การระบาดหนนี้นับว่าสร้างความเสียหายในวงกว้างอย่างมาก โดยเฉพาะในแง่ของเศรษฐกิจที่เหมือนว่ากำลังจะลืมตาอ้าปากต่อทุกอาชีพได้อย่างอยู่แล้ว แต่หลายบริษัทกลับต้อง “ล้มทั้งยืน”
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ ร้านอาหารต่างๆที่เวลาต้องปิดไม่เกิน 21.00 น. แถมยังต้องซื้ออาหารกลับบ้าน ตรงนี้เองที่ทำให้พ่อค้าแม่ขายขาดรายได้ไปจำนวนมาก
ที่สำคัญยังลามมาถึงการแข่งขันฟุตบอลในเมืองไทย โดยเฉพาะ T3 ซึ่งมีการประชุมกับสโมสรสมาชิก ก่อนจะตัดจบฤดูกาล 2020-21 อย่างเป็นทางการ พร้อมกับตัดเข้าสู่รอบแชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อหา 3 ทีมเลื่อนชั้นไปสู่ไทยลีก 2 ซีซั่นหน้า
เมื่อการตัดจบของลีกเกิดขึ้น ก็นำมาหลายๆอย่าง ประเด็นแรกเลย คือ นักเตะและสตาฟฟ์ส่วนใหญ่ต้องตกงานก่อนถึงเวลาของสัญญาที่เซ็นเอาไว้เกือบๆ 1 เดือน จนเป็นสาเหตุให้หลายๆ คนหันมาประกอบอาชีพเป็นคนบริการขับส่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ
คงยังจำกันได้เมื่อโควิด-19 ระบาดใหม่ๆ ในเดือน มี.ค. ปีที่ผ่านมา อาชีพที่สู้แบบทุกวินาที และทุกๆวันก็คือ การขับรถส่งอาหารเดลิเวอรี่ ซึ่งมีนักเตะจำนวนมาก รวมถึงบอร์ดของบางสโมสร เลือกจะทำแบบไม่ลังเล เพราะถ้าขยันหน่อยจะมีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นบาท หรือบางคนที่พีคๆ อาจทะลุไปถึง 6-7 หมื่นบาท
ถามว่ามันดีไหม... ถ้าต่อครอบครัวก็เป็นเรื่องดีที่ยังมีเงินเข้าบ้านบ้าง แต่ว่าถ้ามองอีกแง่มุมหนึ่ง พวกเขาก็ปวดใจไม่น้อยที่ไม่ได้ไปต่อกับฟุตบอลที่เขารัก แถมเป็นการตัดจบ 1 วัน ก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะในไทยลีก 1-2 จะปิดตัวลง เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุให้หาทีมกันไม่ทันเสียด้วย
แน่นอนยังต่อเนื่องถึงในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก โดยเฉพาะโซนเหนือและกรุงเทพ ที่ยังไม่สามารถหาบทสรุปได้ นอกจากการรับรองจากที่ประชุมสภากรรมการวันที่ 27 ม.ค.นี้
เริ่มจากโซนเหนือ ทางฝั่ง แม่โจ้ ยูไนเต็ด ยื่นขอความเป็นธรรม เพราะไม่ได้เข้ารอบ แชมเปี้ยนส์ลีก เพราะพวกเขาอยู่ในอันดับ 2 มี 33 คะแนน แต่ พิษณุโลก เอฟซี แข่งน้อยกว่า 1 นัดเป็นทีมที่เข้าสู่รอบดังกล่าว เพราะถ้านับ เฮด ทู เฮด ยอดทีมจากสองแควมีภาษีเหนือกว่า
นั่นทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จำเป็นต้องคณะอุทธรณ์ขึ้นมา โดยมี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เป็นประธาน ก่อนจะสรุปเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ให้ แม่โจ้ ยูไนเต็ด ในฐานะอันดับ 2 เข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีก ตาม ลำพูน วอริเออร์ ใช้จากการจัดอันดับในตารางคะแนน เหมือนในปี 2016 ที่มีการยุติลีก แต่ พิษณุโลก เอฟซี ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์เช่นกัน
ย้อนกลับไปดูข้อมูลในซีซั่น 2016 ทุกสโมสรยืนยันมติ ที่ต้องการขอยุติลีกทั้งหมด รวมทั้งฟุตบอลถ้วย ทำให้ในไทยลีก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ขณะที่ทีมตกชั้นคือ อาร์มี่ ยูไนเต็ด, ชัยนาท ฮอร์นบิล และ บีบีซียู เอฟซี ก่อนเป็น ไทยฮอนด้า, อุบล ยูเอ็มที กับ การท่าเรือ ขึ้นชั้นมาแทน
รวมทั้งโควต้าเพลย์ออฟ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก จากสิทธิ์แชมป์ เอฟเอ คัพ มีทั้งหมด 4 ทีมที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ชัยนาท ฮอร์นบิล , ชลบุรี เอฟซี , ราชบุรี มิตรผล เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี ทำให้เวลาต่อมาได้มีการจับสลากหาทีมเข้าไปเล่นในรอบดังกล่าว ก่อนจะเป็นพลพรรค "ค้างคาวไฟ" ที่คว้าตั๋วไปลุยถ้วยเอเชีย
มาที่โซนกรุงเทพฯ ปัญหา คือ นนทบุรี ยูไนเต็ด และ บางกอก เอฟซี มี 44 คะแนน เท่ากัน เพียงแต่ทีมดังจากเมืองนนท์ มีลูกได้เสียที่ดีกว่าเฉือนไป 1 เม็ด แต่ บ.ไทยลีก จำกัด ได้ใช้กฎ 2 ทีมที่มีแต้มเท่ากัน ต้องตัดสินด้วยกฎการพบกันหรือ “เฮด ทู เฮด”
ทีนี้ก็เป็น บางกอก เอฟซี ซึ่งเลกแรกเสมอ ก่อนมาชนะในบ้าน 1-0 เข้ารอบไปด้วยกฎกังกล่าว สุดท้าย นนทบุรีฯ มองว่าไม่เป็นธรรมเพราะการแข่งขันยังไม่จบ จะมาวัดด้วยกฎ “เฮด ทู เฮด” ไม่ได้ เลยต้องยื่นมาถึงคณะอุทธรณ์ ทว่าการประชุมเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็หาบทสรุปไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องส่งให้สภากรรมการพิจารณาอีกครั้ง
แม้จะมีเรื่องวุ่นๆใน ที 3 แต่ดูเหมือนว่าฟุตบอลไทยทั้ง 3 ลีก ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เพราะการหารือระหว่าง ศบค. กับ บริษัท ไทยลีก จำกัด นั้น ปรากฏว่า มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี
ศบค. ก็ไม่ได้ติดขัดหากจะมีการเล่นแบบ เหย้า-เยือน แต่ได้แจ้งให้ไทยลีก ปรับมาตรการการป้องกันโรคเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย และแนะนำว่าควรกลับมาแข่งขันในช่วงต้น ก.พ.นี้
ในทางที่แย่ของการกลับมา โควิด-19 ครั้งนี้ ทั้งเรื่องของตัดจบ ที 3 ทำให้หลายคนตกงาน แต่ก็ยังมีมุมที่ดีที่เราจะได้กลับชมการฟาดแข้งของฟุตบอลไทยอีกครั้งในต้นเดือน ก.พ.นี้ แม้ว่าจะเป็นแบบปิด ที่ไม่มีแฟนบอลเข้าไปชมในสนาม อย่างน้อยๆก็ยังมีถ่ายทอดสดให้ชมกันถึงบ้าน เพื่อหายคิดถึงกันบ้างแหละ
ขออย่างเดียว คือภาวนาให้ไวรัสตัวนี้หายไปเร็ววัน เพราะทั้งโลกเดือดร้อนกันมากเพราะมันจริงๆ
