:::     :::

บททดสอบและการยืนระยะ

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2564 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
4,239
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
พรีเมียร์ลีกผ่านพ้นครึ่งฤดูกาลพร้อมกับความตื่นเต้นชวนให้ติดตามแบบใกล้ชิดมากกว่าเดิม

บรรดาทีมหัวตารางต่างขับเคี่ยวชิงจังหวะในการขึ้นไปรั้งที่ 1 สถานการณ์ตอนนี้จึงเป็นที่น่าติดตามและลุ้นแบบนัดต่อนัดว่าเมื่อจบการแข่งขันแต่ละสัปดาห์ทีมใดจะได้ยึดครองหัวหาด

กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมในการไล่สอย เชลซี พร้อมขึ้นนำเป็นจ่าฝูง แต่ให้หลังไม่ถึง 1 วันเต็ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เบียดเอาชนะ แอสตัน วิลล่า และแซงขึ้นไปรั้งที่ 1 แทน

ทำให้เกมที่ คราเวน ค็อทเทจ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาถูกแฟนบอลจับตามองมากกว่าเดิม โดยเฉพาะกองเชียร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ลุ้นติดหน้าจอพร้อมความหวังให้ทีมรักคว้าชัยเพื่อกลับไปนั่งบนบัลลังก์จ่าฝูงอีกครั้ง

แต่อะไรที่ได้มาง่ายๆ คงไม่ใช่รูปแบบของ ปิศาจแดง ในยุคปัจจุบัน เพราะผ่านไปเพียง 5 นาที ฟูแล่ม จัดการสอยตาข่ายออกนำไปก่อน

ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ ผีแดง ต้องตามหลังคู่แข่งเมื่อต้องออกไปเยือน มันเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่แฟนบอลและนักเตะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะที่ผ่านมาพวกเขาต้องให้ฝ่ายตรงข้ามได้เฮก่อนถึงจะพลิกกลับมาแซงคว้าชัย





ดีที่นัดล่าสุดเหตุการณ์ลงเอยไม่ต่างจากนัดก่อนๆ เพราะ ยูไนเต็ด สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะพร้อมคว้า 3 คะแนนสุดสำคัญกลับ แมนเชสเตอร์ ไปนอนกอด

เกมที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นทั้งการบ้านที่ยังต้องนำกลับไปแก้ไข หรือข้อดีเรื่องของการผ่านบททดสอบทางด้านจิตใจในการไล่บี้บนหัวตารางกับคู่แข่ง โดยเฉพาะ แมนฯ ซิตี้ ที่มีประสบการณ์ตรงนี้มากกว่าแข้งผีแดง

เรื่องที่ต้องแก้ไขคงหนีไม่พ้นการหลีกเลี่ยงเสียประตูให้กับคู่แข่ง อย่างที่เคยเรียนไปก่อนหน้านี้ว่าแม้สถิติการออกไปเยือนจะงดงามเพียงใด แต่มันคงไม่ดีนักที่ต้องตามหลังทุกครั้ง เพราะมันไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะสามารถพลิกแซงได้เสมอไป

อย่างเช่นนัดที่ผ่านมาที่บรรดาแข้งปิศาจแดงเล่นได้ไม่ดีเลยในช่วงแรก กว่าจะมีโอกาสในการเล่นงาน เจ้าสัวน้อย ต้องรอให้เกมผ่านไปเกือบ 20 นาที นอกจากนั้นจังหวะตีเสมอมาจากการฉวยโอกาสและอาศัยความผิดพลาดของเจ้าบ้าน

ไหนจะเกมในครึ่งหลังที่เจอกำแพง 2-3 ชั้นของ ฟูแล่ม ในการขึงเกมป้องกันเพื่อขัดขวางการเข้าทำของทีมเยือน ดีที่ ปอล ป็อกบา แผลงฤทธิ์จัดการทำประตูสุดสวยให้ทีมคว้า 3 แต้มได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นการแก้ตัวจากการพลาดโอกาสทองในเกมปะทะ ลิเวอร์พูล 





โดยรวมแล้วเป็นเกมที่ ปิศาจแดง เล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ และต้องยอมรับว่าเป็นอีกครั้งที่แฟนบอลต้องมานั่งตัวเกร็งลุ้นจนวินาทีสุดท้าย เพราะยิ่งเวลาในสนามใกล้หมดลงไปมากเท่าไหร่ เจ้าบ้านก็ยิ่งเดินหน้ากดดันและมีโอกาสหวาดเสียวหลายครั้ง

นี่จึงเป็นอีกจุดที่ทีมต้องพัฒนาและหาทางปิดเกมให้ได้แต่เนิ่นๆ การคว้าชัยแบบสบายๆ คือสิ่งที่ทีมต้องตามหา เรื่องดังกล่าวไม่เพียงจะให้ทีมคว้าชัยแบบไม่ต้องเหนื่อยมาก ยังเป็นการผ่อนแรงของนักเตะที่ไม่ต้องดึงเอาพลังงานแฝงเพื่อมาใช้ในเกมป้องกันช่วงท้ายเหมือนที่ผ่านมา

เรื่องนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทราบดีและเขามักย้ำตลอดในการให้สัมภาษณ์หลังจบเกมแต่ละนัดที่ทีมต้องทำงานอย่างหนักกว่าจะได้ชัยชนะมาครอง

หากทีมสามารถปรับปรุงหรือแก้ไขจุดนี้ให้ดีขึ้น เชื่อว่าเส้นทางข้างหน้าต่อจากนี้ก็มีโอกาสเป็นไปได้สำหรับพวกเขาที่จะสามารถยืนระยะเพื่อต่อกรกับคู่แข่งในเกมที่เหลือ

นั่นคือสิ่งที่ต้องนำไปแก้ไขให้ดีขึ้น มันเป็นการติเพื่อก่อเพราะทุกๆ คนคงเห็นเหมือนกันว่า ปิศาจแดง ชุดนี้ยังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้น




แต่สิ่งหนึ่งที่กำลังไต่ระดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากอันดับในตารางคะแนนตอนนี้ นั่นคือสภาพจิตใจและบรรยากาศภายในทีมที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม

โดยเฉพาะหลังจบเกมที่ 'กระท่อมหลังน้อย' สีหน้าของนักเตะปิศาจแดงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แววตาลุกเป็นประกาย ความฮึกเหิมที่แสดงออกมาจากทางร่างกาย ทำให้แฟนบอลคึกตามไปด้วย

บททดสอบจากนัดที่ผ่านมานอกจากเป็นการเอาชนะในเกมที่ยากและเกิดขึ้นในวันที่ทีมเล่นได้ดีเหมือนก่อนหน้านี้ มันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เพิ่มพูนยิ่งกว่าเดิม ที่สำคัญคือการรับมือกับแรงกดดันและความคาดหวังที่ทีมต้องชนะสถานเดียวเพื่อกลับไปนำเดี่ยว

เลสเตอร์ ชนะ, แมนฯ ซิตี้ ชนะ แน่นอนว่ามันบีบให้ลูกทีมของ โซลชา ต้องชนะเช่นกัน และนั่นคือบททดสอบที่สำคัญทั้งทางด้านจิตใจและภาวะของแรงกดดัน

นี่คือสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการลงเล่นเกมลีก เพราะอย่างที่เขียนไปตั้งแต่ต้นว่าสถานการณ์ของศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้จะเป็นการแข่งขันที่คู่คี่สูสี นอกจากนั้นโอกาสที่หัวตารางจะสลับสับเปลี่ยนหลายครั้งภายในหนึ่งสัปดาห์ก็มีความเป็นไปได้สูง




บวกกับโปรแกรมการแข่งขันที่แต่ละทีมแทบจะไม่ได้ลงสนามพร้อมกัน ทำให้ทีมที่คว้าชัยได้ก่อนจะโยนความกดดันดังกล่าวไปให้กับคู่แข่งทันที มันจึงเป็นเรื่องของผลงานและสภาพจิตใจว่าใครจะสามารถยืนระยะได้ดีกว่ากัน

สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นคือสัญญาณที่ดีของพวกเขาในการผ่านบททดสอบที่สำคัญ ซึ่งเชื่อว่ามันจะเข้าไปเสริมให้จิตใจของนักเตะแกร่งกว่าที่ผ่านมา

การแข่งขันที่เข้มข้น พลาดเพียงนิดเดียวอาจจะทำให้ทีมนั้นๆ ต้องกลายเป็นฝ่ายตามหลัง เรื่องราวหลังนี้คือการวัดกันว่าทีมใดจะสามารถยืนระยะได้ดีกว่ากันทั้งในเรื่องของผลงานในสนามและรับมือกับแรงกดดันที่จะมาจากทั้งคู่แข่งหรือบรรดาสื่อมวลชน

ปิศาจแดง ได้ชัยชนะที่สำคัญในการออกไปเยือนเมืองหลวงหนล่าสุด กระนั้นมันยังมีความสำคัญในแง่ของปัจจัยต่างๆ ที่น่าจะเป็นบรรทัดฐานให้กับนักเตะได้ทำตามและพัฒนาให้ดีกว่าที่ผ่านมา

หลังจากนี้ทุกๆ นัดในลีกเปรียบได้กับนัดชิงชนะเลิศ อยู่ที่ว่าใครจะสามารถยืนหยัดและต้านทานแรงกดดันได้ดีกว่ากัน



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด