:::     :::

48 ชั่วโมงของลิเวอร์พูล กับเบน เดวิส และ โอซาน คาบัค

วันอังคารที่ 02 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,598
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปิดฉากกันไปแล้วนะครับสำหรับตลาดซื้อขายหน้าหนาว โดยที่ ลิเวอร์พูล สามารถปิดดีลกองหลังตัวกลางมาร่วมทีมได้ถึง 2 คนใน 48 ชั่วโมงสุดท้าย ชนิดที่ไม่ต้องลืออะไรให้มากความ

รู้ตัวกันอีกทีก็ Here we go กันไปแล้ว

 

รายแรกคือ "เบน เดวิส" เซนเตอร์ฮาล์ฟชื่อเสียงโนเนมจากสโมสร เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ โดยที่ ลิเวอร์พูล จ่ายค่าตัวไปเพียงแค่ 500,000 ปอนด์เท่านั้นในเบื้องต้น แต่มีเงื่อนไขที่อาจจะได้จ่ายเพิ่มสูงสุดที่ 1.1. ล้านปอนด์ หากตัวนักเตะประสบความสำเร็จตามรายละเอียดในสัญญาที่ตกลงกันไว้

 

นอกจากนี้ หงส์แดงยังพ่วง เซปป์ ฟาน เดอ เบิร์ก ดาวรุ่งวัย 19 ของทีมให้เปรสตันยืมไปใช้งานในช่วงที่เหลือของฤดูกาลอีก 1 คนด้วยในดีลดังกล่าว

 

เบน เดวิส เป็นนักเตะเชื้อสายอังกฤษวัยเพียง 25 ปี เขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับ เปรสตัน มาตั้งแต่อายุ 11 โดยออกสตาร์ทด้วยการเล่นตำแหน่งแบ็คซ้ายมาโดยตลอด เขาประเดิมชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2013 ก่อนจะถูกปล่อยยืมไปเล่นหลายต่อหลายที่ ไล่ตั้งแต่ ยอร์ค ซิตี้, ทรานเมียร์ โรเวอร์ส, เซาธ์พอร์ท, นิวพอร์ต เคาน์ตี้ และ ฟลีทวู้ด ทาวน์ ก่อนจะได้กลับมาลงหลักปักฐานจริงจังที่ เปรสตัน ก็ในช่วงฤดูกาล 2017-18

 

ซึ่งช่วงเวลาที่ ฟลีทวู้ด ทาวน์ นี่แหละครับ ที่เป็นจุดเปลี่ยนในอาชีพของ เดวิส อย่างแท้จริง โดยในตอนนั้น อูเว่ รอสเลอร์ กุนซือของทีมฟลีทวู้ด ทาวน์ คือคนแรกที่ทดลองจับ เดวิส ไปเล่นเป็นกองหลังตัวกลางฝั่งซ้าย แล้วปรากฏว่า เดวิส ทำผลงานได้ดีกว่าตอนเล่นแบ็คซ้ายเยอะมาก รอสเลอร์ เลยวางเขาให้เป็นตัวจริงของทีมในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง โดยเดวิสถูกส่งลงสนามมากถึง 26 นัดใน 6 เดือนที่ถูกยืมตัว และยังสามารถทำได้ 1 ประตูอีกด้วย

 

พอหมดสัญญายืมตัว ในคราวแรก รอสเลอร์ อยากได้ตัวเดวิสมาอยู่กับ ฟลีทวู้ด เป็นการถาวรเลย แต่ทางด้าน เปรสตัน ที่เพิ่งเปลี่ยนกุนซือเป็น อเล็กซ์ นีล ได้ประทับใจในฝีเท้าของ เดวิส เป็นพิเศษ จึงได้ปฏิเสธที่จะขายเขาออกจากทีม พร้อมกับปรับเปลี่ยนให้เขามาเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟ และยึดตัวจริงของทีมเรื่อยมานับตั้งแต่นั้น

 

แม้จะไม่ใช่กองหลังที่รูปร่างสูงใหญ่มากนัก (185 ซม.)​ แต่ เดวิส ถือเป็นคนที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ สถิติจากออปต้าระบุว่านับตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 จนถึงปัจจุบัน เดวิสโหม่งสกัดให้ เปรสตัน ได้มากถึง 390 ครั้ง, เคลียร์บอลจากเส้น 5 ครั้ง, บล็อคลูกยิงสำคัญ 7 ครั้ง และเข้าสกัดบอลเป็นตัวสุดท้ายได้สำเร็จอีก 4 ครั้งด้วยกัน

 

เชื่อไหมครับว่าสถิติข้างต้นเหล่านั้น มันดันเข้าไปอยู่ในลิสต์ของทีมงานสรรหานักเตะของ ลิเวอร์พูล มาตั้งแต่ปี 2017-18 แล้ว ซึ่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ที่เก็บสถิติในตอนนั้น ปรากฏว่ามีชื่อของ เบน เดวิส ติดเข้ามาด้วย แต่ด้วยความที่นักเตะยังอายุแค่ 22 อีกทั้งยังเล่นในลีกรองมาโดยตลอด ลิเวอร์พูลจึงทำได้แค่เก็บชื่อนี้ไว้ในลิสต์นักเตะที่จับตามองไว้แค่นั้น

 

ผมเชื่อว่า ตลอด 3-4 ฤดูกาลหลังมานี้ สโมสรไม่เคยละสายตาไปจาก เบน เดวิส เลย พอช่วงนี้ประจวบเหมาะกับที่ทีมขาดแคลนกองหลังตัวกลางพอดี ชื่อนี้เลยถูกยกมาเป็นตัวเลือกในการดึงมากู้วิกฤติเกมรับ ซึ่งต้องบอกว่าก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะลงมาจริงจังกับดีลนี้นั้น เดวิสเกือบจะย้ายไปอยู่กับ กลาสโกว์ เซลติค อยู่รอมร่อแล้ว แต่โชคยังดีที่สาลิกาลิ้นทองของ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ นั้นยังคงใช้งานได้เป็นอย่างดี จึงทำให้หงส์แดงฉกตัดหน้าคว้าตัวมาได้สำเร็จ

 

เดวิส เป็นนักเตะที่เล่นบอลด้วยเท้าดีมากนะครับ เหมาะกับฟุตบอลสไตล์ คล็อปป์ เป็นอย่างมาก ดูได้จากสถิติที่เขาคือกองหลังที่ผ่านบอลยาวแม่นที่สุดในแชมเปี้ยนชิพ และยังมีเปอร์เซ็นต์​จ่ายบอลสำเร็จสูงในลำดับต้นๆ ของลีกอีกด้วย



 

ถัดจาก เบน เดวิส คนต่อมาก็คือ "โอซาน คาบัค" ครับ

 

คาบัค คือกองหลังดาวรุ่งที่น่าจับตามองมาก โดย ลิเวอร์พูล เองให้ความสนใจในตัวของ คาบัค มาเกือบๆ 2 ปีแล้วนะครับ แต่ติดที่ทาง ชาลเก้ ตั้งค่าตัวในตอนแรกไว้สูงถึง 40 ล้านปอนด์ เพราะสมัยที่เล่นให้ สตุ๊ตการ์ท เมื่อฤดูกาล 2018-19 นั้น เขาได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร ทั้งที่ย้ายมาเล่นได้แค่ครึ่งฤดูกาลด้วยซ้ำ

 

ลิเวอร์พูล คว้าตัว คาบัค มาได้ในสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล โดยจ่ายค่ายืมเพียงแค่ 1 ล้านปอนด์เท่านั้น! และอาจเพิ่มแอดออนได้สูงสุดอีก 500,000 ปอนด์ตามเงื่อนไขการลงสนาม ทั้งนี้ยังมีออปชั่นในการซื้อตัวพ่วงมาอีกด้วย ในราคา 18 ล้านปอนด์ หากแต่เป็นการซื้อโดยไม่บังคับ ซึ่งถือว่าเป็นการดีลที่โคตรเทพของ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ เลยจริงๆ

 

คาบัค เป็นกองหลังที่มีส่วนสูงประมาณ 186 ซม. และเล่นลูกกลางอากาศค่อนข้างดี โดยสถิติตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน คาบัคโหม่งสกัดได้มากถึง 111 ครั้ง, เคลียร์บอลช่วยทีม 202 ครั้ง, แท็คเกิ้ลชนะ 51 ครั้ง และทำได้ถึง 6 ประตู จากการเล่นให้ 2 สโมสรในเยอรมัน ซึ่ง 4 จาก 6 ประตูที่ทำได้มาจากลูกโหม่งอีกด้วย

 

จุดเด่นอีกอย่างนึงของ คาบัค คือการที่เป็นนักเตะซึ่งกล้าเล่น กล้าลุย มีบุคลิคผู้นำที่ชัดเจน สื่อเยอรมันยกให้เป็นร่างทรงของ เซร์คิโอ รามอส กันเลยทีเดียว



 

การได้ 2 กองหลังมาเสริมทีมในโค้งสุดท้ายของตลาดหน้าหนาว ไม่ได้เป็นแค่การเสริมทัพที่ถูกใจแฟนบอลเท่านั้นนะครับ แต่มันยังแสดงให้เห็นถึงความเขี้ยวในการทำงานของ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ชนิดที่ต้องยกนิ้วให้จริงๆ

 

เบน เดวิส: จากที่เคยมีราคาค่าตัว 10 ล้านปอนด์ แถมเกือบเสร็จ เซลติค ไปแล้ว แต่หงส์แดงปาดหน้าคว้าตัวมาร่วมทีมได้ในราคาแค่ 5 แสน เต็มที่เลยคือ 2.1 ล้าน

 

โอซาน คาบัค: จากที่เคยถูกตีราคาไว้เกือบๆ 40 ล้าน หงส์แดงได้มาร่วมทีมในสัญญายืมตัว โดยจ่ายแค่ 1 ล้าน และต่อให้ซื้อขายจริงๆ รวมราคาแล้วก็เต็มที่เสียหายแค่ 20 ล้านเท่านั้น

 

ทักษะการเจรจาขั้นเทพแบบนี้ ไม่ซูฮกเฮียไมเคิ่ล ยังไงไหวล่ะครับพี่น้อง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด