มันเกิดขึ้นหลังศึกเอล กลาซิโก้ ครั้งที่ 237

    แน่นอนบิ๊กแมตช์ขนาดนี้ทุกสายตาทั่วโลกต่างจับจ้องมาด้วยความหวังว่าจะสนุกสุดมัน

    และก็สมคำร่ำลือจริงๆ แต่มันดันกลายเป็นความสนุกของ บาร์เซโลน่า แค่ฝั่งเดียวนี่สิ

    สกอร์ 3-0 มันดูขาดเหมือนกับอยู่คนละชั้น ซึ่งเมื่อดูจากตารางคะแนนปัจจุบันก็ต่างกันหลายขั้นจริงๆ

    14 แต้มไม่ใช่น้อย และกับทีมระดับ บาร์ซ่า เมื่อนำขนาดนี้แล้วคงไม่ปล่อยให้โอกาสทองในการกลับมาครองความเป็นใหญ่ในลีกกระทิงดุหลุดมือไปแน่

    หลายคนพยายามวิเคราะห์ทำไมปีนี้มันไม่สูสีเหมือนเคย

    ไม่ต้องไปเอาสถิติหรืออะไรต่างๆ มาอ้างอิงหรอก ดูแค่ตาเปล่าก็รู้แล้วว่า เรอัล มาดริด นั้นอ่อนลงไปมาก

    แววมันมาตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ทซีซั่นที่ผลงานลุ่มๆ ดอนๆ แถมฟอร์มของแข้งบัลลงดอร์ 5 สมัยอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ไม่ได้รุนแรงเขย่าโลกเหมือนเก่า ยิ่งมองไปยังส่วนประกอบเกมรุกที่เหลือ

    คาริม เบนเซม่า เล่นดีจนชนิดที่โดนแฟนตัวเองโห่ คิดดู!

    ส่วนอดีตดาวเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกอย่าง แกเร็ธ เบล ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโรงหมอจนฟอร์มหดหายไปหมดแล้ว

    เอล กลาซิโก้ หนนี้เรียกได้ว่าเรื่องราวที่น่าสนใจหลายอย่างให้ต้องพูดถึงเลย

    ก่อนเกมมีการโหมกระแสที่ว่า ลีโอเนล เมสซี่ เป็นคนที่ยิงได้เยอะที่สุดจากการพบกันของทั้งสองทีมที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว และเขาก็ตอกย้ำกว่าสถิตินั้นไม่ได้ฟลุคแต่อย่างใด ถึงจะเป็นการลั่นไกจากจุดโทษก็เหอะ

    ประตูนั้นมันได้ทำให้หัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินาทำลายสถิติยิงประตูจากการลงเล่นให้กับสโมสรเดียวตลอดทุกการแข่งขันมากสุดใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปของ แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานดาวยิงทีมชาติเยอรมันตะวันตกที่เคยทำไว้กับ บาเยิร์น ไปเรียบร้อยแล้ว

    เมสซี่ ซัดไปแล้ว 526 ประตูในทุกรายการ!!!

    เดี๋ยวนะ ขอเช็คตัวเลขอีกที

    ...

    แม่เจ้า!!! นั่นคนเหรอน่ะ ยิงไป 500 กว่าลูก

    ตัวเลขนั้นมันทำให้เขาแซงหน้า มุลเลอร์ ที่ทำไว้ 525 ไปแล้ว

    ความยอดเยี่ยมของเขาไม่ได้หมดเพียงแค่นั้น เมสซี่ ยังยิงได้เกมเอล กลาซิโก้ไปถึง 25 ลูก และมาซัดที่รังเบร์นาเบวได้เป็นเม็ดที่ 15 แล้วด้วย

    ส่วนคู่หูของเขาในแดนหน้าอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ก็แสบใช่เล่น

    นี่คือของแสลงสำหรับของไอ้ขาวเลยก็ว่าได้

    กับนัดนี้ กองหน้าอุรุกวัยเบิกสกอร์แรกของเกม และนั่นก็ทำให้เขาทำไปได้ถึง 4 ประตู กับ 1 แอสซิสต์จาก 7 นัดหลังสุดที่ลงเล่นให้ บาร์ซ่า เผชิญหน้า เรอัล มาดริด

     ที่น่าขำก็คือ ราชันชุดขาวน่าจะไม่ถูกกับคนที่ชื่อ หลุยส์ ซัวเรซ จริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ บาร์เซโลน่า ก็เคยมีนักเตะที่ชื่อว่า หลุยส์ ซัวเรซ เหมือนกัน และยิง มาดริด ไป 8 ประตู ระหว่างปี 1956-1961 ด้วย

    แต่ที่ขำไม่ออกคงจะเป็น โรนัลโด้ นี่แหละ เพราะฟอร์มของเจ้าตัวกับต้นสังกัดน่าผิดหวังจริงๆ

    แม้ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสจะมีโอกาสหลายครั้งที่จะลั่นไกใส่สกอร์ให้ทีมตัวเองได้ แต่ก็ดันยิงพลาดไปเสียหมดจนโดนกองเชียร์ชุดขาวหัวร้อนโห่ใส่ไปตามๆ กัน

    นอกจากนี้ โรนัลโด้ ยังโดนฟรีคิกของ เมสซี่ เข้าไปเต็มๆ ที่หน้าอกอีกด้สย เรียกได้ว่าเสียเชิงหมดลายบัลลงดอร์เลยทีเดียว

    รวมแล้ว กัปตันทัพฝอยทองฟอร์มฝืดอย่างมากในซีซั่นนี้ โดยเขาเพิ่งยิงในลีกได้เพียง 4 ลูกเท่านั้น

    ขอแวะมาว่าที่ผลงานของ เปาลินโญ่ กันหน่อย

    หากยังจำได้มีแต่คนยี้ที่ บาร์ซ่า เหมือนหมาจนตรอกไปคว้าแข้งลีกจีนมาเสริมทัพ

    แต่เอาเข้าจริง ตอนนี้ เปาลินโญ่ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาอ่ะ ของจริง โดยเฉพาะในเกมนี้ที่เล่นได้เด่นทั้งรุกและรับ รวมทั้งมีโอกาสทำประตูได้ด้วย โชคร้ายที่กรรมการเป่าว่า ดาเนียล การ์บาฆาล แบ็กขวา มาดริด ทำแฮนด์บอลก่อน

    เอาเป็นว่าถึงตรงนี้ต้องบอกว่าจบแล้วจริงๆ นะตัวเอง สำหรับเวทีลา ลีกา

    หากอังกฤษเป็นแมนฯ ซิตี้ เยอรมันเป็นบาเยิร์น ฝรั่งเศสเป็นเปแอสเช

    สเปนคงหนีไม่พ้นบาร์ซ่า

    จากการที่พวกเขาทิ้งห่างคู่อริตลอดกาลถึง 14 แต้ม แถมนำอันดับสองอย่าง แอต. มาดริด ถึง 9 คะแนน

    ขณะที่ บาเลนเซีย ก็กระทืบโอกาสตัวเองลงดินหลังแพ้ในนัดล่าสุดห่างถึง 11 แต้ม

    ถ้าจะให้พูดตามภาษาของบางประเทศในแถบอาเซียนคงไม่พ้น

    มันจบแล้วครับนาย