ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เริ่มต้นด้วยการเปิดรังอัด เชลซี 3-1 ก่อนบุกชนะ ไบรท์ตัน หวุดหวิด 1-0 และนัดล่าสุด ถล่ม เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 4-0
นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มที่ "พลิก" ชะตาชีวิตของ อาร์เตต้า และลูกทีมได้ไม่น้อยเพราะก่อนหน้านี้ ฟอร์มหลุดต่อเนื่องจนเก้าอี้กุนซือของ อาร์เตต้า สั่นคลอนอย่างหนัก
ก่อนเข้าสู่ช่วงคิวโหด อาร์เซน่อล เก็บได้เพียง 14 คะแนนจาก 14 นัด อันดับร่วงไปอยู่ที่ 15 ของตาราง อยู่ห่างโซนตกชั้นเพียง 4 คะแนน
แต่ชัยชนะ 3 นัดล่าสุดทำให้มีเพิ่มเป็น 23 คะแนน ดีดตัวเองออกโซนอันตรายเป็น 12 คะแนน พร้อมขึ้นไปอยู่ที่ 11 ของตาราง
ในนัดแรกของปี 2021 ที่บุกชนะ "แบ็กกี้ส์" ถึง เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ อาร์เซน่อล ทำผลงานได้ดีที่สุดอีกนัดในฤดูกาลนี้ เป็นฟอร์มการเล่นที่ได้เห็นมิติดีงามหลายอย่างเกิดขึ้น
อาร์เตต้า ยึดแกนหลักจาก 2 นัดส่งท้ายปีที่มีดาวรุ่งอย่าง บูคาโย่ ซาก้า และ เอมิล สมิธ โรว์ ปั้นเกม ขณะที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ได้โอกาสพักเพราะช่วงก่อนหน้านี้เจ็บไปนานหลายเดือน อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ได้กลับมาเป็นจริงร่วมกับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง
ในแดนกลางสลับให้ ดานี่ เซบายอส ลงตัวจริงแทน โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ในการจับคู่กับ กรานิต ชาคา ส่วนตำแหน่งอื่นเหมือนเดิม 4 แนวรับประกอบด้วย เอคตอร์ เบเยริน, ร็อบ โฮลดิ้ง, ปาโบล มารี และ คีแรน เทียร์นี่ย์์ โดยมี แบรนด์ เลโน่ เฝ้าเสา
ก่อนลงสนามนัดนี้ สภาพอากาศค่อนข้างเลวร้ายมีหิมะตกต่อเนื่องจนสนามขาวโพลน อุณหภูมิลดต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส มีการพูดคุยกันระหว่าง มิเกล อาร์เตต้า และ แซม อัลลาไดซ์ รวมถึงผู้ตัดสินว่าจะแข่งได้หรือไม่ แต่สุดท้ายก็เดินหน้าแข่งกันตามปกติ
ปืนใหญ่ต่อบอลกันสวยก่อนจบที่การยิงของ ซาก้า
แม้สนามค่อนข้างลื่น คอนโทรลบอลลำบาก อีกทั้งอากาศหนาวเหน็บ แต่ อาร์เซน่อล ก็ติดเครื่องได้เร็ว ต่อบอลรุกเข้าพื้นที่ของ เวสต์บรอมวิช ได้ต่อเนื่อง เป็นฝ่ายควบคุมเกมเอาไว้ได้ตั้งแต่เปิดฉาก
การเล่นของ อาร์เซน่อล ตลอดครึ่งแรกในนัดล่าสุด ต่างจากครึ่งแรกในวันเยือน ไบรท์ตัน เห็นได้ชัดเพราะสปีดการเล่นเร็วกว่าเดิมมาก การต่อบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายได้ลุ้นทุกจังหวะ
ปืนใหญ่สมควรนำก่อน 2-0 ใน 45 นาทีแรก เพราะรูปเกมดีกว่ามาก การเล่นเต็มไปด้วยแรงกระตุ้น แต่ละคนมีความมุ่งมั่น และมั่นใจอย่างมาก
2 ประตูแรกยอดเยี่ยมแตกต่างกันไปเริ่มจากประตูของ คีแรน เทียร์นี่ย์ ที่โซโล่คนเดียวแตะบอลหนีฟูลแบ็กเจ้าถิ่นก่อนล็อกหลบตัดเข้าในและเลือกยิงเองด้วยขวาเสียบตาข่ายอย่างสุดยอด ลูกนี้คะแนนเต็ม 10 ในเรื่องความสามารถเฉพาะตัว
ขณะที่อีกลูกก็สุดยอดไม่แพ้กันในเรื่องทีมเวิร์กของผู้เล่น 4 คนที่ประสานงานกันอย่างลงตัว รู้ใจ และทำประตูที่สามารถส่งเข้าประกวดประตูยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลได้เช่นกัน
เอคตอร์ เบเยริน จ่ายบอลเข้ากลางให้ เอมิล สมิธ โรว์ ตวัดเร็วขึ้นหน้าไปให้ บูคาโย่ ซาก้า พลิกเข้าในและส่งต่อไปที่ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ที่ชิ่งจังหวะเดียวออกขวา สมิธ โรว์ ที่วิ่งทำทางไปรออยู่แล้วจึงได้เปิดบอลยัดกลับเข้างกลางให้ ซาก้า แปโล่งๆ
ลากาแซ็ตต์ กลับมาเข้าฝักอีกครั้ง
นี่คือประตูที่สุดยอดอีกลูกและทำให้หลายคนนึกถึงวันวานที่ อาร์เซน่อล ในยุคของ เธียร์รี่ อองรี และ เดนนิส เบิร์กแคมป์ เคยต่อบอลสวยงามและเปี่ยมประสิทธิภาพจนกลายเป็นเครื่องหมายการค้า
สิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ในการเล่นครึ่งแรก แข้งปืนใหญ่มีความมั่นใจการเล่นอย่างมากและเป็นสิ่งที่หล่นหายไปพักใหญ่ในช่วงฟอร์มแย่ก่อนหน้านี้
ในครึ่งหลัง เวสต์บรอมวิช พยายามสู้มากขึ้น ทำให้ อาร์เซน่อล ไม่ได้ขึงเกมรุกเข้าใส่มากนัก แต่จังหวะโจมตีก็ยังเฉียบขาดก่อนได้ 2 ประตูจาก ลากาแซ็ตต์ ที่ช่วงนี้กลับมาเข้าฝักอีกครั้ง
อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะได้ขาดลอย ยอดเยี่ยมทั้งสกอร์ที่ยิง 4 ประตูเป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้ และฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดอีกนัดโดยเฉพาะ 45 นาทีแรก
แข้งปืนใหญ่หาโอกาสทำประตูได้มากถึง 21 ครั้ง เข้ากรอบ 12 ครั้งซึ่งเป็นสถิติเข้ากรอบมากสุดนับตั้งแต่หมดยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์
ในช่วงที่หลายทีมบนหัวตารางทำคะแนนตกหล่นอย่างมาก อาร์เซน่อล จึงเหมือนได้กำลังใจสองต่อเพราะตอนนี้ตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูล เพียง 10 คะแนน และตามหลังทีมที่ก่อนถึงช่วงคริสต์มาสยังเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์อย่าง เชลซี เพียง 3 คะแนนเท่านั้น
ฤดูกาลยังไม่ถึงครึ่งทางดีนัก แต่สถานการณ์ในพรีเมียร์ลีกพลิกผันอีกรอบ กราฟชีวิตของ อาร์เซน่อล ดีดตัวขึ้นด้วย 9 คะแนนที่เก็บได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านศักราชใหม่
คงไม่มีของขวัญชิ้นปีใหม่ไหนดีไปกว่านี้อีกแล้ว
