:::     :::

เส้นทางลูกหนังของ "เจมส์ แมดดิสัน"

วันพุธที่ 20 มกราคม 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,275
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กำลังโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยม

สำหรับเจมส์ แมดดิสันจอมทัพของเลสเตอร์ ซิตี้ โดยเขาเป็นฟันเฟืองสำคัญ ในการพาพลพรรค “จิ้งจอกสยามเกาะกลุ่มหัวตารางของศึกพรีเมียร์ลีก อย่างเหนียวแน่น พร้อมกับขับเคี่ยวแย่งชิงตำแหน่งจ่าฝูงอย่างเข้มข้น 


ขณะที่ผลงานส่วนตัวในเกมลีก แมดดิสัน ก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีส่วนร่วมกับประตูของทีมมากถึง 8 ลูก แบ่งออกเป็นการยิง 6 และแอสซิสต์ 2 เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งนักเตะที่ทีมจะขาดไปไม่ได้เลย 


อย่างไรก็ตาม กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ของแมดดิสัน เขาต้องฝ่าฟันอะไรมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะกับการเล่นกับทีมขนาดเล็ก และต้องสะสมประสบการณ์ผ่านการยืมตัว ..... ช่วงนี้ เราไปดูความเป็นมาของเขากันหน่อย

วันที่ผมถูกส่งไปยืมตัวที่อเบอร์ดีน ความฝันก็ยังเหมือนเดิมแมดดิสัน เด็กหนุ่มจากเมืองโคเวนทรี ออกมาย้อนความทรงจำ ผ่านแบบทดสอบสำคัญ ที่เขาต้องอดทนผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านั้น ทำให้เขาเติบใหญ่ในการค้าแข้ง และเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วย 


จากจุดเริ่มต้น แมดดิสัน เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับทีมประจำเมืองเกิดอย่างโคเวนทรี ซิตี้ ไล่มาตั้งแต่อะคาเดมี่ จนถึงการประเดิมลงเล่นทีมชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น ถือเป็นการแจ้งเกิดในอายุที่น้อยมาก ซึ่งมันมาพร้อมกับความคาดหวังเช่นเดียวกัน 


เขาคอยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในศึกลีกวัน ทีละเล็กทีละน้อย กาลเวลาผ่านไป กระดูกบอลของเขาเริ่มแข็งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง 2 ปีต่อมา เขาต้องพบกับแบบทดสอบครั้งสำคัญ ด้วยการย้ายทีมเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้เขาต้องรีบเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็วมากขึ้น


ผมย้ายไปนอริช ซิตี้ ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายแมดดิสัน เล่าต่อ “มันมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย เพราะผมอาศัยอยู่กับคุณพ่อ และคุณแม่มาตลอด พร้อมกับมีความจำเป็นต้องย้ายออกจากโคเวนทรี ซิตี้ ซึ่งเป็นสโมสรประจำท้องถิ่นที่ผมเติบโตมา


อย่างไรก็ตาม มันยังพอมีเวลาอยู่บ้าง เมื่อนอริช ซิตี้ ยังเปิดโอกาสให้ผมเล่นกับสโมสรเดิมไปก่อน และฤดูกาลหน้าค่อยย้ายไปร่วมทีมเขาเล่าถึงความพร้อม ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงในเส้นทางลูกหนังของตัวเอง 

ฤดูกาล 2016-17 เขาต้องเจอกับอุปสรรคอีกครั้ง เมื่อการย้ายไปร่วมทีมนอริช ซิตี้ ไม่ได้เป็นเหมือนที่วาดฝันไว้ นอกจากประสบการณ์การเล่นลีกที่สูงขึ้นอย่างเดอะ แชมเปี้ยนชิพ จะถูกระงับไว้แล้ว ความผันแปรในอีกรูปแบบหนึ่ง ก็ยังเข้ามาทักทายแบบไม่ทันตั้งตัว 


ระยะทางที่ห่างกว่า 250 กิโลเมตร จากเมืองโคเวนทรี กับนอริช ถูกถ่างออกไปอีกไกลแสนไกลมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาถูกส่งตัวไปให้กับอเบอร์ดีน ทีมจากลีกสกอตแลนด์ ยืมตัวไปใช้งาน และเพาะบ่มประสบการณ์ แน่นอนว่า ทำให้เขาต้องอยู่ห่างจากบ้านเกิดมากขึ้นไปอีก 


แน่นอนว่า แมดดสัน ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร นี่ไม่ใช่แผนการที่เขาวาดฝันเอาไว้ในตอนแรก เขาทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับ และทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพียงความหวังในใจว่า จะสามารถกลับไปแจ้งเกิดที่นอริช ซิตี้ ในสักวันหนึ่ง


เมื่อผมย้ายไปร่วมทีมนอริช ซิตี้ ผู้จัดการทีมเดินมาบอกกับผมว่า ผมยังคงเป็นส่วนเกินของทีม เหตุผลเพราะทีมมีนักเตะในตำแหน่งนี้มากพอแล้ว ดังนั้น ผมจึงต้องไปที่สกอตแลนด์ และต้องไปใช้ชีวิตที่ห่างไกลจากสิ่งที่เรียกว่าบ้านแมดดิสัน ระบายความรู้สึก 


“อย่างไรก็ตาม ผมไม่เคยลืมเหตุการณ์เหล่านั้นเลย เพราะมันคือสิ่งที่หล่อหลอม และช่วยให้ผมเติบโต กลายมาเป็นลูกผู้ชาย และนักฟุตบอลเหมือนทุกวันนี้ สำหรับผมมองว่า ทุกคนต่างมีเส้นทางเป็นของตัวเอง และนี่คือเส้นทางของผม ซึ่งผมก็ภาคภูมิใจกับมันมาก

ฤดูกาล 2017-18 แมดดิสัน เดินทางกลับมาอังกฤษ และเริ่มต้นกับนอริช ซิตี้ อีกครั้ง พร้อมกับพิสูจน์ตัวเอง ด้วยการเป็นจอมทัพของทีม ในฐานะกองกลางตัวรุก เขาสามารถยิงได้ถึง 14 ประตู บวกกับ 8 แอสซิสต์ ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ถือเป็นผลงานที่สุดยอดเอามากๆ 


พร้อมกันนี้ ผลงานดังกล่าว ทำให้แมดดิสัน สามารถคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำปีของทางสโมสร นอกจากนี้ มันยังส่งแรงกระเพื่อมในด้านอื่นด้วย โดยฝีเท้าของเขา เริ่มถูกพูดถึงตามหน้าสื่อมากขึ้น แน่นอนว่า มันลอยไปเข้าหูสโมสรใหญ่ ที่อยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม 


ทำให้จุดเปลี่ยนก็แวะมาทักทายอีกครั้ง เมื่อฤดูกาลถัดมา แมดดิสัน ถูกทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ดึงตัวมาร่วมทีม ด้วยค่าตัวประมาณ 20 ล้านปอนด์ พร้อมกับได้สัมผัสประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรก นี่ถือเป็นเวทีที่เด็กอังกฤษ อย่างเขา ใฝ่ฝันอยากจะลงเล่นมาทั้งชีวิต 


แมดดิสัน บอกว่า เขาจะไม่มีวันเดินทางมาถึงทุกวันนี้เลย หากยกธงขาวยอมแพ้ไป ตั้งแต่ที่ลงเล่นในลีกระดับล่าง “ความฝันของผม คือการเล่นฟุตบอลในศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งมันเป็นแบบนี้มาเสมอ คุณลองไปถามใครก็ได้ที่รู้จักกับผม ผมพูดแบบนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้วล่ะ


วันที่ผมถูกส่งไปยืมตัวที่สโมสรอเบอร์ดีน ความฝันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ในช่วงวันเวลาที่แสนยากลำบากที่ผมเจอในช่วงการยืมตัว ความฝันก็ยังไม่เปลี่ยนไป ในวันที่ผมย้ายไปเล่นกับนอริช ซิตี้ ความฝันยังไม่หนีไปไหน


เจมส์ แมดดิสัน ทิ้งท้ายถึงแรงผลักดัน ที่ทำให้เขากลายเป็นนักเตะตัวหลักของเลสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อย 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด