:::     :::

ครีเอเตอร์แห่ง "ปราสาทสายฟ้า"

วันอังคารที่ 19 มกราคม 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,150
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟอร์มที่สวิงแกว่งไปมาของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งใน 4 เกมแรก ก่อนเบรกหนีโควิด-19 รวมทั้งการกลับมารีสตาร์ทไทยลีก อีกครั้ง อาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนมองว่า ผู้เล่นต่างชาติของพวกเขานั้นไม่ดีเอาเสียเลย แต่ถ้าลงลึกในรายละเอียดจะเห็นได้ชัดว่า เมื่อเกมรุกได้แข้งไทยจินตนาการสูงนามว่า "จักรพันธ์ แก้วพรม" กลับมาฟิตแบบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์อีกครั้ง นั่นทำให้ทีมของพวกเขาดูทรงประสิทธิภาพ พร้อมกับทำผลงานได้อย่างน่าเกรงขามเหลือเกิน

24 พ.ค. 2531 คือ วันถือกำเนิดของ “โน้ต” อีก 4 เดือนข้างหน้าเขาจะมีอายุครบ 33 ปี เลขไมล์ดังกล่าวอาจจะเป็นถือเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงประสบการณ์ เพราะว่าด้วยมันสมองในฐานะ “ห้องเครื่อง” ตัวสำคัญ ที่กลายเป็นจิ๊กซอว์ที่ทีมจะขาดไปไม่ได้เสียแล้ว

ย้อนกลับไปในสมัยที่เขาอายุราว 17-18 ปี มีเรื่องเล่าจากผู้เล่นของ อัสสัมชัญ ธนบุรี ซึ่งยุคนั้นน่าเกรงขามอย่างมาก เพราะว่าเป็นโรงเรียนที่กวาดถ้วยระดับขาสั้นเป็นว่าเล่น นำทีมโดย ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกคนใหม่ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ออกจากแฟลตดอนเมือง มากินนอนกับเพื่อนๆ ทีมฟุตบอลของ "เจ้าสัวน้อย" 


รวมถึง ศักรินทร์ จันทร์โยธา, วิสูตร บุญเป็ง, ประกิต ดีพร้อม, แซมมวล ป.คันนิงแฮม, จิรโชติ ช้างชนะ, นฤพล อารมณ์สวะ ฯลฯ ภายใต้การคุมทีมของ มาสเซอร์ ธร สอระภูมิ

พวกเขาโคจรมาเจอกับ โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี ในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลรายการ โค้ก คัพ ครั้งที่ 13 เรียกได้ว่ากว่าจะชนะก็แทบขาดใจ

หนนั้นจอมทัพที่ถือกำเนิดใน จ.บุรีรัมย์ วาดลวดลายการปั้นเกม พร้อมกับแทงบอลทะลุช่องได้อย่างน่าหวาดเกรง จนกระทั่งทีมดังจากแดนเหน่อเสน่ห์นำไปก่อน 1-0 ก่อนที่ อัสสัมชัญ ธนบุรี จะบดอย่างหนัก กระทั่งมาได้ 2 ประตูรวดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้เฉือนชนะไป 2-1

จากทัวร์นาเมนต์นั้นทำให้ บีอีซี เทโรศาสน ไม่รอช้าที่จะดึงตัวเขามาร่วมทีมด้วยวัย 18 ปี ก่อนจะย้ายมาร่วมทัพ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในปี 2010 แต่ฤดูกาล 2011 การมาคุมทีมของ “เรเน่ เดอซาเยียร์” ทำให้ทุกคนเกือบต้องจดจำภาพตำแหน่งใหม่ของเขาไปตลอดกาล

เวลานั้น “กิเลนผยอง” ไม่มีแบ็คขวาอย่าง ปกาษิต แสนสุข ที่บาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้ “โน๊ต” ที่ไม่สามารถเบียดตำแหน่งแดนกลางจาก ดัสกร ทองเหลา, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว และ ดานโญ่ เซียก้า ได้ไปลุยทางกราบ ก่อนจะโชว์ผลงานอันสุดยอดยึดตัวจริงได้ตลอด


ด้วยพรสวรรค์ของเขาที่ใช้สมอง มากกว่าที่จะใช้สปีดต้นอันจัดจ้าน ทำให้เป็นที่รักของสาวก เอสซีจี เมืองทองฯ ไปโดยปริยาย ถึงขนาดที่ก้าวไปติดทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของ “วินนี่” วินฟรีด เชเฟอร์  ยังให้เขาไปเล่นตำแหน่งแบ็คขวาเสียด้วย

จำได้ไหมช็อตที่เราบุกไปเยือน ออสเตรเลีย ในศึกฟุตบอลโลก 2012 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ก็เป็นความยอดเยี่ยมของ จักรพันธ์ แก้วพรม ที่เดินเครื่องบุกขึ้นมาทางกราบขวาแล้วเปิดให้ ธีรศิลป์ แดงดา ซัดด้วยซ้ายส่งบอลย้อนเข้าเสาแรก ทำให้ทีมชาติไทย นำ 1-0 ก่อนแพ้ 1-2 เรียกว่าเป็นจังหวะที่ยังคาตาของแฟนบอลหลายคน แม้จะผ่านมาเกือบ 1 ทศวรรษแล้วก็ตาม


จากนั้นก็ย้ายมาสู่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้ว่าจะไม่ต้องเล่นแบ็คขวาแล้ว แต่การกลับมายืนเป็นห้องเครื่อง ทำให้ประสิทธิภาพของเขาแจ่มแจ้งอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะมีพาร์ทเนอร์รุ่นพี่ในทีมชาติไทย อย่าง รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ก่อนช่วยกันพาทีมเถลิงแชมป์ไทยลีกสมัยแรกของสโมสรในซีซั่น 2011 อย่างยิ่งใหญ่ 

กาลเวลาผ่านไป ถึง ณ ปัจจุบัน เขาคือผู้จารึกสถิติครองโทรฟี่ลีกของเมืองไทยมากที่สุดแล้วถึง 7 สมัย แบ่งเป็นกับ เอสซีจี เมืองทองฯ 1 ครั้ง และ "ปราสาทสายฟ้า" อีกทั้งหมด 6 ครั้งด้วยกัน


คนเรามีขึ้นก็มีลง... ต้องยอมรับว่าปี 2019 อาจจะไม่ใช่ซีซั่นที่ดีนักของเขากับพลพรรค บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพราะอาการบาดเจ็บจากการใช้ร่างกายมาอย่างหนักหน่วง ทำให้เขาไม่สามารถรีดความสามารถและพรสวรรค์ที่มีอยู่มาช่วยทีม จนโดน สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เบียดคว้าแชมป์ไปในเกมสุดท้าย

ที่สำคัญอาการดังกล่าวยังต่อเนื่องมาถึง 4 เกมแรกของไทยลีก 2020-2021 ยังดีที่การเบรกหนีโควิด-19 เปรียบเสมือนการรื้อเครื่องยนต์ใหม่ของเขา พร้อมกับเติมน้ำมันแบบเต็มสูบ ทำให้ผ่านเลกแรก เขาตอบแทนด้วยการเป็น "นักครีเอท" ด้วยการเป็นนักเตะไทยที่สร้างโอกาสให้เพื่อนทำประตูได้มากที่สุดถึง 19 ครั้ง


ยิ่งกว่านั้น 3 เกมหลังสุดในไทยลีก ที่เก็บไป 9 คะแนนเต็ม ทั้งๆ ที่ต้องออกไปเยือน ของ "ปราสาทสายฟ้า" ประกอบด้วย ชนะ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 2-1, ชนะ พีที ประจวบ เอฟซี 1-0 และ ชนะ ชลบุรี เอฟซี 2-0 ก็เป็นจอมทัพหมายเลข 10 นี่แหละ ที่ผลงานเปล่งประกายอย่างมากทั้งยิงทั้งแอสซิสต์

ด้วยฟอร์มแบบนี้นี่เองที่หลายเสียงจากแฟนบอล อยากจะเห็นเขากลับไปสวมยูนิฟอร์มของทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ อากิระ นิชิโนะ อีกครั้งหนึ่ง แต่จะถูกกุนซือจากแดนอาทิตย์อุทัยเลือกใช้บริการหรือไม่นั้น เวลาคงจะเป็นคำตอบในไม่ช้านี้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด