งค์ แลมพาร์ด คงจะเป็นคนที่เจอกับความกดดันมากที่สุดในฐานะผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษฤดูกาลนี้หลังจากที่ผลงานแย่มาติดๆในช่วงหลัง

4 คะแนนจาก 6 เกมคงไม่ใช่สิ่งที่ โรมัน อบราโมวิช อยากเห็น แต่มันเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่แพ้คารังให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะถือว่าเป็นคู่แข่งในการลุ้นแชมป์หรือพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแบบหมดรูป

ซึ่งจากที่ตอนนี้หากทีมเก็บได้ตามเป้าในช่วง 6 เกมนี้ทีมคงจะนั่งอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงของตาราง แต่กลายเป็นว่าตอนนี้แต้มตามหลังจ่าฝูง 7 แต้มแถมยังแข่งมากกว่า 1 เกมอีกด้วย

ตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ทีมจะต้องเรียกความมั่นใจกลับมาโดยเร็วกับโปรแกรมข้างหน้า เพราะยังมีเกมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง สเปอร์ส ในช่วง 1 เดือนต่อจากนี้ด้วย

หากลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ในสองเกมสำคัญนี้อีก โอกาสที่จะหลุดจากพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งนั่นคงจะทำให้ แลมพาร์ด ไม่อาจรักษาเก้าอี้เอาไว้ได้

แฮร์รี่ เคน - ซน ฮึง-มิน คู่หูมหากาฬ


หากจะให้นึกถึงคู่หูในแนวรุกตอนนี้ ชื่อของ แฮร์รี่ เคน - ซน ฮึง-มิน คงจะเป็นชื่อต้นๆที่แฟนบอลน่าจะนึกถึงกันไปแล้ว

ตอนนี้ทั้งคู่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 16 เกม โดยทาง เคน ทำไป 10 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ ในขณะที่ตัวรุกทีมชาติเกาหลีใต้ทำ 12 ประตูกับ 5 แอสซิสต์

นับเฉพาะการประสานงานกันของคู่นี้ ยิง-จ่ายให้กันไปแล้ว 13 ลูก ถือเป็นสถิติสูงที่สุดที่ อลัน เชียเรอร์ กับ คริส ซัตตัน ประสานงานกันพา แบล็คเบิร์น ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 1994/95

นอกจากนี้คู่หูคู่นี้ยังช่วยกัยทั้งยิง-แอสซิสต์ให้กันไปแล้วถึง 33 ประตู สูงที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับ 2 ตามหลังคู่ของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ทำไว้ 36 ประตูเพียงแค่ 3 ลูกเท่านั้น หากมองตามหน้าเสื่อยังไงภายในฤดูกาลนี้โอกาสทำลายสถิติสูงเลย

ถ้า สเปอร์ส จะประสบความสำเร็จได้ในฤดูกาลนี้คงต้องพึ่งสองคู่หูดูโอคู่นี้อย่างมากเลย

การกลับมาของ "ไอ้ปืนใหญ่"


หลังตกระกำลำบากออกทะเลจนแทบจะต้องลงไปเกลือกกลั้วอยู่ในโซนหนีตกชั้น ด้วยการไม่ชนะใครในลีกนานกว่า 1 เดือนเต็ม เก็บได้แค่ 2 คะแนนจาก 7 เกม แต่ชัยชนะเหนือ เชลซี ในเกม "ลอนดอน ดาร์บี้" ช่วยเพิ่มความมั่นใจอย่างมหาศาล

เพราะหลังจากนั้นทีมเอาชนะมาได้อีกสองเกมติดโดยไม่เสียประตู แม้จะเป็นการเจอกับทีมที่อ่อนชั้นกว่าอย่าง ไบรท์ตัน และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แต่มันก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี

จากที่เกือบอยู่โซนแดงกลับขึ้นอยู่กลางตาราง พร้อมทำแต้มห่างจากพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเหลือเพียงแค่ 6 แต้มเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ากำลังใจมาเต็มเลยทีเดียว

ตอนนี้ที่ยังน่าห่วงสำหรับ อาร์เซน่อล ก็คือ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง ที่แม้ทีมจะชนะสวยงามเกมล่าสุดแต่กลับไม่มีประตูหรือแอสซิสต์เลย โดยรวมเพิ่งทำได้แค่ 3 ลูกกับ 1 แอสซิสต์ในซีซั่นนี้

ถ้ากลับมาสอยตาข่ายได้เหมือนได้เมื่อไร ปืนใหญ่คงกลับมาเปรี้ยงแน่นอน

ดาบคู่กันงานที่ยากเย็นแสนสาหัส


ถึงตอนนี้ใครต่อใครต่างก็คงใส่ชื่อของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่คงไม่สามารถอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก อังกฤษได้ต่อไปในฤดูกาลหน้า

โทษฐานที่ผ่านไปแล้ว 17 เกมยังไม่ชนะใคร เก็บได้แค่ 2 คะแนน กลายเป็นทีมที่เก็บแต้มได้น้อยที่สุดในประวัติศสตร์พรีเมียร์ลีกไปแล้ว

ความยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่เข้าป้ายอันดับ 9 ของตารางอยู่รอดไปแบบสบายๆ ปีนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นตกชั้นไปแบบสบายๆ

ชัยชนะครั้งสุดท้ายของทีมต้องย้อนไปเมื่อฤดูกาลที่แล้วเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ถล่ม เชลซี 3-0 ดูจะห่างไกลกับฟอร์มการเล่นในปัจจุบันลิบลับ

เห็นโปรแกรมที่รออยู่ข้างหน้าในเดือนนี้ของทีม "ดาบคู่" ที่ต้องเจอ นิวคาสเซิ่ล (เหย้า), สเปอร์ส (เหย้า), แมนฯ ยูไนเต็ด (เยือน) และ แมนฯ ซิตี้ (เยือน) อย่าแปลกใจที่จะยังคงไม่ชนะใครต่อไปอีก


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด