ย้อนอดีตแดงเดือด กับ 5 เกมที่แฟนหงส์ไม่เคยลืม
นับตั้งแต่จำความได้ นี่น่าจะเป็นศึกแดงเดือดที่แฟนบอลทั้ง 2 ทีมตั้งตารอ และมีความคึกคักมากที่สุด อย่างน้อย ๆ ก็ตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไปนั่นแหละ แต่ก่อนจะไปถึงเกมคืนนี้ เราจะพากลับไปย้อนรำลึกถึงแดงเดือดในอดีตกันสักหน่อย กับ 5 แมตช์ที่มันส์เข้าไส้และขึ้นหิ้งคลาสสิคมาจนทุกวันนี้
สปิริตของหงส์แดง
ลิเวอร์พูล 3-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก ปี 94)
นี่คือเกมที่ขุนพลหงส์แดงโชว์สปิริตออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม กับการไล่ตามตีเสมอคู่ปรับตัวฉกาจทั้งที่โดนนำไปไกลถึง 3-0 ใน 25 นาทีแรก
เกมวันนั้น ทีมเยือนทะยานออกนำเจ้าบ้านไปอย่างร้อนแรงจากลูกโหม่งของ สตีฟ บรูซ (นาทีที่ 9), ไรอัน กิ๊กส์ (นาทีที่ 20) และฟรีคิกสุดสวยของ เดนิส เออร์วิน (นาทีที่ 24) ทว่า ไนเจล คลัฟ ก็มาทำประตูตีตื้นให้กับหงส์แดงอย่างรวดเร็วในนาทีที่ 25 กับนาทีที่ 38 ส่งผลให้ครึ่งแรกสกอร์จบลงที่ 3-2
ลิเวอร์พูล ซึ่งในเวลานั้นอยู่อันดับ 8 เทหมดหน้าตัก เปิดเกมรุกใส่ทีมจ่าฝูงอย่างไล่ลดละ ก่อนจะได้ประตูตีเสมอก่อนหมดเวลา 11 นาที จาก นีล รัดด็อค
"ประตูนั้นคือไฮไลท์นึงของผมกับ ลิเวอร์พูล เลยล่ะ เราตามหลังถึง 0-3 แต่เสียงเชียร์ของแฟนๆ คือสิ่งที่กระตุ้นเราจนทำให้รู้สึกว่าเราจะแพ้แบบนี้ไม่ได้ มันเป็นประตูที่ยอดเยี่ยมลูกนึงในอาชีพของผมเลยทีเดียว" นีล รัดด็อค รำลึกความหลัง
"อีก 1 สิ่งที่ผมจะถูกพูดถึงเสมอเมื่อถึงเกมแดงเดือดก็คือ วันที่เราไปเยือนปีศาจแดงแล้วผมพยายามเอามือไปพับคอเสื้อของ เอริค คันโตน่า ลงมา เขาไม่พอใจผมมากนะและรอจะเอาเรื่องผมด้วยในอุโมงค์ ตอนนั้นผมยังเด็กเลยหลบเขาอยู่ด้านหลังของ เดวิด เจมส์ โดยตลอด"
--------------------------------
การพลิกนรกของปีศาจแดง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล (เอฟเอ คัพ รอบ 3 ปี 1999)
นี่คือเกมที่แฟนปีศาจแดงลืมไม่ลง เมื่อพูดถึงการคัมแบ็ค คิง บนศึกแดงเดือด วันนั้นเป็นเกมเอฟเอ คัพ รอบที่ 3 โดยเล่นกันที่แอนฟิลด์ครับ
ไมเคิ่ล โอเว่น ทะยานขึ้นโหม่งให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ก่อนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะดาหน้าสั่งเปิดเกมบุกชนิดที่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายปรับมาเล่นหลัง 3 คนแล้วใส่กองหน้าอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ลงมาประสานงานร่วมกับ แอนดี้ โคล และ ดไวท์ ยอร์ค
ปีศาจแดงบุกสุดตัวจนมาได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 88 จาก ยอร์ค แถมยังมาได้ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก โซลชาร์ อีก ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ร่วงตกรอบบอลถ้วยใบนี้ไปอย่างเจ็บปวด
"ผมคิดว่าผมสัมผัสบอลไม่ถึง 10 ครั้งเลยมั้งในเกมนั้น" โอเล่ โซลชาร์ ฮีโร่ของทีมเล่า "ไม่มีใครชอบที่เป็นสำรองหรอกนะ แต่ระหว่างที่เรานั่งดูเกมข้างสนามเราจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากตรงนั้นให้มากที่สุด งานของผมไม่ใช่การสร้างโอกาสให้คนอื่น แต่คือการรอว่าลูกบอลจะไปตกที่ไหน และส่งมันเข้าประตูให้ได้เป็นพอยิง"
--------------------------------
เมอร์ฟี่ตัวแสบ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก ปี 2000)
สำหรับ แดนนี่ เมอร์ฟี่ แล้ว เกมแดงเดือดคือขนมที่เขามักจะทำผลงานได้อย่างโดดเด่นอยู่เสมอ อย่างเช่นในเกมปี 2000 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ความสำคัญของเกมนั้น คือ ลิเวอร์พูล ไม่เคยเอาชนะปีศาจแดงได้ที่บ้านของพวกเขาเลยนับตั้งแต่ปี 1990 อีกทั้งในช่วง 5 ปีหลังสุด ยังไม่สามารถเอาชนะทีมของเฟอร์กี้ในเกมลีกได้อีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเกมเหย้าหรือเยือนก็ตามที
เมอร์ฟี่ บรรจงสังหารฟรีคิกผ่านมือ ฟาเบียง บาร์กเตซ เข้าไปในช่วงครึ่งแรก พาทีมเอาชนะไปได้หวุดหวิด 1-0 โดยตลอดเวลาที่ เมอร์ฟี่ รับใช้หงส์แดงนั้น เขาสามารถยิงในเกมแดงเดือดได้ถึง 3 เม็ด ซึ่งทั้ง 3 เม็ดที่ว่าคือการพาทีมเฉือนเอาชนะด้วยสกอร์ 1-0 ได้ทั้งหมดอีกด้วย
--------------------------------
ฝันร้ายของวิดิช
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก ปี 2009)
นี่คือชัยชนะครั้งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในรอบหลายปีหลัง เพราะมันคือเกมที่พลพรรคหงส์แดงเล่นได้อย่างลงตัวทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะ เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด
เกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกนำไปก่อนจากจุดโทษของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาทีที่ 23 ก่อนที่ ตอร์เรส จะยิงตีเสมออย่างรวดเร็วในอีก 5 นาทีต่อมา
ก่อนจบครึ่งแรก เจอร์ราร์ด ยิงให้หงส์แดงพลิกขึ้นนำ 2-1 ขณะที่เกมในครึ่งหลังจุดเปลี่ยนสำคัญก็มาเกิดขึ้นจากการโดนไล่ออกของ วิดิช นาทีที่ 76 อันนำมาซึ่งการยิงเพิ่มได้อีก 2 ประตูจาก ออเรลิโอ และ ดอสเซน่า ในนาทีที่ 77 กับ 90 ตามลำดับ
"เรารู้ว่าเป็นเกมที่ยาก แต่พวกเรามีความเชื่ออยู่เสมอว่าพวกเราจะพลิกกลับมาได้" เดิร์ค เคาท์ เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
"พวกเราสู้เต็มที่เพื่อเสื้อตัวนี้ เรามีผู้นำที่ยอดเยี่ยมอย่าง เจอร์ราร์ด, มีกองหน้าที่คมแบบ ตอร์เรส พวกเรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และพวกเราเชื่อเสมอว่าพวกเราจะชนะ"
แม้จบฤดูกาลดังกล่าวปีศาจแดงจะเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกได้ก็จริง ทว่า ความพ่ายแพ้คาบ้านวันนั้นคือรอยด่างเล็กๆ ที่ยังคงหลอกหลอนพวกเขามาจนทุกวันนี้
-------------------------------—
สิ้นสุดการรอคอยอันยาวนาน
ลิเวอร์พูล 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก ปี 2020)
นี่คือเกมแดงเดือดที่ถูกยกให้เป็นเกมที่พิเศษ และติดอยู่ในท็อปลิสต์ของแฟนหงส์ เมื่อมองไปที่ความสมบูรณ์แบบทั้งผลการแข่งขัน และผลลัพธ์ในตอนจบฤดูกาล
ลิเวอร์พูล ได้ 2 ประตูสำคัญจาก เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค กับ โม ซาล่าห์ โดยเมื่อจบเกมนี้ หงส์แดงที่เป็นจ่าฝูงของลีกทำคะแนนทิ้งห่างปีศาจแดงไกลถึง 30 แต้ม! และจบฤดูกาลด้วยการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลคือ 5 เกมแดงเดือดที่สุดมันส์ในอดีต
แต่สำหรับเกมคืนนี้นั้น ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร ผมอยากให้จำเอาไว้ในใจว่า เกมฟุตบอลลีกนั้นแตกต่างจากฟุตบอลถ้วยตรงที่ว่า การชนะแค่ 1-2 เกมส์ ไม่ได้ยืนยันว่าทีมนั้นจะประสบความสำเร็จ แต่ทีมที่จะประสบความสำเร็จจนถึงแชมป์ได้ ก็คือทีมที่ทำผลงานได้สม่ำเสมอมากที่สุด ผิดพลาดน้อยที่สุด
ถ้าลิเวอร์พูลแพ้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหมดลุ้นแชมป์ เช่นเดียวกันกับหากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแพ้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหลุดวงโคจร ยังมีอีกครึ่งฤดูกาลเต็มๆ ถึง 19 เกม ที่รออยู่ และทุกเกมไม่เคยมีคำว่าง่าย ต้องมีสมาธิแบบเกมต่อเกม ไม่ว่าคู่ต่อสู้คือใครก็ห้ามประมาท
การลุ้นแชมป์ยังอีกยาวไกล ดูฟุตบอลให้สนุกครับ