ก็ไม่ถือว่าพลิกโผอะไรกับการเจอคู่แข่งที่อ่อนชั้นกว่าพอสมควรอย่าง เบิร์นลี่ย์ ที่ทีมจะเก็บสามคะแนนมาครองได้ แม้ว่าสกอร์จะไม่ได้ขาดลอยอะไรมากมาย

เมสัน เมาท์, แทมมี่ อบราฮัม, มาร์กอส อลอนโซ่ และ ทิโม แวร์เนอร์ คือ 4 แข้งที่เป็นสำรองในเกมแรกที่เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-0 และได้ลงสนามในเกมนี้ ซึ่งคงไม่ได้มีนัยยะอะไรมากมาย เพราะการคุมทีมอย่างกระทันหันอาจจะต้องใช้เกมแบบนี้แหละในการดูฟอร์มของนักเตะในทีม

ระบบการเล่นแบบเดียวกับเกมแรก 3-4-2-1 ซึ่งดูแล้วว่านี้คงจะเป็นแผนการเล่นหลักที่นายใหญ่ชาวเยอรมันจะยึดเป็นแผนการเล่นหลักสำหรับการคุมทีมในรั้วแสตมฟอร์ด บริดจ์

แน่นอนว่านี่คงเป็นระบบที่ โธมัส ทูเคิ่ล มองแล้วว่าเหมาะกับทีมมากที่สุด ด้วยการมีแข้งที่สามารถเล่นเกมรุกริมเส้นได้ดี การปรับให้มีผู้เล่นเพิ่มในตำแหน่งวิง-แบ็คนั้นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีเลย 

และด้วยการเป็นผู้จัดการทีมคนหนึ่งที่มีฝีมือและขึ้นชื่อด้านแท็คติคอยู่แล้ว ก็คงไม่ใช่ปัญหาทั้งในเรื่องของการวางแผนและตัวนักเตะเองด้วย

ซึ่งสิ่งที่เราเห็นกันอยู่แล้วจากตัวนักเตะที่ถูกส่งลงสนาม เพียงแค่คำสั่งเดียวมันสามารถปรับเล่นได้ในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการปรับมาเล่นเป็น "แบ็คโฟร์" ไม่ว่าจะเป็น 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 ก็ตาม

ในแผนการเล่นวิง-แบ็คนั้น ทางซ้ายอาจจะมีการสลับกันเล่นระหว่าง เบน ชิลเวลล์ กับ มาร์กอส อลอนโซ่ แต่ทางขวานั้นดูท่าจะกลฃายเป็นสัมปทานของ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ไปเป็นที่เรียบร้อย

ต้องบอกว่านี่อาจจะเป็นการพลิกฟื้นกลับมาของแข้งทีมชาติอังกฤษที่ตลอดเวลาภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ไม่ได้เป็นตัวหลักตลอด ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะในทีมมีแข้งตัวรุกริมเส้นอยู่เพียบทั้งตัวที่มีอยู่แล้วและเสริมเข้ามาในช่วงซัมเมอร์

ทั้งในเกมก่อนหน้านี้กับ "หมาป่า" และในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ เจ้าตัวแสดงศักยภาพออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีทีเด็ดอย่างที่รู้กัน และยิ่งได้รับความมั่นใจจากผู้เป็นนาย ฮัดสัน-โอดอย ก็ยิ่งเฉิดฉาย

นอกจากจะมีส่วนร่วมกับประตูขึ้นนำของทีมในเกมนี้บังเกือบมีประตูมากฝากด้วย แถมยังสร้างโอกาสมากมายในเกมนี้ให้กับเพื่อนร่วมทีม

ในภาพรวมกับการผ่านบอลสำคัญ 3 หนในเกม และถูกยกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ในเกมนี้ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง กับบทบาทใหม่ที่ได้รับมอบหมาย

ตราบใดที่ระบบการเล่นของ โธมัส ทูเคิ่ล ยึดที่การเล่นแบบวิง-แบ็ค ชื่อของ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย น่าจะเป็นขาประจำทางขวาจากผลงานที่ออกมา แม้ว่าจะมี รีซ เจมส์ อยู่ด้วยก็ตาม

ทีมยังเน้นการครองบอลที่เหนียวแน่นเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่น่าเบื่ออย่างเกมล่าสุดที่บอลไม่ไปไหน เกมนี้เห็นได้ชัดว่าบอลไปข้างหน้ามากขึ้นกว่าเดิม นั่นทำให้เกมรุกของทีมสร้างโอกาสมากมาย ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ได้สับไกเพียงหนเดียวเท่านั้น

จุดเดียวที่น่าห่วงก็คือบรรดากองหน้าที่ยังคงปืนฝืดทั้ง แทมมี่ อบราฮัม ที่อยู่ในสนามแค่ 45 นาทีแรก รวมถึง ทิโม แวร์เนอร์ ที่อยู่ในสนามเต็ม 90 นาที

ความหวังในการทำประตูส่วนใหญ่ของทีมย่อมต้องเป็นหน้าที่ของกองหน้า แม้ว่าตำแหน่งอื่นจะต้องช่วยกันก็ตามที 

นั่นคือจุดที่ โธมัส ทูเคิ่ล คงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการเค้นศักยภาพในแนวรุก ไม่ใช่แค่กองหน้า แต่ก็รวมถึงแข้งในแนวรุกทั้งหลายไล่ตั้งแต่ แวร์เนอร์, อับราฮัม, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หรือแม้แต่ คริสเตียน พูลิซิช, ฮาคิม ซิเย็ค และ ไค ฮาแวร์ตซ์

ยิ่งในเกมถัดไปทีมจะต้องเจอกับ สเปอร์ส ซึ่งถือเป็นคู่แข่งที่อันตราย แม้ว่าจะไร้กองหน้าตัวเก่งอย่าง แฮร์รี่ เคน ก็ตามที

ที่ผ่านมา โธมัส ทูเคิ่ล ถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่ค่อนข้างเด็ดขาด หากนักเตะคนไหนไร้ประสิทธิภาพมีโอกาสจะโดนเขี่ยออกจากทีมสูงเลย เพพราะมันส่งผลถึงเก้าอี้ของเขาด้วย

ในเกมนี้ผู้เล่นที่ดีที่สองของเกมก็คือแข้งในเกมรับ ซึ่งหากคิดตามปรัชญาที่คนทั้งหลายพูดกันว่า พื้นฐานของความสำเร็จมากจากเกมรับ จากสองเกมที่ผ่านมาก็ถือว่าทีมทำได้เป็นอย่างดี

ส่วนกองกลางก็ถือว่าสร้างโอกาสได้เป็นอย่างดี เหลือแค่กองหน้าเนี่ยแหละที่ต้องเค้นผลงานออกมาโดยด่วน

ศักยภาพของนักเตะมีดีอยู่แล้ว เหลือแค่ต่อให้ติดแค่นั้น มั่นใจว่าจะไปได้ดีแน่นอน