:::     :::

อดีตและปัจจุบันสู่อนาคตแข้งไทยในลีกต่างแดน

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,143
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลายสัปดาห์ก่อนหน้า วงการลูกหนังบ้านเรา มีการพูดถึง 5 ชื่อของนักเตะไทย ที่ เจ ลีก กำลังพิจารณาในการดึงไปลุยลีกแดนปลาดิบ ประกอบด้วย พิชา อุทรา (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด), พิธิวัตต์ สุขจิตรธรรมกุล, เอกนิษฐ์ ปัญญา, ศิวกรณ์ เตียตระกูล (สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด) และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ (สมุทรปราการ ซิตี้)

คนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “เจ้าเท่” โดยเท่าที่ทราบมามีทีมอย่าง วี วาเรน นางาซากิ ที่ต้องการไปเสริมริมเส้น เพิ่มเติมความจี๊ดจ๊าดให้กับทีมอย่างมาก แต่ว่าข้อมูลจากฝั่งผู้บริหารของทัพ “เขี้ยวสมุทร” ยืนยันว่า ยังไม่มีความคิดปล่อยดาวเตะผู้นี้ เพราะว่าทีมเองก็ต้องการให้จบซีซั่นนี้เสียก่อน และด้วยกรอบของตลาดซื้อขายนักเตะญี่ปุ่นที่เริ่มกระชั้นเข้ามา จึงอาจจะยังไม่ใช่ในเลกแรก แต่ในช่วงเลกสองของ เจ ลีก หรือราวๆ กลางปีนี้ถือว่ามีโอกาสเป็นไปได้ไม่น้อย เพราะดาวเตะร่างเล็กก็เนื้อหอมใช่ย่อย เนื่องจากเคยได้รับความสนใจจาก ทอนแดล่า ทีมในลีกสูงสุดของประเทศโปรตุเกส เมื่อปี 2018


อย่างไรก็ตามการไปเผชิญโลกกว้างใน เจ ลีก ไม่ใช่สิ่งที่เป็นงานง่ายอย่างแน่นอน เพราะกว่า ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะปรับตัวพร้อมกับซื้อใจเพื่อนๆ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ได้ ก็ต้องใช้เวลาที่นานพอสมควร โชคดีที่ปี 2017 มีรุ่นพี่อย่าง ชินจิ โอโนะ และ เคน โตคุระ คอยซัพพอร์ตหนุนหลังให้

เช่นเดียวกับ ธีรศิลป์ แดงดา กับการผจญภัยครั้งแรกในปี 2018 กับ ซานเฟรซเช่ ฮิโรชิมา ที่เขาต้องแบกความกดดันในฐานกองหน้าเบอร์ 1 ทีมชาติไทย ก่อนที่จะได้รับการยอมรับ และพาทีมเข้าป้ายในฐานะรองแชมป์สำเร็จ

แม้ในปี 2020 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เขาอาจจะโชคไม่ดีในการลงสนามกับ ชิมิสึ เอส พัลส์ แต่ก็เป็นเบ้าหลอมให้เขาแข็งแกร่งขึ้น ก่อนตอกย้ำความเป็นหัวหอกที่มีคุณภาพ เมื่อ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กระชากตัวมาร่วมทีมในไทยลีก เลกสอง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


หรือตัวอย่าง ธีราทร บุญมาทัน ช่วงแรกที่ไป วิสเซล โกเบ ในฤดูกาล 2018 ก็ร้องไห้ทุกวัน เพราะมีปัญหาเรื่องคิดถึงบ้าน แถมยังต้องปรับตัวให้เข้ากับแท็กติค แต่เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ แนวโน้มก็เริ่มดีขึ้นจนก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวหลัก แม้ท้ายที่สุดแล้วจะไม่ได้ต่อสัญญากันก็ตาม

จนซีซั่น 2019 โยโกฮามา เอฟ มารินอส ก็ยื่นข้อเสนอมาข้อยืมเขาจาก เอสซีจี เมืองทองฯ เนื่องจาก อังเก้ ปอสเตโคกลู กุนซือใหญ่ของทีมเกิดปิ๊งฟอร์ม บวกกับสเก้าต์ที่มาจาก วิสเซล โกเบ ก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีที่กับ “กิเลนผยอง” ทำให้ดีลทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็ว


ทุกอย่างเหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่เลย...เพราะเขาต้องอดทนกับการปรับตัวให้เข้ากับแท็กติคใหม่ ซึ่งการเป็นแบ็คซ้ายที่ โยโกฮามา เอฟ มารินอส ไม่ใช่แค่การวิ่งเติมขึ้นลงทางริมเส้น แต่ต้องหุบเข้ากลางมาปั้นเกมในสไตล์อินเวิร์ทวิงแบ็ค ถึงขนาดที่ช่วงต้นซีซั้นต้องขึ้นไปศึกษาดูเพื่อนเล่นบนอัฒจันทร์อยู่สักพักใหญ่มาแล้ว

สุดท้ายเขาก็ยึดตัวจริงและพาทีมคว้าแชมป์เจ ลีก ในซีซั่นดังกล่าวสำเร็จ ก่อนถูกจารึกว่าเป็นคนไทยรายที่สองที่ออกไปคว้าแชมป์ลีกในทวีปเอเชีย ที่ไม่ใช่แค่อาเซียน ต่อจากอดีตกองหน้าทีมชาติไทยอย่าง ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ในรอบ 34 ปี หลัง "เดอะตุ๊ก"เคยย้ายไปค้าแข้งกับ ลัคกี้ โกลด์สตาร์ (เอฟซี โซลในปัจจุบัน) ระหว่าง ฤดูกาล 1984-1986 ซึ่งพาทีมได้แชมป์เค ลีก ปี 1985

แม้ปี 2020 เขาไม่อาจจะพาทีมป้องกันแชมป์ได้ และเส้นทางสู่ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2020 ก็ไม่สามารถพาทีมถึงฝั่งฝัน อย่างไรก็ตาม “โก๋อุ้ม”ยังชนะผลโหวตประตูยอดเยี่ยมประจำรายการดังกล่าว จากลูกยิงใส่ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 5

พ่วงด้วยการได้รับเลือกติดทีมยอดเยี่ยมเอเชีย ประจำปี 2020 จากการประกาศของ สหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลระหว่างประเทศ (IFFHS) และเพิ่งถูก โยโกฮามา เอฟ มารินอส ประกาศต่อสัญญาฉบับใหม่อย่างเป็นทางการอีก 1 ปี ทำให้จะไปหมดในซีซั่น 2023

แค่ 3 คนนี้คงจะเป็นตำราลูกหนังให้กับแข้งไทยที่กำลังจะมีหนทางไปลุยในแดนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี หรือเอาจริงๆก็อยากจะให้ดูตัวอย่าง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่เคยไปเล่นกับ โออิตะ ทรินิตะ ตลอดจน สิทธิโชค ภาโส ซึ่งไปใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยวกับ คาโงชิมา ยูไนเต็ด


มาจนถึง ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม กับ 1 ขวบปีที่ เอฟซี โตเกียว จนพัฒนาขึ้นมาเป็นตัวหลักในการไล่ยิงคู่แข่งของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ ตะวัน โคตรสุโพธิ์ ที่ไปอยู่กับ เซเรโซ่ โอซาก้า อายุไม่เกิน 23 ปี ถึง 2 ฤดูกาลเต็มๆ ก่อนกลับมาอยู่ในแผนของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตำราสำหรับคนที่อยากจะไปค้าแข้งต่างแดนได้ดี อย่างลืมว่าการไปญี่ปุ่น จะต้องเจอกับ ความเหงา, ความห่างไกลจากครอบครัว, แรงกดดันมหาศาลจากการถูกคาดหวัง แต่ถ้าผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกแล้ว เพราะมันย่อมส่งผลดีกับทีมชาติไทยให้แข็งแกร่งอีกทาง จากการขัดเกลาทั้งเรื่องฟุตบอลและวิสัยทัศน์ในการใช้ชีวิตภายใต้สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมที่แตกต่าง 

ในอนาคตอันใกล้ เราคงได้เห็นนักเตะไทยอีกมากมาย ที่ได้ย้ายไปค้าแข้งในลีกต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเจลีก, เคลีก หรือแม้กระทั่งลีกยุโรป ซึ่งเขาเหล่านี้จะกลายเป็นบุคลากรสำคัญที่ช่วยปูทางให้แข้งไทย รุ่นสู่รุ่น ก้าวออกไปผจญภัยกับฟุตบอลในระดับที่สูงยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับศักยภาพของวงการลูกหนังไทยในองค์รวมอย่างแน่นอน

และเมื่อถึงวันหนึ่ง เราอาจจะได้เห็นวันที่นักเตะทีมชาติไทย 11 ตัวจริง ค้าแข้งอยู่กับสโมสรในลีกใหญ่ๆ ต่างแดน เมื่อถึงวันนั้น โอกาสที่ทีมชาติไทยจะได้ไปฟุตบอลโลก คงไม่ใช่เพียงความฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไปแล้ว

 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด