:::     :::

5 เหตุผลที่ "มุ้ย ธีรศิลป์" จะไปได้สวยในเจลีก

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม 2560 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
6,860
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
5 เหตุผลเท่าที่คิดออก ณ ตอนนี้ ว่าทำไม "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ถึงมีโอกาสประสบความสำเร็จที่เจลีก กับ ซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า ในฤดูกาลหน้า

ครั้งหนึ่งผมเคยพูดถึงเหตุผลที่ "เจ" ชนาธิป จะไปได้สวยในเจลีกไว้ก่อนที่จะเดินทางไปเล่นกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ระหว่างจัดรายการวิทยุที่ FM90.5 เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา คราวนี้กับเคสของ "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกเบอร์ 1 ของทีมชาติไทย ที่กำลังจะเป็นนักเตะไทยคนที่สอง ที่ได้ย้ายไปค้าแข้งในเจลีกกับสโมสร ซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า

สำหรับ "มุ้ย" เองนั้นผมก็ยังเชื่อว่ามีคุณสมบัติทุกอย่างพร้อมสำหรับการยึดตำแหน่งตัวจริงในถิ่นซามูไรได้เช่นกัน หากไม่นับเรื่องของเหตุผลด้านการตลาดของเจลีก เหตุผล 5 ข้อที่ผมเชื่อว่า "มุ้ย" จะไปได้สวยในเจลีก คืออะไรบ้างนั้น ลองอ่านบทความแล้วคิดตามกันดู 

1.มีความหลากหลายในฐานะตัวรุก

ลูกโหม่งทำประตูก็เป็นอีกอาวุธที่พึ่งพา "มุ้ย" ได้

เมื่อพูดถึงข้อดีของ ธีรศิลป์ แดงดา แล้วคุณนึกถึงอะไร ความเฉียบคม, ความเร็ว, ความแข็งแกร่ง, ลูกโหม่งทำประตู, ทักษะการครองบอล, การเก็บบอล, การตัดสินใจ, ดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตู, กล้าตะลุยลากเลื้อยผ่านกองหลัง, การผ่านบอล, การพลิกบอล, ลูกแอสซิสต์ทั้งแบบทรูพาส ทะลุช่อง หรือ จ่ายตัดหลังไลน์  ที่กล่าวมาทั้งหมดนั่นแหละคือคุณสมบัติสิ่งที่ "มุ้ย" มีมากบ้างน้อยบ้างแต่คอนเฟิร์มว่ามีหมด อาจจะเพิ่มความเป็นผู้นำได้ด้วยยามที่สวมเสื้อทีม เมืองทอง

อาจเพราะความเป็นลูกพี่ใหญ่ในฐานะศิษย์เก่าอัสสัมชัญ ธนบุรี ที่มารวมตัวอยู่กัน ณ สโมสรแห่งนี้ อิทธิพลในทีมจึงมีสูงมาก ส่วนกับทีมชาติไทย แม้จะเคยสวมปลอกแขนกัปตัน แต่ก็ยังเงียบไปหน่อย ด้วยบุคลิกที่พูดน้อยแต่ทำมาก ความนับถือที่ได้รับจากเพื่อนร่วมทีมจึงมาจากฝีเท้ามากกว่าฝีปาก

2.ลงเล่นสม่ำเสมอกว่ากองหน้าทุกคนในซานเฟรชเช่

ก็เล่นฟิตซะขนาดนี้ ล่ำบึ้กซะขนาดนี้

ในไทยลีกฤดูกาลที่ผ่านมา "มุ้ย" ได้ลงเล่นให้ทีม "กิเลนผยอง" 31 นัด เป็นตัวจริง 27 เกม และซัดไป 14 ประตู เป็นนักเตะไทยที่ทำประตูได้สูงสุดในลีก แม้อาจดูว่ายิงไม่เยอะมากมายนัก แต่อย่าลืมว่า "มุ้ย" ไม่ได้เป็นคนซัดจุดโทษให้ทีม ซึ่งหากเจ้าตัวอาสารับบทบาทนี้จำนวนสกอร์ที่ยิงได้ก็คงจะเยอะขึ้นเป็นกอบเป็นกำ และจากข้อมูลที่ทราบ ซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า ตัดสินใจไม่ต่อสัญญายืมตัวกองหน้าบราซิล 2 คนไปแล้วทั้ง อันแดร์สัน โลเปซ และ พาทริซ จากลีกในบราซิล โดย อันแดร์สัน โลเปซ เป็นหอกตัวเลือกอันดับ 1 ของทีมในซีซั่นล่าสุดได้ลงเล่นไป 29 นัดยิงได้เพียง 10 ประตู ซึ่งมากสุดแล้วภายในทีม ขณะที่ พาทริซ ลงเล่นไป 15 นัดยิงได้เพียง 4  ประตู ส่วนกองหน้าตัวเป้าคนอื่นๆ อย่าง มาซาโตะ คุโดะ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติญี่ปุ่น ลงไป 18 นัดเท่ากับ ยูสึเกะ มินางาวะ แต่ยิงได้เพียง 3 และ 1 ประตูเท่านั้นตามลำดับ 

ถึงแม้ความยากของไทยลีกจะไม่เท่ากับเจลีก แต่การได้ลงสนามสม่ำเสมอในทุกรายการ สำหรับนักเตะทุกคนถือว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะตำแหน่งกองหน้าที่การร้างสนามไปนานๆ นั้นคงไม่เป็นผลดีต่อสัญชาตญาณในการจบสกอร์แน่นอน 

3.ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว

น้องบีบี กับน้องมาดริด คือกำลังใจสำคัญ

หากยังจำกันได้ สมัยไปค้าแข้งกับ อัลเมเรีย ในศึกลา ลีกา สเปน เมื่อปี 2014 อุปสรรคสำคัญของมุ้ย คือ "โฮมซิก" ที่เกิดจากปัญหาในการปรับตัวเข้ากับภาษา, วัฒนธรรม และอาหารการกิน บางคนอาจยังไม่ทราบว่าอยู่ที่สเปน มุ้ยพักอยู่คนเดียว ต้องออกไปจ่ายตลาดเอง ซื้อของมาทำกับข้าวกินเอง และบ่อยครั้งที่ทำเสร็จแล้วต้องเททิ้งเพราะกระเดือกฝีมือตัวเองไม่ลง ยิ่งเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ชอบสุงสิงไม่เจรจาพาทีกับใคร การอยู่ตัวคนเดียวมันฟุ้งซ่านได้ง่าย ยิ่งคุยกับใครไม่รู้เรื่องยิ่งกลุ้มหนัก 

เรื่องภาษาเมื่ออยู่นอกสนามว่ายากแล้ว ในสนามยิ่งยากกว่าเพราะโค้ชสั่งอะไรก็ฟังไม่ออก เพื่อนพูดแต่สแปนิช, โปรตุกีส, เฟรนช์ ไม่มีใครพูดอังกฤษสักคน หากมีล่ามก็ช่วยได้แค่ตอนซ้อม ตอนแข่งไม่ได้ลงไปวิ่งด้วย ใครที่เคยเข้าใจว่า "คุณเจมส์ ลาลีกา" นักข่าวสยามกีฬาคอยอยู่เป็นเพื่อนและเป็นล่ามให้นั้น ก็อยากให้เข้าใจเสียใหม่  เพราะ "คุณเจมส์" เขาประจำการอยู่ที่กรุงมาดริด ซึ่งอยู่ภาคกลาง ขณะที่ อัลเมเรีย เป็นเมืองติดชายหาดทางฝั่งตะวันออก ห่างกันกว่า 600 กิโลเมตร นานๆ ทีถึงจะมาเยี่ยมเยียนกันได้ 

แต่จากนี้ไป "มุ้ย" ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว เพราะการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ทราบว่ามีเงื่อนไขสามารถพา "บีบี" ภรรยา และ "น้องมาดริด" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่วัยกำลังซนกำลังน่ารัก ไปอยู่ด้วยได้ นี่แหละจะเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้หายเหงา ถ้าใครมีลูกเล็กๆ จะเข้าใจ ไม่เจอกันวันเดียวก็คิดถึงแทบกระอัก แต่การมีครอบครัวคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง ถ้าได้คู่ครองที่ดีคอยเป็นกำลังใจส่งเสริมกัน และยิ่งไปกว่านั้นถ้าครอบครัวชอบวิถีชีวิตที่ญี่ปุ่นด้วย แน่นอนว่า มุ้ย จะอยู่ที่นั่นได้ง่ายมากขึ้นเยอะ

4.ประสบการณ์ระดับชาติและสโมสรสูงกว่าใคร


นาธาน เบิร์นส์ ศูนย์หน้าทีมชาติออสเตรเลีย มาตกอับที่ญี่ปุ่น

ด้วยความที่ ซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า เป็นทีมที่พยายามผลักดันผู้เล่นไปค้าแข้งในลีกยุโรป คนเก่งๆ ย้ายออกไปหมด จนทำให้ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ของทีมตกต่ำที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ด้วยการจบอันดับ 15 ของตารางเหนือทีมโซนตกชั้นแค่แต้มเดียว และในทีมซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า ชุดปัจจุบัน มีเพียง 4 รายที่เคยติดทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่คือ โทชิฮิโระ อาโอยามะ, มาซาโตะ คุโดะ, โยสึเกะ มินางาวะ, ไดกิ นิวะ แต่ก็ติดๆ หายๆ และไม่เคยเป็นตัวหลักของทีม "ซามูไรบลูส์" นอกจากนั้นก็มีอดีตทีมชาติออสเตรเลียอย่าง นาธาน เบิร์นส์ กองหน้าที่ตกต่ำสุดขีดตั้งแต่การถูกเอฟซี โตเกียว ส่งไปเล่นให้ทีมสำรองใน เจ3 กระทั่งย้ายมาอยู่ซานเฟรชเช่ ตั้งแต่เดือนก.ค. ช่วงขณะเดียวกับที่ ชนาธิป ไปอยู่ซัปโปโร จวบจนถึงป่านนี้ "พ่อหนุ่มนักเบิร์นส์" ยังไม่เคยได้ลงสัมผัสเกมเลยแม้แต่นาทีเดียว แว่วๆ มาว่าปีใหม่นี้ ซานเฟรชเช่ อาจจะยกเลิกสัญญากับเจ้าตัวด้วยซ้ำไป

ตรงกันข้ามกับธีรศิลป์ เอาล่ะระดับของทีมชาติไทยอาจจะห่างจากญี่ปุ่นเยอะ แต่นี่ผมพูดถึงแค่เรื่องประสบการณ์แบบเพียวๆ มุ้ยลงเล่นให้ทีม "ช้างศึก" มาแล้ว 91 นัด ยิงไป 42 ประตู รวมไปถึงกับสโมสรทั้งเกมและบอลถ้วย โดยเฉพาะถ้วยสโมสรเอเชีย ที่พิสูจน์ให้ทีมจากญี่ปุ่นเห็นแล้วในฤดูกาลที่่ผ่านมาเมื่อยิงประตูได้ทั้ง คาชิม่า อันท์เลอร์ และ คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ สองยอดทีมแดนปลาดิบ 

ยิ่งไปกว่านั้น "มุ้ย" เป็นถึงอดีตนักเตะจากลา ลีกา สเปน แม้ไม่ได้เป็นตัวหลักให้อัลเมเรีย แต่ถ้าดูที่ผลงานในการลงสนามก็ถือว่าต่อบอลครองบอลได้ไม่ขี้เหร่ ติดแค่ว่าเพื่อนร่วมทีมโคตะระพ่อเลี้ยง ณ ชั่วโมงนั้นอย่าได้คิดหาคำว่าทีมเวิร์คจากทีมอย่าง อัลเมเรีย นึกย้อนกลับไป ผมยังคิดเข้าข้างคนไทยด้วยกันอยู่ว่า หลายๆ จังหวะถ้าเพื่อนร่วมทีมใจกว้างสักหน่อย หรือมุ้ยเห็นแก่ตัวสักหน่อย ชีวิตที่สเปนก็คงไปได้สวยกว่านี้แล้ว 

5.เคยทั้งล้มและลุกมาแล้ว

อัลเมเรียคือประสบการณ์ที่จะทำให้ "มุ้ย" เติบโตยิ่งขึ้น

ชีวิตคนเราต้องย่อมก้าวผ่านจุดสูงสุดและคืนสู่สามัญ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น อันนี้เรื่องจริงไม่ได้จะอิงดราม่า "มุ้ย" เองในฐานะดาวยิงทีมชาติไทย และหัวหอกคนสำคัญที่ขาดไม่ได้หากหายไปก็มีคิดถึง สำหรับแฟนๆ "กิเลนผยอง" ในผืนแผ่นดินสยามเขาประสบความสำเร็จมาหมดแล้ว อาจสวนทางกับความท้าทายและรู้สึกกระหายที่ลดน้อยถอยลงไปบ้าง และครั้งหนึ่งกับการไปผจญภัยกับชีวิตยากๆ ที่แดนกระทิง จะด้วยปัญหา108อะไรก็ตาม หากใช้คำว่าเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงก็คงไม่ผิดนัก แต่ "มุ้ย" ก็กลับมารักษาบาดแผลทางใจ ค่อยๆ คืนฟอร์มจนแกร่งขึ้นครบเครื่องขึ้นยิ่งกว่าช่วงก่อนไปสเปนซะอีก

ไม่มีชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จคนไหนหรอก ที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน หนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบน่ะ มันมีแค่ในนิยายเท่านั้นล่ะ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมยังเห็นความกระหายอยู่ในแววตาที่แลดูง่วงซึมตลอดเวลาคู่นั้น ผมว่าคราวนี้เขาตั้งเป้าหมายไว้ไม่ใช่เรื่องหาประสบการณ์หรือรายได้ แต่เป็นการอยากไปพิสูจน์ให้ทั้งตัวเองและทุกคนหายข้อข้องใจไปเลยว่า ผู้ชายที่ชื่อ "ธีรศิลป์ แดงดา" น่ะ ก็มีดีพอสำหรับระดับที่สูงกว่าไทยลีกนะโว้ย 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})